สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 271 เซียวเซียนเซิง
ตอนที่ 271 เซียวเซียนเซิง
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าเดินตามต่งถิงเจินไปอย่างช้าๆ ในความรู้สึกของนาง…นางคิดว่าญาติผู้น้องต่งฉางหยวนไม่ใช่คนที่จะยึดติดกับเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวถึงเพียงนี้
ดังนั้นตอนที่มารดาของนางสื่อว่าต่งฉางหยวนสอบได้ไม่ดีเพราะเป็นห่วงนาง นางจึงคิดเพียงว่ามารดาต้องการจับคู่นางกับต่งฉางหยวนให้ได้เท่านั้น
บัดนี้เมื่อคิดดูแล้ว การที่ต่งฉางหยวนสอบได้ไม่ดีในคราวนี้คงเป็นเพราะตระกูลต่งทะเลาะกันเรื่องของนางจนส่งผลกระทบต่อการสอบของต่งฉางหยวน
ต่งถิงเจินอยากให้ต่งฉางหยวนและไป๋ชิงเหยียนสมหวังกันจากใจจริง โดยเฉพาะตอนที่นางเห็นญาติผู้พี่ผอมซูบลงถึงเพียงนี้ ต่งถิงเจินรู้สึกสงสารจับใจ
“พี่หญิงเห็นเรือสีแดงที่จอดอยู่ตรงท่าริมทะเลสาบเถาอิ๋นหรือไม่เจ้าคะ หากพี่หญิงยินดีไปพบท่านพี่ฉางหยวนก็เชิญขึ้นไปบนเรือกับข้าเถิดเจ้าค่ะ หากพี่หญิงไม่เต็มใจ…ก็ถือว่าข้าได้ทำสุดความสามารถในฐานะของน้องสาวแล้ว พี่หญิงเจ้าคะ…ข้าแค่กลัวว่าพี่หญิงจะโกรธเคืองข้า” ต่งถิงเจินเขย่าแขนของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ อย่างวิตกกังวล
“สหายเซียว!”
ต่งฉางเซิงที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อและน้องสาวที่เกิดจากบุตรอนุอีกสองคนตะโกนออกมา
ไป๋จิ่นจื้อก็ตะโกนทักทายเสียงดังลั่น “เซียวเซียนเซิง!”
บนเรือที่จอดนิ่งอยู่ที่ท่าเรือของทะเลสาบเถาอิ๋น องครักษ์ที่ถือดาบประจำกายของเซียวหรงเหยี่ยนยืนขนาบทั้งสองด้านอย่างระมัดระวัง อีกทั้งยังมีบุรุษที่ดูแล้ววิทยายุทธเก่งกล้าเดินสำรวจไปมาทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง เป็นภาพที่ไม่น่าเข้าไปใกล้เลยสักนิด
ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนมีบุรุษที่สูงพอๆ กับเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่ด้วย แม้จะมองเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่า ดูจากรัศมีแล้วไม่น่าจะใช่บุคคลธรรมดา
ผู้ที่เดินนำอยู่ด้านหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนและบุรุษผู้นั้นคือชายชราที่ไม่มีหนวดเคราและเด็กที่อายุสิบกว่าขวบ กิริยาท่าทางดูสูงส่งมาก
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นไป๋จิ่นจื้อวิ่งเข้าไปหาเซียวหรงเหยี่ยนโดยอาศัยว่าตัวเองคุ้นเคยกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี ต่งฉางเซิงรั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่ จึงได้แต่วิ่งตามไป
ไป๋จิ่นจื้อยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกองครักษ์ไม่คุ้นหน้าและเต็มด้วยไปไอสังหารขวางไว้เสียก่อน
เซียวหรงเหยี่ยนกลับยิ้มออกมา หันไปกล่าวกับบุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้าง “สตรีผู้นี้คือคุณหนูสี่ตระกูลไป๋แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงขอรับ”
เมื่อบุรุษที่ยืนอยู่ข้างเซียวหรงเหยี่ยนได้ยินว่าเป็นคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ เขายิ้มกว้าง น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสายลมของฤดูใบไม้ผลิ “ผิงอี้ ให้คุณหนูสี่ไป๋เข้ามา”
เมื่อได้รับคำสั่ง บุรุษซึ่งเต็มไปด้วยไอสังหารที่ขวางทางไป๋จิ่นจื้อไว้ก่อนหน้านี้จึงหลีกทางให้
ไป๋จิ่นจื้อก้าวขึ้นไปบนท่าเรืออย่างดีใจ กำลังจะทำความเคารพ ทว่า เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนชัดเจน สาวน้อยตะลึงงันไปทันที
ตั้งแต่ไป๋จิ่นจื้อเกิดมา นางยังไม่เคยเห็นบุรุษผู้ใดสง่างามไปกว่าบุรุษตรงหน้ามาก่อน สาวน้อยคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนคือบุรุษรูปงามที่สุดที่นางเคยเจอมา นึกไม่ถึงเลยว่าใต้หล้าจะมีบุรุษที่ใบหน้างดงามไม่มีที่ติเช่นนี้! สาวน้อยเริ่มไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าใช่บุรุษหรือไม่ ทว่า เขาสวมเครื่องแต่งกายของบุรุษ รูปร่างก็ดูกำยำเหมือนบุรุษ
ต่งฉางเซิงเห็นใบหน้าของบุรุษผู้นี้ก็ตะลึงงันไปชั่วครู่เช่นเดียวกัน ที่สำคัญเขาเหมือนจะเดาฐานะของบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนได้แล้ว บุรุษผู้นี้รูปงามถึงเพียงนี้ ข้างกายมีชายชราที่ไม่ไว้หนวดเคราตามติด อีกทั้งยังมีเด็กชายที่อายุราวๆ สิบขวบอยู่ด้วย ฐานะของเขาชัดเจนแจ่มแจ้ง
ทว่า เหตุใดเซียวหรงเหยี่ยนจึงอยู่กับจักรพรรดิของต้าเยี่ยนได้
ต่งฉางเซิงเป็นคนรู้กาลเทศะ ในเมื่อจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนปลอมตัวมา เขาย่อมไม่อยากให้คนจำได้
ต่งฉางเซิงเดินขึ้นไปบนท่าเรือยิ้มๆ ก้มศีรษะให้มู่หรงอวี้เล็กน้อย จากนั้นรั้งตัวไป๋จิ่นจื้อกลับมายืนอยู่ข้างตน ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “สหายเซียวพาคนมาล่องเรือหรือขอรับ”
สิ้นเสียงของต่งฉางเซิง ไป๋จิ่นจื้อจึงได้สติ สาวน้อยรีบชี้ให้เซียวหรงเหยี่ยนดูทางด้านหลัง “เซียวเซียนเซิง พี่หญิงใหญ่ของข้าอยู่นั่นเจ้าค่ะ…”
ตอนที่เซียวหรงเหยี่ยนมองเห็นไป๋ชิงเหยียน มือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังของชายหนุ่มกระชับแน่น เขานึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะบังเอิญเจอกับไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้
กิ่งอ่อนของต้นหลิวพัดเอนไปตามแรงลม ไป๋ชิงเหยียนในชุดสีขาวเรียบยืนอยู่ตรงกลาง แขนเสื้อถูกลมพัดปลิวสยาย ราวกับปีกของเทพธิดาที่พร้อมจะบินกลับสวรรค์ได้ทุกเมื่อ
มู่หรงอวี้มองดูไป๋จิ่นจื้อที่มีนิสัยร่าเริง สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของน้องชาย…เมื่อเห็นน้องชายมองไปยังที่ไกลๆ อย่างไม่ปิดบัง เขาจึงมองตามไป เห็นเพียงสตรีในชุดขาวเรียบนางหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางต้นหลิว ช่างดูโดดเด่นกว่าผู้ใด
คุณหนูซึ่งเป็นบุตรอนุของตระกูลต่งเห็นเหตุการณ์จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ พวกนางทำเพียงหันไปมองไป๋ชิงเหยียน
กลุ่มของเซียวหรงเหยี่ยนยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด ไป๋ชิงเหยียนจึงมองเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัดเจน จนเมื่อชุนเถาพยุงนางเดินขึ้นไปบนท่าเรือ เดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของเซียวหรงเหยี่ยน ไป๋ชิงเหยียนจึงมองเห็นบุรุษรูปงามที่ยืนอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนชัดเจน
คงเป็นเพราะรัศมีของเซียวหรงเหยี่ยนมีมากเกินไป โดดเด่นเกินไป ทุกคนต้องเดินเข้าไปใกล้เซียวหรงเหยี่ยนถึงจะสังเกตเห็นว่าข้างกายของเขามีบุรุษรูปงามยืนอยู่ด้วย
“คุณหนูใหญ่ไป๋!” เยว่สือรีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ
“คุณหนูใหญ่ไป๋…” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ช่างบังเอิญเสียจริง ไม่นึกว่าคุณหนูใหญ่จะมาชมบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิเช่นเดียวกัน”
ต่งฉางเซิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของเซียวหรงเหยี่ยน จากนั้นหันไปมองไป๋ชิงเหยียน รู้สึกว่าท่าทีที่เซียวหรงเหยี่ยนปฏิบัติต่อไป๋ชิงเหยียนไม่เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อผู้อื่น
“เซียวเซียนเซิง” ไป๋ชิงเหยียนย่อกายทำความเคารพเล็กน้อย จากนั้นหันไปก้มศีรษะให้จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน สายตาหยุดอยู่ที่เด็กชายที่อายุเพียงสิบกว่าขวบแต่รัศมีดูไม่ธรรมดา หญิงสาวพยักหน้าให้เด็กชายยิ้มๆ
เซียวหรงเหยี่ยนช่างกล้าหาญเสียจริง! เขาถึงกับกล้าพาจักรพรรดิและองค์ชายของต้าเยี่ยนมาล่องเรือเช่นนี้!
ทว่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ยิ่งเซียวหรงเหยี่ยนไปมาหาสู่กับจักรพรรดิและองค์ชายของต้าเยี่ยนอย่างเปิดเผย แสดงบทบาทของพ่อค้าให้สมจริง เขาไม่มีทางถูกสงสัยว่ามีความสัมพันธ์อันใดกับจักรพรรดิองค์ชายของต้าเยี่ยนแน่นอน
เพราะหากเขาคือท่านอ๋องเก้าของต้าเยี่ยน บัดนี้ควรหลีกเลี่ยงการพบเจอกับจักรพรรดิต้าเยี่ยนไปให้ไกลที่สุด จะมาอยู่ด้วยกันให้ผู้อื่นเห็นกันทั่วเช่นนี้ได้อย่างไร
เมื่อมู่หรงลี่ได้ยินคำว่า “คุณหนูใหญ่ไป๋” และเห็นท่าทีของเยว่สือที่มีต่อหญิงสาว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือเสี่ยวไป๋ไซว่แห่งกองทัพไป๋ เขาจึงยิ้มกว้างให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างเป็นมิตร
“พี่หญิงใหญ่ ในเมื่อบังเอิญพบกับเซียวเซียนเซิงเช่นนี้ เราไปล่องเรือพร้อมกันดีหรือไม่เจ้าคะ!”
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างอารมณ์ดี ตั้งใจจะจับคู่ให้ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวซื่อ…มานี่” ไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึมลง
เซียวหรงเหยี่ยนมาล่องเรือกับจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน แสดงว่าพวกเขาคงมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากัน หากถูกไป๋จิ่นจื้อทำเสียเรื่องเข้าจะว่าอย่างไร
ไป๋จิ่นจื้อเห็นไป๋ชิงเหยียนหน้าเปลี่ยนสี ใจกระตุกวูบ รีบวิ่งกลับไปยืนอยู่ข้างกายพี่สาว “พี่หญิงใหญ่…”
“ขัดจังหวะเซียวเซียนเซิงล่องเรือกับสหายแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนยังคงมีท่าทีเย็นชาเช่นเดิม สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของมู่หรงอวี้ ก้มศีรษะให้เล็กน้อยพลางเอ่ยขึ้น “ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ช้าก่อนขอรับคุณหนูใหญ่…” มู่หรงอวี้เอ่ยขึ้น “ในเมื่อมาล่องเรือเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่ยินดีจะล่องเรือไปพร้อมพวกเราหรือไม่ขอรับ คุณหนูสี่เป็นคนตรงไปตรงมาหาได้ยากยิ่ง พวกข้าเป็นคนนิ่งขรึม หากมีคุณหนูสี่อยู่ด้วย…คงมีเสียงหัวเราะเพิ่มขึ้นบนเรือลำนี้”
แววตาของมู่หรงอวี้อ่อนโยนและบริสุทธิ์ น้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้คนรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิม เขาเหมือนผู้ใหญ่ที่อ่อนโยนคนหนึ่ง