สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 248 เริ่มต้นชีวิตใหม่
ตอนที่ 248 เริ่มต้นชีวิตใหม่
“แล้วจะพบพี่ชายเก้าอย่างไรเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถามต่ออย่างอดไม่ได้
ตอนที่พบกันที่เมืองเฟิ่งเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ไป๋จิ่นจื้อรับหน้าที่ดูต้นทาง ดังนั้นสาวน้อยจึงไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่ตกลงกับเซียวรั่วไห่เช่นไร
“ไม่ต้องรีบร้อน…”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็ได้ยินเสียงเด็กรับใช้พาแขกอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา น้ำเสียงดูคุ้นหูมาก
“คุณชายวางใจได้ขอรับ ข้าทำความสะอาดห้องรับรองที่คุณชายจองไว้ตั้งแต่เช้า ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งย่ามทั้งสิ้น เหตุใดวันนี้คุณชายถึงมาคนเดียว คุณชายหวังล่ะขอรับ เขาเชิญท่านหมอเทวดาจี้ไปดูอาการบาดเจ็บที่ขาได้หรือยังขอรับ”
“ยังไม่ได้!” น้ำเสียงที่คุ้นเคยถอนหายใจออกมา “ฮูหยินจี้ทนพวกเรารบเร้าไม่ไหวจึงบอกว่าท่านหมอเทวดาจี้ไปตามหาบุตรสาวที่โยวหวาเต้า ดังนั้นพวกเราเลยไปเสียเที่ยว”
มือที่ถือถ้วยน้ำของไป๋ชิงเหยียนชะงัก หัวใจของหญิงสาวหนักอึ้งเล็กน้อย
ไม่นาน เด็กรับใช้ก็นำอาหารมาให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเดินจากไป
จู่ๆ มีเสียงดังมาจากบริเวณเก้าไม้ยาวตัวนุ่มสีแดงในห้องรับรอง ไป๋จิ่นจื้อจับมีดสั้นที่เอวของตัวเองโดยสัญชาตญาณ สาวน้อยเบิกตาโพลงมองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“ไม่ต้องกลัว…” ไป๋ชิงเหยียนปลอบไป๋จิ่นจื้อ “ทานข้าวต่อเถิด”
กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นเดินไปยังเก้าไม้ยาวตัวนุ่มสีแดง กลั้นหายใจพลางขยับเก้าไม้ยาวออก…
ไป๋จิ่นจื้อที่นั่งทานอาหารอยู่เบิกตาโพลง นางเห็นอย่างชัดเจนว่าด้านหลังเก้าอี้ยาวมีช่องโหว่ขนาดคนหนึ่งคนมุดเข้าไปได้เชื่อมต่อไปยังห้องรับรองข้างๆ
เซียวรั่วไห่ที่อยู่ในชุดผ้าไหมมุดอยู่ตรงปากช่องนั้น เมื่อไป๋ชิงเหยียนขยับเตียงออกห่าง ชายหนุ่มจึงมุดออกมาจากช่อง
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูสี่…” เซียวรั่วไห่กล่าวเสียงเบาหวิว
ไป๋จิ่นจื้อวางตะเกียบลงบนชาม เดินเข้าไปสำรวจช่องนั้นอย่างรีบร้อน ทว่า ภายในช่องว่างเปล่า ไม่มีร่างของพี่ชายเก้า สาวน้อยเตรียมหันกลับไปถามก็ได้ยินเสียงพี่หญิงใหญ่ดังขึ้นเสียก่อน
“เสี่ยวจิ่วอยู่ที่อำเภอเฟิงแล้วไม่ใช่หรือ”
“คุณหนูใหญ่ เมื่อเช้าข้าไปที่ห้องของคุณชายเก้าแต่เช้า ทว่า คุณชายเก้าจากไปแล้วขอรับ…” เซียวรั่วไห่ขบกรามแน่น
“เซียวรั่วเจียงช่วยคุณชายเก้าจากไปขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น “ทิ้งจดหมายไว้หรือไม่”
“ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำขอรับ” เซียวรั่วไห่เม้มปากแน่น “คุณชายเก้ากล่าวว่าเขาไม่อยากให้คุณหนูใหญ่เห็นสภาพน่าอนาถของตัวเอง เขาจะไปหาอาจารย์กู้อีเจี้ยนของคุณชายเจ็ดที่ภูเขาหลัวผานขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น
ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลง “เหตุใดต้องไปที่ภูเขาหลัวผาน! พี่ชายเก้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าที่นั่นมีแต่อันตราย!”
อาจารย์กู้อีเจี้ยนของไป๋ชิงเจวี๋ยเคยพบไป๋ชิงอวิ๋น เขาต้องการรับไป๋ชิงอวิ๋นเป็นศิษย์คนสุดท้าย ทว่า ไป๋ชิงอวิ๋นกลับดื้อรั้นไม่ยอมตอบตกลง
มือที่กำแน่นของไป๋ชิงเหยียนค่อยๆ คลายลง ใบหน้าเริ่มปรากฏรอยยิ้ม “ข้ารู้แล้ว…”
คนเราหากมีเป้าหมายที่ต้องการบรรลุชัดเจนแน่นอน ก็จะสามารถหลงลืมความทุกข์โศกได้เอง
ไป๋ชิงอวิ๋นไม่อยากมาพบนางในสภาพสองขาพิการ ยิ่งไม่อยากให้นางปกป้อง ดังนั้นเขาจึงจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเส้นทางใหม่
ดังนั้นน้องชายเก้าของนาง ไป๋ชิงอวิ๋นคนที่หยิ่งทระนงและไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดง่ายๆ เขาไม่ได้จมอยู่กับความทุกข์ทรมานจนยืนหยัดขึ้นไม่ได้อีกครั้ง
ที่นางต้องการพบเสี่ยวจิ่วในครั้งนี้ก็เพราะเป็นห่วงว่าน้องชายจะรู้สึกพ่ายแพ้จนยืนหยัดขึ้นมาไม่ได้อีก!
นางเตรียมถ้อยคำปลอบขวัญเขามากมาย ทว่า ดูเหมือนว่า…คงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว!
คนตระกูลไป๋ตัวตายได้ ทว่า จิตวิญญาณไม่มีวันดับสูญ ยอมหักไม่ยอมงอ จะย่อท้อต่ออุปสรรคไม่ได้!
คำสอนของท่านปู่ดังแว่วอยู่ในหูของหญิงสาว ดวงตาของนางร้อนผ่าว ทว่า กลับรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าช่วงเวลาใดทั้งสิ้น
นางมองน้องชายของตัวเองผิดไป คุณชายทุกคนของตระกูลไป๋ ไม่มีผู้ใดย่อท้อต่ออุปสรรคและปัญหาทั้งสิ้น!
ไป๋ชิงเหยียนจะรอคอยการกลับมาของน้องชายเก้าไป๋ชิงอวิ๋น เขาต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลายเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน
“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นจื้อมองดูดวงตาที่แดงก่ำของไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยกระตุกแขนเสื้อของพี่สาว “พี่หญิงใหญ่อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปตามพี่ชายเก้ากลับมาเอง!”
“ไม่ต้อง พี่แค่ดีใจที่เขาไม่ได้จมอยู่กับความทุกข์ อาอวิ๋นเป็นบุรุษคนดีของตระกูลไป๋!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเซียวรั่วไห่ยิ้มๆ
“หรู่ซยง หากแสดงละครฉากนี้จบ รบกวนหรู่ซยงทั้งสองช่วยตามไปดูแลเสี่ยวจิ่วแทนข้าด้วย! บอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงอันใดทั้งสิ้น ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำอย่างเต็มที่ ตระกูลไป๋มีพวกเราพี่น้องอยู่ บอกเขาว่าทุกคนในตระกูลไป๋รอเขากลับมา!”
“ขอรับ!” เซียวรั่วไห่กำหมัดรับคำด้วยตาที่แดงก่ำ
“ไปเถิด ให้คนขึ้นมาได้แล้ว…”
“ขอรับ!” เซียวรั่วไห่รับคำอย่างหนักแน่น
ทว่า ไป๋จิ่นจื้อกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ไม้ต้องกลัว เป็นแค่การแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอันตรายอันใดหรอก!” ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะไป๋จิ่นจื้ออย่างปลอบประโลม “ไปทานข้าวต่อเถิด”
ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้า เมื่อเห็นเซียวรั่วไห่มุดช่องกลับไปแล้ว ไป๋จิ่นจื้อช่วยไป๋ชิงเหยียนดันเตียงกลับเข้าที่ตามเดิม จากนั้นนั่งลงทานข้าวต่ออย่างว่าง่าย
บัดนี้รัชทายาทที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายรอดูสถานการณ์อยู่ที่นอกอำเภอเฟิงพร้อมกับจางตวนรุ่ยสีหน้าย่ำแย่มาก
นอกรถม้า คนที่รัชทายาทส่งไปสังเกตการณ์ไป๋ชิงเหยียนยืนรายงานรัชทายาทอยู่นอกรถม้า
“แม่ทัพไป๋และคุณหนูสี่เข้าไปรับประทานอาหารที่ห้องรับรอง จากนั้นดื่มน้ำชา ดูเหมือนยังไม่มีทีท่าจะจากไปพะย่ะค่ะ ทว่า พวกกระหม่อมพบคนกลุ่มหนึ่งในเมือง หนึ่งในคนเหล่านั้นคือหรู่ซยงของแม่ทัพไป๋ที่รักษาบาดแผลอยู่ที่โยวหวาเต้าพ่ะย่ะค่ะ”
เฉวียนอวี๋ที่ปรนนิบัติรัชทายาทอยู่ในรถม้าได้ยินเช่นนี้ เขาตกใจจนหน้าซีดเผือด
แววตาของรัชทายาทเต็มไปด้วยไอสังหาร เขาเขวี้ยงถ้วยชาในมือทิ้งทันที
น้ำร้อนในถ้วยชากระเด็นออกมาด้านนอก เฉวียนอวี๋ตกใจจนรีบคุกเข่าลงบนพื้น ลอบปาดเหงื่อแทนแม่ทัพไป๋อยู่ในใจ
เฉวียนอวี๋ลอบภาวนาอยู่ในใจ ขออย่าให้แม่ทัพไป๋ทรยศรัชทายาทเลย มิเช่นนั้นรัชทายาทคงไม่ปล่อยแม่ทัพไป๋เอาไว้แน่
ไป๋ชิงเหยียนเห็นเขาเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ!
ช่วงหลายวันมานี้…เขากลับเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจงรักภักดีต่อเขาจริงๆ เขานึกถึงเรื่องที่เซียวรั่วเจียงกล่าวว่าไปที่หนานเยี่ยนเพื่อพบเซียวหรงเหยี่ยน เหอะ…
เซียวรั่วเจียงคงไปพบเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ ทว่า คงถือโอกาสนั้นลอบไปทำอย่างอื่นที่เป็นความลับด้วยกระมัง
เหมือนเช่นตอนนี้ ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าจะมาสักการะศพของน้องชาย แท้ที่จริงกลับมีสิ่งอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย
นางอ้างว่าหรู่ซยงต้องการพักรักษาตัวอยู่ที่โยวหวาเต้าต่อ ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวที่อำเภอเฟิง แสดงว่าพวกเขานัดแนะกันมาทำสิ่งใดแน่ๆ
“ไปที่โรงเหล้านั่น!” รัชทายาทกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน
“เราจะดูสิว่านางคิดจะทำอันใดกันแน่”
จางตวนรุ่ยที่นั่งอยู่บนหลังมาลอบเลียริมฝีปาก ในใจอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
แม้ตอนนี้จางตวนรุ่ยจะเป็นแม่ทัพในสังกัดของรัชทายาท เขาควรคิดเพื่อรัชทายาท ทว่า หลังผ่านสงครามในครั้งนี้ จางตวนรุ่ยรู้สึกนับถือไป๋ชิงเหยียนมาก ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่หนักแน่นหรือการวางแผนอันชาญฉลาดของหญิงสาว
รัชทายาทต้องควบคุมไป๋ชิงเหยียนให้ได้ หากครั้งนี้รัชทายาทพบว่าไป๋ชิงเหยียนแอบทำสิ่งใดลับหลังเขา ไป๋ชิงเหยียนคงไม่รอดแน่นอน ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้ารัชทายาท เขาไม่อาจเตือนสิ่งใดไป๋ชิงเหยียนได้เลย มันช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง
เขาได้แต่หวังว่าไป๋ชิงเหยียนคงไม่ได้คิดการกบฏ หรือทำเรื่องที่ทรยศรัชทายาทเด็ดขาด…
ต่อให้นางจะอ้างว่าสงสัยเรื่องการตายของบุรุษตระกูลไป๋จึงสั่งให้คนมาสืบดู รัชทายาทก็คงเข้าใจได้ เพราะยังเหลือศพของตระกูลไป๋อีกมากมายที่ไม่ได้ส่งกลับไปยังเมืองหลวง