สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 282 ยินดีปรีดา
ตอนที่ 282 ยินดีปรีดา
หลิ่วรั่วฟูหลุบดวงตาคู่งามลงต่ำ ใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงคงความเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์
“จริงนะสิ มิเช่นนั้นเสด็จพ่อและฝ่าบาทคงไม่ยอมตกลงหรอก เพราะเป็นการแต่งงานไปอยู่แคว้นอื่น เสด็จพ่อมีข้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว”
เสียนอ๋องอายุมากแล้ว ทว่า กลับมีหลิ่วรั่วฟูเป็นบุตรเพียงคนเดียว ต้องแต่งงานไปอยู่ไกลถึงแคว้นต้าเหลียง หากข้อเสนอไม่เย้ายวนใจมากพอ เสด็จพ่อจะทรงตอบตกลงได้อย่างไรกัน
หลังจากหลิ่วรั่วฟูและหลู่เป่าหวานั่งลงเรียบร้อย สตรีตระกูลสูงศักดิ์ต่างพากันทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกับหลิ่วรั่วฟู
สายตาของหลิ่วรั่วฟูหยุดอยู่ที่ปิ่นปักผมอันหรูหราของสตรีนางหนึ่ง จากนั้นหยุดอยู่สตรีชุดกระโปรงตัวหรูที่เหมือนกันกับนางไม่มีผิดเพี้ยน หลิ่วรั่วฟูกล่าวยิ้มๆ
“ในเมื่อแต่งเครื่องแต่งกายหรูหราถึงเพียงนี้แล้ว หากปักปิ่นปักผมที่ทำจากทับทิมและทองเช่นนี้อีกดูจะหนักเกินไปสักหน่อย ไม่สู้ถอยปิ่นปักผมออกดีหรือไม่ มิเช่นนั้นอาจแย่งจุดเด่นจากเจ้าของงานได้”
หลิ่วรั่วฟูหวังดี หลายปีมานี้มีสตรีมากมายที่แต่งตัวตามนาง ทว่า กลับงดงามได้ไม่เท่านาง แต่กลับกลายเป็นเกินงามมากกว่า
ดังนั้นเมื่อเจอจุดที่ไม่เหมาะสม หลิ่วรั่วฟูมักจะเอ่ยเตือนเสมอ
สตรีตระกูลสูงศักดิ์ซึ่งแต่งกายมาอย่างหรูหราถูกหลิ่วรั่วฟูแนะนำเรื่องการแต่งกายจนชะงักไป นางกำพัดกลมที่อยู่ในมือแน่น ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนพลางกล่าวขอบคุณแล้วถอดปิ่นปักผมออก จากนั้นเอ่ยถามต่อยิ้มๆ
“จวิ้นจู่พบองค์ชายสี่ที่ใดหรือเจ้าคะ พวกท่านได้สนทนากันบ้างหรือไม่เจ้าคะ”
หลิ่วรั่วฟูยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้า น้ำเสียงแฝงความทระนงเอาไว้
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจเป็นที่ทะเลสาบเถาอิ๋นที่นอกเมืองเมื่อวานกระมัง เมื่อวานข้าไปล่องเรือเล่นกับหลู่เป่าหวา”
“เป็นจวิ้นจู่เหมือนกว่า ทว่า ช่างแตกต่างกันเสียจริง เมื่อได้รับบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นจู่ก็เอาแต่สู้รบไปวันๆ! เมื่อวานเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่บุกไปสังหารลูกน้องของเหยียนอ๋องยังที่พักของซีเหลียง แค่คิดก็น่าขนลุกแล้วเจ้าค่ะ เหยียนอ๋องแห่งซีเหลียงเป็นคนมีมารยาทดีน่าคบหา ไม่รู้ว่าไปล่วงเกินอันใดเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เข้า อย่างน้อยคนเขาก็เดินทางมาเจรจาสงบศึกที่ต้าจิ้น เหตุใดถึงโหดร้ายราวกับหญิงถึกเช่นนี้ด้วย! หากซีเหลียงไม่รู้อาจคิดว่าสตรีแคว้นต้าจิ้นเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ได้ ช่างน่าอายเสียจริง…”
มีคนเริ่มเอ่ยถึงไป๋ชิงเหยียน
“นั่นนะสิ! ถือว่าตัวเองมีความดีความชอบจากการรบชนะสงครามที่หนานเจียงจึงฆ่าคนตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ นางไม่สนใจภาพลักษณ์ของแคว้นต้าจิ้นเลยสักนิด”
“อาจมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดกันหรือไม่” หลู่เป่าหวาขมวดคิ้วแน่น นางไม่อยากเชื่อว่าไป๋ชิงเหยียนจะเป็นคนที่ชอบสังหารคนตามอำเภอใจ
“ข้าได้ยินมาว่าของกำนัลที่เหยียนอ๋องส่งไปที่จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่คือแหวนปานจื่อของคุณชายรองตระกูลไป๋ แถมยังมีจดหมายนัดเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ออกไปพบที่ที่พักตามลำพังอีกด้วย เหยียนอ๋องผู้นั้นใช้คุณชายรองตระกูลไป๋หลอกล่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ออกไปสังหาร โชคดีที่คุณหนูสี่ตระกูลไป๋และองค์รัชทายาทไปถึงได้ทันท่วงที”
หลู่เป่าหวาคือสหายคนสนิทของหนานตูจวิ้นจู่หลิ่วรั่วฟู บรรดาคนที่กล่าวหาไป๋ชิงเหยียนเสียๆ หายๆ ไม่อยากผิดใจกับหลิ่วรั่วฟูจึงรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ทว่า ไม่ว่าอย่างไร องค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงช่างมีสายตาแหลมคมนัก เขาสู่ขอหญิงงามอันดับหนึ่งของต้าจิ้นไปเสียแล้ว”
หลิ่วรั่วฟูนึกได้ว่าก่อนที่นางจะเดินทางมายังต้าจิ้นมีคนส่งข่าวไปบอกนางว่าบรรดาคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงต่างชมว่า…หลานสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งตระกูลไป๋ ไป๋ชิงเหยียนถึงจะคู่ควรกับคำว่าหญิงงามอันดับหนึ่ง งามกว่านางไม่รู้ตั้งกี่เท่า
“ได้ยินว่า…ไป๋ชิงเหยียนผู้นั้นก็งดงามมาก คู่ควรเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน” หลิ่วรั่วฟูจัดแขนเสื้อของตัวเอง ก้มหน้าซ่อนแววตาเย้ยหยันไว้
“ไม่รู้ว่างามเพียงใดกันจึงทำให้เหล่าคุณชายเจ้าสำราญเอ่ยชมถึงเพียงนี้”
สตรีสูงศักดิ์ที่เคยเห็นไป๋ชิงเหยียนรีบใช้พัดบังหน้า เบือนสายตาหนีไปอีกทาง
ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าหลิ่วรั่วฟูให้ความสำคัญกับสมญานามหญิงงามอันดับหนึ่งมากเพียงใด ผู้ใดจะกล้าเอ่ยความจริงเพื่อจี้แทงใจดำของหลิ่วรั่วฟูกัน หากหลิ่วรั่วฟูไปร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ พวกนางไม่ซวยกันหมดหรืออย่างไร
“นางงามที่ใดกันเจ้าคะ หากไป๋ชิงเหยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งจริงๆ เหตุใดองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงจึงมาสู่ขอจวิ้นจู่ไม่ไปสู่ขอนางเล่าเจ้าคะ!” สตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
“นั่นมัน…” หลิ่วรั่วฟูก้มหน้ามองดูเล็บมือที่เพิ่งทาสีใหม่ของตัวเอง “อาจเป็นเพราะองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงยังไม่เคยพบไป๋ชิงเหยียนก็ได้”
“จวิ้นจู่…ท่านลองคิดดูสิเจ้าคะ องค์ชายสี่แห่งต้าเหลียงถึงขนาดยอมคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้เสียนอ๋องยอมยกท่านให้แก่พระองค์ ต้องงดงามน่าตราตรึงถึงเพียงใดเจ้าคะถึงจะทำให้องค์ชายคนหนึ่งยอมคุกเข่าขอแต่งงานทั้งที่เพิ่งพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ใต้หล้านี้มีผู้ใดงดงามไปกว่าท่านอีกเจ้าคะ ท่านดูด้านนั้นสิเจ้าคะ…” สตรีบางคนใช้พัดบังหน้าส่งสัญญาณให้หลิ่วรั่วฟูมองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว
“นั่นคือน้องสาวของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เจ้าค่ะ นางก็ไม่ได้งดงามสักเท่าใดนี่เจ้าคะ”
หลิ่วรั่วฟูซ่อนความภาคภูมิใจบนใบหน้าไว้ไม่มิด นางคิดแล้วก็เห็นด้วย…บรรดาคุณชายเจ้าสำราญพวกนั้นจะไปรู้เรื่องอันใด คงเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนงดงามอยู่บ้าง จึงเอ่ยชมนางเกินความจริงเช่นนี้
แววตาของหลิ่วรั่วฟูหยิ่งยโส เอ่ยออกมานิ่งๆ
“ไป๋ชิงเหยียนผู้นั้นคงพองามอยู่บ้าง เพราะบรรดาคุณชายเจ้าสำราญอย่างหลู่หยวนเผิงก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นหญิงงาม ทว่า หลู่หยวนเผิงอายุยังน้อย ยังไม่มีความสุขุมมากพอ เห็นว่านางนำทัพออกรบได้จึงชมเชยกระมัง! ทว่า สตรีอย่างพวกเราควรถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม เรียนรู้ศิลปะทั้งสี่แขนง การรบราฆ่าฟันมันรุนแรงโหดร้ายเกินไป สตรีที่เก่งกาจเกินสตรีเช่นนี้ ผู้ใดจะกล้าขอแต่งงานกัน”
สตรีที่เคยพบเห็นไป๋ชิงเหยียนหัวเราะแห้งออกมาเล็กน้อย บีบมือตัวเองเบาๆ
“นั่นๆ…นั่นมันองค์ชายสี่แห่งต้าเหลียง”
สตรีตระกูลสูงศักดิ์ตะโกนออกมาเบาๆ คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ในท้องพระโรงต่างใช้พัดปิดหน้า สายตาลอบมองไปยังหน้าประตูทางเข้า
เว่ยฉี่เหิงซึ่งสวมรองเท้าบูทหนังกวางเดินเข้ามาในท้องพระโรงโดยมีคณะทูตของต้าเหลียงเดินตามหลังมาติดๆ บุรุษหนุ่มรูปงามสวมมงกุฎไว้บนศีรษะ สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีม่วง แขวนป้ายหยกขาวไว้บริเวณเอว ใบหน้างดงามไร้ที่ติ สง่างามและสูงส่ง ดูออกว่าองค์ชายสี่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิแห่งต้าเหลียงจริงๆ ดังคำร่ำลือ
บัดนี้ต้าเหลียงยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาท หากภายภาคหน้าองค์ชายสี่ได้ครอบครองบัลลังก์นั่น หลิ่วรั่วฟูก็จะกลายเป็นมารดาของแผ่นดินทันที
เมื่อคิดได้ดังนี้ บางคนขยับเข้าไปใกล้หลิ่วรั่วฟู กระซิบเสียงเบาหวิว
“แหม! ดูเหมือนว่าองค์ชายสี่จะมองมาทางจวิ้นจู่นะเจ้าคะ…”
หลิ่วรั่วฟูเงยหน้าขึ้น บังเอิญสบกับสายตาของเว่ยฉี่เหิงที่มองมาทางนี้พอดี
เสียนอ๋องและจักรพรรดิต้าจิ้นตกลงเรื่องการแต่งงานของนางกับองค์ชายสี่แล้ว บัดนี้ต่างรับรู้กันไปทั่ว นางจึงไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเขินอายอีก หญิงสาวลุกขึ้นยืนย่อกายทำความเคารพเว่ยฉี่เหิงอย่างเปิดเผย
เว่ยฉี่เหิงเป็นองค์ชายที่สุขุมอ่อนโยน เมื่อเห็นสตรีสูงศักดิ์ของต้าจิ้นทำความเคารพเขา ชายหนุ่มจึงทำความเคารพกลับเช่นเดียวกัน
หลิ่วรั่วฟูเห็นท่าทีสง่างามและให้เกียรติของเว่ยฉี่เหิง ในใจอดรู้สึกยินปรีดาไม่ได้ นางยิ้มกว้างขึ้นทันที
เว่ยฉี่เหิงชอบความสวยความงาม เมื่อเห็นหญิงสาวสานไมตรีแก่เขา ในใจย่อมรู้สึกยินดี เขาก้มศีรษะให้หลิ่วรั่วฟูเล็กน้อยจากนั้นนั่งลงบนที่ของตัวเอง ยิ้มทักทายเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ย
“เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยผู้นั้นก็รูปงามไม่แพ้กันนะเจ้าคะ…” หลู่เป่าหวายิ้มพลางใช้พัดบังหน้าเอาไว้
“ข้านึกว่าองค์ชายสี่เร่งสู่ขอจวิ้นจู่ถึงเพียงนั้น เมื่อเห็นหน้าจวิ้นจู่จะรีบมาสนทนากับท่านอย่างทนไม่ไหวเสียอีกเจ้าค่ะ”
“งานเลี้ยงแคว้น จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” หลิ่วรั่วฟูตำหนิหลู่เป่าหวาอย่างไม่จริงจัง