สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 236 ไม่กลัวตาย
ตอนที่ 236 ไม่กลัวตาย
“เรารู้ดีว่าฟางเหล่าทำทุกอย่างเพื่อเรา! ฟางเหล่ากล่าวกับเราได้ทุกเรื่อง…” รัชทายาทกล่าว
“แม้ว่าบัดนี้องค์ชายจะได้เป็นรัชทายาทแล้ว ทว่า ฝ่าบาทหวาดระแวงและเปลี่ยนพระทัยง่าย ในฐานะโอรส ขุนนาง องค์ชายจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ทว่า องค์ชายเป็นรัชทายาท…เป็นจักรพรรดิต้าจิ้นคนต่อไป ดังนั้นองค์ชายจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอย่างเดียวไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายต้องเหลือทางรอดให้พระองค์เองด้วย บัดนี้แม่ทัพไป๋มอบกองทัพไป๋ทั้งหมดให้องค์ชายแล้ว ขอเพียงองค์ชายมีกองทัพไป๋อยู่ในกำมือ…หากภายภาคหน้าฝ่าบาทต้องการเปลี่ยนแปลงผู้สืบทอด ฝ่าบาทต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ฟางเหล่ากล่าวกับรัชทายาทด้วยเสียงเบาหวิว
ถ้อยคำนี้ฟังดูเนรคุณมาก ทว่า เมื่อออกมาจากปากของฟางเหล่าที่รัชทายาทเชื่อใจไม่เคยคลางแคลง รัชทายาทไม่ได้รู้สึกตำหนิเขาเลยแม้แต่น้อย
มนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว รัชทายาทยอมรับว่าตัวเองไม่อาจทำได้อย่างตระกูลไป๋ที่มีใจทำเพื่อบ้านเมือง สลักศรัทธาไว้ในกฎของตระกูลอย่างฝั่งลึกเช่นนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าบัลลังก์อันสูงส่งนั่น ในฐานะองค์ชาย ผู้ใดไม่อยากครอบครองบัลลังก์นั่นบ้าง
ถ้อยคำของฟางเหล่าจี้แทงใจดำของรัชทายาท ก่อนที่รัชทายาทจะได้ครอบครองบัลลังก์นั่น ผู้ครอบครองบัลลังก์มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสด็จพ่อของเขายังมีพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ท่านอาจมีโอรสอีกก็ได้ องค์ชายองค์อื่นอาจเด็กอยู่ ทว่า เสด็จพ่ออาจครองราชย์อยู่จนถึงตอนที่พวกเขาเติบใหญ่ จากนั้นยกบัลลังก์ให้โอรสองค์อื่นแทน
เขา…ต้องเหลือทางรอดให้ตัวเองบ้าง!
รัชทายาทพยักหน้า “บัดนี้ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องจำกัดทหารค่ายหู่อิงให้สิ้นซากดังที่เสด็จพ่อสั่งอีกแล้ว!”
สละทหารกล้าและแข็งแกร่งที่ได้มาอย่างง่ายดายและพร้อมใช้งานทิ้ง จากนั้นเสียเวลาฝึกทหารกลุ่มใหม่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำเช่นนี้!
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ฟางเหล่าพยักหน้า
“ทว่า เรื่องนี้องค์ชายรับรู้ไว้เป็นพอพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาททรงทราบ อาจจะคิดว่าองค์ชายมิใจเป็นอื่น มันไม่เป็นผลดีต่อองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นรัชทายาทพยักหน้ารับ ฟางเหล่าจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“จัดการเรื่องใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว องค์ชายทรงรับสั่งให้เริ่นซื่อเจี๋ยเดินทางไปเตรียมของขวัญล่วงหน้าก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
วันนั้น รัชทายาทเขียนฎีกาทูลขอความดีความชอบให้ไป๋ชิงเหยียนจากนั้นให้คนส่งกลับไปยังเมืองหลวง เขาคิดว่าหากไป๋ชิงเหยียนกลับไปเมืองหลวงแล้วพบว่ารัชทายาทอย่างเขาทูลขอความดีความชอบให้นางก่อนแล้ว นางคงซาบซึ้งในบุญคุณและจงรักภักดีต่อเขามากกว่าเดิม
รัชทายาทที่กำลังอารมณ์ดีรับประทานโจ๊กไก่ร้อนๆ อย่างเรียบง่าย จากนั้นงีบหลับผักผ่อน จวบจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินรัชทายาทจึงตื่นขึ้น เขาได้รับรายงานว่าเสิ่นเหลียงอวี้ยังไม่ได้เบาะแสอันใดจากศพทหารหน่วยกล้าตายเหล่านั้น ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนต้าจิ้น ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงไปอยู่กับซีเหลียงได้
รัชทายาทเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นสั่งให้เสิ่นเหลียงอวี้จัดการศพให้เรียบร้อย เขาไม่ได้กล่าวอันใดออกมาอีก
เสิ่นเหลียงอวี้รับคำพลางออกมาจากกระโจม
แม้ทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งจะไม่ใช่ทหารของค่ายหู่อิง ทว่า สำหรับเสิ่นเหลียงอวี้แล้ว ผู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันล้วนคือสหาย!
ไป๋ชิงเหยียนพาไป๋จิ่นจื้อและแม่ทัพทุกคนของตระกูลไป๋นำร่างของทหารค่ายหู่อิงและทหารหน่วยกล้าตายของตระกูลต่งไปฝั่งที่ริมแม่น้ำจิง
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องไปยังภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ก้อนเมฆลอยเต็มนภา ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก!
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อก้มศีรษะคำนับสามครั้ง ใช้สุราคาราวะวีรบุรุษผู้กล้าทั้งหลาย ขอบคุณที่พวกเขาสละชีพช่วยเหลือเสี่ยวจิ่วออกมาอย่างไม่กลัวตาย
“เสิ่นเหลียงอวี้จุดไฟเผากิ่งไม้เหล่านั้น จากนั้นกลับไปรายงานรัชทายาทว่าเผาร่างของทหารเหล่าหมดแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ขอรับ!” เสิ่นเหลียงอวี้ลุกขึ้นยืน นำคนไปเก็บกิ่งไม้
ทุกคนล้วนเป็นทหาร ต่างลงมืออย่างฉับไวและระมัดระวัง ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่นานกิ่งไม้ก็กองรวมกันราวกับภูเขาขนาดย่อม
เสิ่นเหลียงอวี้เลือกเก็บกิ่งไม้ที่ยังมีความชื้นอยู่เล็กน้อย กิ่งไม้เช่นนี้เมื่อติดไฟจะลุกโหมเป็นกองใหญ่ ทางที่ดีควรลุกเป็นกองใหญ่จนผู้ที่อยู่ทางโยวหวาเต้าสามารถมองเห็นได้ เช่นนี้เขาจะได้มีหลักฐานไปรายงาน
เมื่อจุดไฟ ไป๋ชิงเหยียนจูงเชือกม้ายืนอยู่ข้างกองไฟ มองดูเขม่าควันสีดำที่พัดฟุ้งไปในอากาศตามแรงลม จากนั้นกล่าวกับเสิ่นเหลียงอวี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“วันนี้ข้ากล่าวกับรัชทายาทว่าท่านเป็นคนยโส ไม่ชอบให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งย่ามเวลาฝึกฝนทหาร…ให้รัชทายาทเชื่อฟังท่านในเรื่องการฝึกทหาร ส่วนเรื่องอื่นให้แม่ทัพของเขากดท่านเอาไว้ เช่นนี้จะได้ควบคุมท่านได้”
เสิ่นเหลียงอวี้ได้ยินก็เข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อในทันที มีเพียงไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้เท่านั้น รัชทายาทจึงจะรู้สึกว่าหญิงสาวจริงใจต่อพระองค์ รัชทายาทจะเชื่อคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน ไม่ให้ผู้อื่นมายุ่งเกี่ยวเวลาเขาฝึกฝนทหาร
เสิ่นเหลียงอวี้พยักหน้า “ข้าเข้าใจขอรับ ต้องเสียสละจึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ! ให้แม่ทัพของรัชทายาทกดข้าในเรื่องอื่น รัชทายาทจะได้ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการฝึกฝนทหารของข้า!”
ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเสิ่นเหลียงอวี้ นัยน์ตามีรอยยิ้ม “เช่นนั้นต้องรบกวนท่านแสดงท่าทียโสโอหังสักหน่อย อย่าให้ถูกจับได้เด็ดขาด…”
“ข้าทราบดีขอรับ” เสิ่นเหลียงอวี้พยักหน้า
บัดนี้กองทัพไป๋ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก กองทัพไป๋ที่เหลืออยู่แค่หนึ่งหมื่นนายคือเชื้อเพลิงของกองทัพไป๋ ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างดีที่สุด คนเก่าแก่ในกองทัพไป๋อย่างพวกเขาต้องคอยช่วยเหลือเสี่ยวไป๋ไซว่ จะสร้างปัญหาเพิ่มไม่ได้เด็ดขาด!
ดังนั้น บัดนี้เสี่ยวไป๋ไซว่บอกว่าเขาเป็นคนดื้อรั้น ยโสโอหัง ต่อให้เขาเป็นคนขี้ขลาด…ก็ต้องแสดงท่าทีดื้อรั้น ยโสโอหังออกมาให้รัชทายาทเห็นให้ได้
กว่าไฟจะมอดดับ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว พระจันทร์ส่องสว่างอยู่เหนือแม่น้ำจิง
ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นไปบนหลังม้า
พรุ่งนี้ไป๋ชิงเหยียนต้องติดตามรัชทายาทกลับไปยังเมืองหลวงแล้ว หญิงสาวจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวลอีก
“คุณหนูใหญ่ไป๋…คุณหนูใหญ่ไป๋!”
ไป๋ชิงเหยียนที่นั่งอยู่บนหลังม้าเรียบร้อยหันกลับไปมองทางต้นเสียง
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนควบม้าเข้ามาท่ามกลางแสงจันทร์
องค์รักษ์ผู้นั้นขี่ม้าเข้ามาใกล้ ไป๋ชิงเหยียนจึงมองเห็นว่าเป็นผู้ใด มือข้างหนึ่งขององครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนจูงม้าสีดำหายากเข้ามาตัวหนึ่ง
องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนกระโจนลงมาจากหลังม้า กำหมัดคาราวะไป๋ชิงเหยียน
“คุณหนูใหญ่ไป๋ ข้าได้รับคำสั่งจากนายท่านให้นำจดหมายและม้ามามอบให้คุณหนูใหญ่ขอรับ!”
กล่าวจบ เยว่สือล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก ชูจดหมายขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้างพลางส่งให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
ตอนที่เยว่สือได้รับคำสั่งให้นำม้าและจดหมายมามอบให้ไป๋ชิงเหยียน กองทัพต้าเยี่ยนที่นำทัพโดยเซี่ยสวินบุกยึดเมืองหลวงของหนานเยี่ยนได้แล้ว
นายท่านกล่าวว่าคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้เขารู้ว่าใจของชาวบ้านสำคัญเพียงใด เป็นเพราะคำกล่าวของคุณหนูใหญ่ ต้าเยี่ยนของพวกเขาจึงยึดหนานเยี่ยนได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ ที่สำคัญพวกเขาอ้างว่าจะฟื้นฟูการปกครองใหม่จึงได้ใจประชาชนทั้งแคว้น แคว้นอื่นๆ จึงไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองต้าเยี่ยนยึดหนานเยียนกลับคืนจนสำเร็จ
เยว่สือซาบซึ้งและนับถือไป๋ชิงเหยียนมากจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ เขาจึงนอบน้อมมากยิ่งขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนมองดูจดหมายที่เยว่สือยื่นให้นิ่งๆ ไป๋จิ่นจื้อควบม้าเข้ามาใกล้ สาวน้อยกระตุกชายเสื้อของพี่สาว “พี่หญิงใหญ่! จดหมายของเซียวเซียนเซิงเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายมา เปิดออกอ่าน…
เนื้อหาในจดหมายไม่ได้มีสิ่งใดมาก บอกแค่ว่าผู้ดูแลม้าที่เมืองคุนเทียนมอบม้าหายากตัวนี้ให้แก่เขา แม้เขาจะรู้สึกว่าม้าตัวนี้ไม่ได้พยศดังเช่นม้าตัวก่อน ทว่า เป็นม้าชั้นเลิศที่หาได้ยาก เขาตั้งใจมอบให้ไป๋ชิงเหยียน หวังว่าม้าตัวนี้จะช่วยเหลือหญิงสาวได้ในสนามรบ หวังว่าหญิงสาวจะรับมันไว้