สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 251 ตั้งตนเป็นจักรพรรดิ
ตอนที่ 251 ตั้งตนเป็นจักรพรรดิ
เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างของไป๋ชิงอวิ๋นพิการแล้ว
“ทุกคนล้วนมีวาสนาเป็นของตัวเอง หากไม่อาจฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์กู้อีเจี้ยนได้ ขอแค่พี่ชายเก้าของเจ้ายังไม่สิ้นหวัง ก็ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัว” ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย “พี่เชื่อว่าภายภาคหน้าพี่ชายเก้าของเจ้าต้องทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างแน่นอน!”
แต่ไรมาผู้ที่จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ไม่เพียงมีความสามารถที่มากล้นเท่านั้น ยังต้องมีความพากเพียรพยายามอีกด้วย
ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าน้องชายของนางมีทั้งสองสิ่งอยู่ในกาย
“เสี่ยวไป๋ไซว่!”
“เสี่ยวไป๋ไซว่!”
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อหันกลับไปมอง
ห่างออกไปไกล เห็นเพียงชาวบ้านยืนรวมกลุ่มกันอยู่ที่หน้าประตูอำเภอเฟิง ผู้ที่อยู่หน้าสุดของขบวนคือชายชราที่จูงเด็กชายหนึ่งคน ชายชราผู้นั้นคืออาจารย์ที่สอนตำราอยู่ที่อำเภอเฟิงนั่นเอง
เมื่อชาวบ้านอำเภอเฟิงเห็นว่าทั้งสองคนที่ขี่ม้าจากไปไกลหันกลับมามอง ต่างก็แน่ใจว่าหนึ่งในนั้นคือเสี่ยวไป๋ไซว่
ชายชราจูงให้เด็กชายนั่งคุกเข่าลงด้วยร่างที่สั่นเทา ก้มศีรษะแนบพื้นคารวะไปทางไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา
ชาวบ้านอำเภอเฟิงต่างพากันคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างขอบคุณที่เสี่ยวไป๋ไซว่แย่งชิงบ้านเมืองของพวกเขากลับคืนมาได้โดยไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ไม่ทำให้พวกเขาต้องระหกระเหินจากบ้านเกิดเมืองนอนไปอย่างอยากลำบาก ขอบคุณเสี่ยวไป๋ไซว่ที่สังหารทหารซีเหลียงผู้ชั่วช้า ขอบคุณที่ช่วยปกป้องคุ้มครองชาวบ้านแถบชายแดนที่ไร้ค่าอย่างพวกเขา
มีเพียงแม่ทัพของกองทัพไป๋ มีเพียงกองทัพไป๋ที่เห็นพวกเขาเป็นคนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ไม่ใช่สิ่งของไร้ค่าที่พร้อมจะสละทิ้งได้ทุกเมื่อ
ไป๋ชิงเหยียนลงมาจากหลังม้า โค้งคำนับให้ชาวบ้านอำเภอเฟิงหนึ่งครั้ง จากนั้นขึ้นไปบนหลังม้า พาไป๋จิ่นจื้อจากไป
ชายชราถูกหลานชายประคองให้ลุกขึ้น เขามองตามแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อจนหายลับไป จากนั้นยกมือลูบศีรษะเล็กของหลานชายอย่างรักใคร่ “ชุนเอ๋อร์ เจ้าจงจำไว้ให้ดีว่าแม่ทัพกองทัพไป๋และคุณชายทุกคนของตระกูลไป๋คือผู้มีบุญคุณของพวกเราชาวอำเภอเฟิง”
“ชุนเอ๋อร์จำคำสอนของท่านปู่ได้เสมอขอรับ ดังนั้นชุนเอ๋อร์จึงจำผู้มีพระคุณได้ทันทีขอรับ!” น้ำเสียงของเด็กน้อยแจ่มใส เขามองไปยังทิศทางที่ร่างของไป๋ชิงเหยียนหายลับไป กล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น “เมื่อชุนเอ๋อร์โตขึ้น ข้าจะไปเป็นทหารของกองทัพไป๋ จะกลายเป็นแม่ทัพที่คอยปกป้องคุ้มครองชายแดนเช่นเดียวกับเสี่ยวไป๋ไซว่ขอรับ! หากโชคดีได้พบกับเสี่ยวไป๋ไซว่ ชุนเอ๋อร์จะคำนับขอบคุณเสี่ยวไป๋ไซว่อย่างงาม ขอบคุณที่เสี่ยวไป๋ไซว่เคยช่วยชีวิตชุนเอ๋อร์ไว้ขอรับ!”
“เด็กดี เจ้ามีปณิธาน รู้จักบุญคุณคน เป็นหลานชายที่ดีของตระกูลสวี!” ชายชราพยักหน้ายิ้มๆ
กลางดึก ในที่สุดกองทัพก็เคลื่อนขบวนไปถึงเมืองเวิ่ง
เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงที่พัก หญิงสาวได้ยินหลี่เทียนฟู่กำลังบ่นพอดีว่ากองทัพเดินทางเร็วเกินไป อย่างกับจะรีบไปเกิดใหม่
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินจึงแสยะยิ้มเย็นออกมา “หากองค์หญิงแห่งซีเหลียงอยากรีบไปเกิดใหม่ เพียงตรัสมาคำเดียว ไป๋จิ่นจื้อพร้อมสนองความต้องการเพคะ”
หลี่เทียนฟู่ที่อยู่ในห้องด้านในได้ยินก็เตรียมจะออกมาคิดบัญชีกับไป๋จิ่นจื้อ ทว่า ถูกลู่เทียนจัวรั้งกายไว้เสียก่อน ชายหนุ่มส่ายหน้าส่งสัญญาณไม่ให้หญิงสาวมีปากเสียงกับไป๋จิ่นจื้อ
องค์หญิงแห่งแคว้นพ่ายแพ้ที่ถูกส่งตัวมาแต่งงานเชื่อมไมตรี เหตุใดนางถึงโชคร้ายถึงเพียงนี้กัน
หลี่เทียนฟู่ขยำผ้าเช็ดหน้าแน่น ข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาพลางหันหน้าหนีไปอีกด้าน ไม่สนใจแม้กระทั่งลู่เทียนจัว
เวลาทานอาหารเย็น องค์รัชทายาทเรียกไป๋ชิงเหยียนไปเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนเขา เขาลอบหยั่งเชิงไป๋ชิงเหยียนว่าพบเจอเรื่องสนุกที่อำเภอเฟิงบ้างหรือไม่
ไป๋ชิงเหยียนตั้งใจเดินหมาก ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ “ไม่มีเพคะ”
เฉวียนอวี๋มองไป๋ชิงเหยียนราวกับอยากกล่าวสิ่งใดออกมาแต่ก็ไม่ได้กล่าว ก้มหน้ารินน้ำชาให้หญิงสาว
องค์รัชทายาทขบกรามแน่น เขาให้โอกาสไป๋ชิงเหยียนแล้ว ทว่า นางไม่ยอมสารภาพกับเขาเอง
ฟางเหล่ากล่าวถูกต้อง ไม่ว่าครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะยืมมือเขาจับตัวผู้ใด ขอแค่จับได้ก็จะรู้จุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนเอง! ทว่า ในฐานะองค์รัชทายาท เขาจะยอมถูกไป๋ชิงเหยียนหลอกใช้หรืออย่างไรกัน
องค์รัชทายาทควบคุมอารมณ์ของตัวเองพลางเดินหมากต่อ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะหลอกใช้คนที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้เขาจับ เช่นนี้เขาจะได้กุมความลับของไป๋ชิงเหยียน หากเทียบกันแล้ว การใช้อำนาจบีบให้ไป๋ชิงเหยียนยอมจำนนต่อเขามันดูจับต้องได้มากกว่าการใช้วิธีหลอกล่อและสร้างเรื่องโกหกเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อทำให้นางยอมจำนน
ตอนเดินทางกลับไม่ได้รีบร้อนเหมือนครั้งเดินทางมา ตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองเวิ่งจนมาถึงภูเขาอวี้ชิง องค์รัชทายาทใช้เวลาเดินทางอย่างไม่รีบร้อนไปทั้งสิ้นแปดวัน
องค์รัชทายาทที่เดิมทีนั่งอยู่บนรถม้าด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อได้ยินว่ากำลังเคลื่อนผ่านภูเขาอวี้ชิง เขามีสติขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นนั่งตัวตรง แหวกม่านมองไปยังนอกรถม้า ช่างเป็นสถานที่กว้างใหญ่จริงๆ ด้วย…
“เร็ว ไปเรียกแม่ทัพไป๋และแม่ทัพจางตวนรุ่ยมา!” องค์รัชทายาทกล่าวกับเฉวียนอวี๋
เฉวียนอวี๋รีบรับคำพลางออกไปจากรถม้าทันที เขาสั่งให้ทหารองครักษ์ไปถ่ายทอดคำสั่ง
กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก[1] ไม่ว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการทำสิ่งใด เขานำไป๋ชิงเหยียนมาไว้ข้างกาย มีแม่ทัพจางตวนรุ่ยคอยประกบอยู่ด้วย ไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็สามารถจับกุมตัวไป๋ชิงเหยียนไว้ได้ก่อน
ไม่นาน ไป๋ชิงเหยียนและแม่ทัพจางตวนรุ่ยก็ขี่ม้าเข้ามา ทั้งสองขึ้นไปบนรถม้าขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทเหลือบมองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่มีสีหน้าเรียบเฉย หยิบม้วนไม้ไผ่ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าส่งให้ไป๋ชิงเหยียนและแม่ทัพจางตวนรุ่ย “หรงตี๋กำลังวุ่นวาย จักรพรรดิของหรงตี๋ได้รับบาดเจ็บหนักขณะไปล่าสัตว์ บัดนี้ถูกส่งตัวไปรักษาที่พระราชวังหิมะ สิ้นพระชนม์ไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน ทิ้งพินัยกรรมสละราชสมบัติให้พระอนุชาอาฟูมู่สืบทอดตำแหน่งต่อ รัชทายาทของหรงตี๋อ้างว่า…อาฟูมู่กักขังจักรพรรดิของหรงตี๋ไว้ในพระราชวังหิมะ หลังจากที่พระองค์ได้รับบาดเจ็บหนัก บีบบังคับให้พระองค์ทิ้งพินัยกรรมเช่นนี้เอาไว้ จากนั้นก็สังหารจักรพรรดิของหรงตี๋! บัดนี้อาฟูมู่มีพินัยกรรมของจักรพรรดิอยู่ในมือ ตั้งตนเป็นจักรพรรดิที่พระราชวังหิมะ สถาปนาเป็นแคว้นหนานตี๋”
“นี่มันต้องการเลียนแบบหนานเยี่ยนอย่างนั้นหรือ” แม่ทัพจางตวนรุ่ยใจเต้นรัว
ไป๋ชิงเหยียนอ่านเนื้อหาในม้วนไม้ไผ่อย่างละเอียดจนจบ เอ่ยถามองค์รัชทายาท “หรงตี๋ส่งขุนนางมาขอความช่วยเหลือจากต้าจิ้นบ้างหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ใจขององค์รัชทายาทเต้นรัว นึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะถามตรงประเด็นเช่นนี้ เขาขยับท่านั่งของตัวเองเล็กน้อย “หรงตี๋ส่งขุนนางมาขอความช่วยเหลือแล้ว ได้ยินว่าเขาไปที่ต้าเหลียงก่อน ทว่า ผู้ใดจะคิดว่าอาฟูมู่จะให้เงินมากกว่าเขาถึงสามเท่าเพื่อขอให้ต้าเหลียงไม่เข้ามายุ่งเรื่องของหนานตี๋และหรงตี๋”
“ดังนั้นอาฟูมู่จึงเสนอเงินให้ต้าจิ้นสามเท่าเช่นเดียวกันหรือพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพจางตวนรุ่ยถาม
องค์รัชทายาทพยักหน้า “นอกจากนี้ อาฟูมู่ยังส่งม้าล้ำค่ามาให้อีกมากมาย!”
“เช่นนั้นเราก็ควรทำเช่นเดียวกับต้าเหลียง รับของมา จากนั้นมองดูเรื่องสนุกอยู่ห่างๆ ก็พอพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพจางตวนรุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง
องค์รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่กำลังใช้ความคิดอยู่ “แม่ทัพไป๋คิดว่าอย่างไร”
“หากกองทัพไป๋ยังแข็งแกร่งเหมือนตอนก่อนทำสงครามกับหนานเจียง ครั้งนี้พวกเราสามารถเข้าร่วมกับหรงตี๋ตามคำเชิญขององค์รัชทายาทแห่งหรงตี๋ได้ ทว่า หลังผ่านสงครามที่หนานเจียง แม้ต้าจิ้นจะได้รับชัยชนะ ทว่า ก็บอบช้ำไม่น้อย เรายังไม่ได้รับดินแดนที่ซีเหลียงแบ่งมาให้ เราเคลื่อนย้ายกองทัพไป๋ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนปัดม้วนไม้ไผ่ไปตรงหน้าแม่ทัพจางตวนรุ่ย “สารลับยังกล่าวอีกว่ากองทัพของต้าเหลียงเคลื่อนทัพมาอยู่ตรงชายแดนระหว่างต้าจิ้นและต้าเหลียง จุดประสงค์ไม่ชัดเจน!”
องค์รัชทายาทหรี่ตาแคบลง “สงครามทำลายแคว้นสู่ แคว้นต้าจิ้นเป็นคนนำทัพ แคว้นต้าเหลียงตามเก็บผลประโยชน์อยู่ด้านหลัง จักรพรรดิของพวกเขาเป็นพวกชอบฉวยโอกาส กองทัพต้าเหลียงเคลื่อนทัพมาอยู่ตรงชายแดนต้าจิ้น หากพวกเขาถือโอกาสตอนที่เราเคลื่อนทัพไปช่วยหรงตี๋ บุกทำลายแคว้นต้าจิ้นขึ้นมาโดยที่พวกเราไม่ทันตั้งตัวจะทำเช่นไร! ตอนแบ่งดินแดนของแคว้นสู่ ผิงกวนตกเป็นของต้าจิ้น ต้าเหลียงคอยจ้องอยู่ตลอดเวลา!”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าใช้ความคิด จากนั้นกล่าวต่อ “ทว่า หากองค์ชายกับฝ่าบาทกล้าเสี่ยง ชิงเหยียนคิดว่าลองดูสักตั้งก็ได้พ่ะย่ะค่ะ หากได้ครอบครองหรงตี๋พวกเราก็จะมีสนามม้าที่ใหญ่ที่สุด ม้าศึก…คือจุดอ่อนที่สุดของแคว้นต้าจิ้น พวกเราเป็นรองซีเหลียงและหรงตี๋เพราะเรื่องนี้ตลอดมา”
[1] กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจก หมายถึงการทำสงครามต้องบุกโจมตีในจุดที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของกองทัพเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของฝ่ายศัตรู