สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 286 แสร้งร้องอย่างเจ็บปวด
ตอนที่ 286 แสร้งร้องอย่างเจ็บปวด
ต่งซื่อเงยหน้ามองอ๋องต่างสกุลที่เมื่อก่อนชอบประจบสอพลอสามีของตน เตรียมเอ่ยปากปกป้องบุตรสาว ทว่า กลับถูกไป๋ชิงเหยียนกดบ่าห้ามไว้เสียก่อน
สายตาราบเรียบเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเสียนอ๋อง นางไม่ได้ต้องการมีปากเสียงกับผู้ใด ทว่า นางก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ยอมให้ผู้อื่นเหยียบย่ำดูถูกง่ายๆ เช่นเดียวกัน
ไป๋จิ่นซิ่วที่ปกติเป็นคนใจเย็นมาโดยตลอดกัดฟันมองไปทางเสียนอ๋อง แสยะยิ้ม “เสียนอ๋องกำลัง…”
ทว่า ไป๋จิ่นซิ่วจะไม่ทันกล่าวจบ องค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงแห่งต้าเหลียงก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เสียนอ๋องกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน ตอนที่ข้าเข้าใจผิดและไปสู่ขอหนานตูจวิ้นจู่ ถือเป็นเรื่องบังเอิญที่สวรรค์ลิขิต แต่พอจะสู่ขอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ กลับกลายเป็นว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จงใจยั่วยวนข้าอย่างนั้นหรือ เสียนอ๋องกล่าวว่า คนต้าจิ้นไม่ได้ตัดสินคนที่รูปลักษณ์ ท่านกำลังหาว่าข้าชอบคนที่หน้าตาอย่างนั้นหรือ หรือว่าท่านเหยียบย่ำเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เพื่อยกย่องหนานตู่จวิ้นจู่กันแน่” เว่ยฉี่เหิงเริ่มไม่สบอารมณ์ “หากเปรียบเรื่องรูปร่างหน้าตาของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นางงามกว่าหนานตูจวิ้นจู่อยู่แล้ว! เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่นำทัพไปออกรบที่หนานเจียง คุณธรรมในการปกป้องบ้านเมือง คุ้มครองชาวบ้าน ยังสู้สตรีอ่อนแอที่เอาแต่ดีดพิณบรรเลงเพลงอยู่แต่ในเมืองหลวง เวลาได้รับบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันใดมากแต่แสร้งร้องอย่างเจ็บปวด วันๆ เอาแต่แต่งกลอนเหล่านั้นไม่ได้อีกหรือ! นี่มันตรรกะอันใดกัน!”
“คิ…” ไป๋จิ่นจื้อหลุดหัวเราะออกมา สาวน้อยลอบชูนิ้วโป้งให้เว่ยฉี่เหิง รู้สึกว่าเว่ยฉี่เหิงกล่าวได้สะใจยิ่งนัก สูสีกับพวกหลู่หยวนเผิงได้เลย
“เสียนอ๋องสั่งให้คนแพร่กระจายข่าวเรื่องที่ข้าคุกเข่าสู่ขอแต่งงานเมื่อวานในวังหลวงเพราะอยากสร้างภาพลักษณ์ที่สูงส่งให้บุตรสาวของตัวเอง ท่านคิดว่าข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ ต้าเหลียงของเรารู้เรื่องนี้นานแล้ว ทว่า ข้าคิดว่าท่านเป็นบิดาของหญิงที่ข้ารัก…จึงยอมอดทน เสียนอ๋องคิดว่าข้าเป็นคนโง่ที่จะยอมให้ท่านทำสิ่งใดตามอำเภอใจก็ได้อย่างนั้นหรือ!” เว่ยฉี่เหิงเงยหน้าขึ้นสูงพลางเอ่ยถาม
เสียนอ๋องมองดูองค์ชายสี่เว่ยฉี่เหิงแห่งต้าเหลียงที่เมื่อวานปฏิบัติกับเขาอย่างนอบน้อม แต่วันนี้กลับกล่าววาจาเช่นนี้กับเขา โทสะจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไรดี สีหน้าเปลี่ยนแปลงหลากหลายอารมณ์
ไป๋ชิงเหยียนย่อกายทำความเคารพ เอ่ยกับเสียนอ๋อง “เสียนอ๋อง ตอนที่ท่านปู่และท่านพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งที่เสียนอ๋องมาเมืองหลวงมักจะไปเยี่ยมพวกท่านที่จวนเจิ้นกั๋วกงทุกครั้ง ป่าวประกาศกับทุกคนว่าท่านสนิทสนมกับท่านพ่อของข้า! ตอนที่ท่านพ่อของข้าสละชีพเพื่อบ้านเมือง เสียนอ๋องไม่แม้แต่ส่งคนมาไว้อาลัย เมื่อมาเมืองหลวงก็ไม่ไปเยี่ยมเยียนที่จวน ข้าจึงคิดว่าท่านอ๋องงานยุ่ง ทว่า หากเสียนอ๋องสนิทกับท่านพ่อของข้าจริงๆ ท่านคงไม่เหยียบย่ำหลานสาวของตัวเองเพื่อยกย่องบุตรสาวของตัวเองแน่ๆ ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของคนเรามันไม่แน่นอน ทว่า เรื่องหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้…เสียนอ๋องทรงอย่ากระทำอย่างโจ่งแจ้งนักเลยเพคะ ผู้อื่นจะจับจุดอ่อนได้ง่ายๆ นะเพคะ”
“ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นคนลากองค์ชายสี่ไปชมทะเลสาบ ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวว่าตนเองคือหลิ่วรัวฟู ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ได้ใช้ดาบบังคับให้องค์ชายแห่งต้าเหลียงเข้าวังไปคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เสียนอ๋องรับปากเรื่องการแต่งงาน ที่สำคัญไป๋ชิงเหยียนไม่ได้บังคับให้เสียนอ๋องแพร่ข่าวเรื่องที่องค์ชายแห่งต้าเหลียงคุกเข่าขอหลิ่วรั่วฟูแต่งงานออกไปทั่ว เหตุใดเมื่อเกิดเรื่องเสียนอ๋องกลับโยนความผิดมาให้ข้าเช่นนี้เล่าเพคะ”
มู่หรงอวี้ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเล็กน้อย สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
“ไป๋ชิงเหยียน…” เสียนอ๋องเอ่ยเรียกนามของไป๋ชิงเหยียน เขาได้ยินมานานแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนมีวาจาที่ร้ายกาจ เขายังควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อยู่ “ตระกูลไป๋ของพวกเจ้าพ่ายแพ้ในสงครามที่หนานเจียง ฝ่าบาทพระทัยกว้างเห็นแก่ที่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตทั้งตระกูลจึงส่งเจ้าไปออกรบที่หนานเจียงเป็นการไถ่โทษ ทว่า ในฐานะของคนคนต้าจิ้น ข้าไม่เคยลืมว่าท่านปู่และท่านพ่อของเจ้าทำให้ทหารหลายแสนนายของต้าจิ้นต้องจบชีวิตลงที่หนานเจียง! ถึงแม้ซิ่นอ๋องจะใช้ป้ายอาญาสิทธิ์บังคับข่มขู่…ทว่า ท่านปู่และท่านพ่อของเจ้าไม่พยายามใช้เหตุผลขัดขืนบ้างเลยหรืออย่างไร”
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง “เสียนอ๋องหมายความว่าท่านปู่มีความผิดที่ไม่ยอมขัดขืนราชโองการหรือเพคะ”
เสียนอ๋องเม้มปากไม่ยอมเอ่ยตอบ ทำเพียงแสยะยิ้มเย็น “องค์รัชทายาททูลขอร้อง…ฝ่าบาททรงมีเมตตาเห็นแก่ที่เจ้ารบชนะที่หนานเจียงจึงมอบบรรดาศักดิ์จวิ้นจู่ให้แก่เจ้า! เจ้าควรสำรวมกริยาวาจาและความเป็นกุลสตรีให้มากกว่าเดิม ทว่า เจ้ากลับมากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า เทียบอายุ ข้าอาวุโสกว่าเจ้า เทียบบรรดาศักดิ์ ข้าเป็นท่านอ๋อง เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ เจ้าเห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่!”
“เสียนอ๋องทรงอย่านำอำนาจของจักรพรรดิมาเป็นข้ออ้างเลยเพคะ! บรรพบุรุษตระกูลไป๋ของข้าร่วมรบรักษาดินแดนนี้มาตั้งแต่ยุคของจักรพรรดิเกาจู่ ส่วนบรรพบุรุษตระกูลหลิว ด้านหนึ่งสนับสนุนต้าเยี่ยน ด้านหนึ่งออกเงินสนับสนุนจักรพรรดิเกาจู่ หวังจะได้ความดีความชอบในการช่วยให้จักรพรรดิได้ขึ้นครองราชย์ ประจบประแจงทั้งสองฝ่าย จนในที่สุดก็ได้ตำแหน่งอ๋องมา สมควรนำเรื่องนี้มาโอ้อวดด้วยหรือเพคะ”
น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนไม่ช้าไม่เร็วแฝงไปด้วยความเย้ยหยันและเยือกเย็น เสียนอ๋องหน้าซีดลงทันที
มือที่ถือแก้วเหล้าของมู่หรงอวี้สั่นไหวเล็กน้อย วาจาของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ร้ายกาจยิ่งนัก เขามองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน กลับเห็นว่าน้องชายของเขายกยิ้มมุมปาก ราวกับพลอยได้เกียรติไปด้วย
มู่หรงอวี้จึงเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าหากภายภาคหน้าน้องชายของเขาแต่งงานกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ทั้งคู่คงปากกล้าพอๆ กัน เป็นภรรยาที่ไม่อยู่ในโอวาทของสามีอย่างแน่นอน
“ไป๋ชิงเหยียน!” เสียนอ๋องขบกรามแน่น “เจ้าสังหารทหารยอมจำนนจนมีรังสีอำมหิตติดกาย ไม่มีความเมตตาหลงเหลืออยู่สักนิด! อยู่หน้าเบื้องพระพักตร์ยังกล่าววาจาร้ายกาจไม่สมกับการเป็นกุลสตรีเช่นนี้ ผู้ใดจะกล้าขอเจ้าแต่งงานกัน! ข้าอาวุโสกว่าเจ้า ข้าขอเตือนว่าเจ้าควรเจียมตัวไว้บ้าง!”
ฮ่องเต้นั่งนิ่งอยู่บนที่ประทับเบื้องสูง เหมือนกำลังชอบใจที่ไป๋ชิงเหยียนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้
“เอาล่ะๆ! เสียนอ๋อง เจ้านี่นะ อายุปูนนี้แล้วยังถือสาหาความกับเด็กอีก!”
กลยุทธ์ของฮ่องเต้ คือกลยุทธ์ในการควบคุมคน
มีเพียงตอนที่คนๆ หนึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้วเรายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น คนๆ นั้นจึงจะยอมจงรักภักดีต่อเราด้วยใจจริง ฮ่องเต้กำลังรอวันที่ไป๋ชิงเหยียนถูกญาติมิตรทอดทิ้งอยู่ ดังนั้นเขาจึงจงใจปล่อยข่าวลือเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนสังหารทหารยอมจำนนอย่างโหดร้ายให้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง
“ฝ่าบาท เพราะกระหม่อมอาวุโสกว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ กระหม่อมเกรงว่ารังสีอำหมิตในตัวเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะมีมากเกินไปจนไม่มีผู้ใดกล้าขอนางแต่งงานพ่ะย่ะค่ะ!”
ผู้ใดจะคิดว่าทันทีที่เสียนอ๋องกล่าวจบ เว่ยฉี่เหิงหันไปทางไป๋ชิงเหยียน ยื่นป้ายหยกในมือให้หญิงสาวอย่างจริงจัง “เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เว่ยฉี่เหิงต้องการสู่ขอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปเป็นภรรยา! นี่คือป้ายสัญลักษณ์ขององค์ชายแห่งแคว้นต้าเหลียง นับแต่นี้เป็นต้นไปเว่ยฉี่เหิงจะขอจวิ้นจู่แต่งงานเพียงคนเดียว จะไม่มีหญิงอื่นใดอีก หากข้าผิดคำสาบาน…ขอให้ฟ้าผ่าตายขอรับ!”
เสียนอ๋อง “…”
องค์ชายแห่งต้าเหลียงผู้นี้ต้องการเป็นศัตรูกับเขาอย่างนั้นหรือ องค์ชายที่เมื่อวานมีมารยาท อ่อนน้อมถ่อมตน และซื่อสัตย์ผู้นั้นหายไปที่ใดเสียแล้ว วันนี้เขาถูกสิงร่างหรืออย่างไรกัน เหตุใดวันนี้ถึงขัดเขาไปเสียทุกเรื่อง
“ขอบพระคุณองค์ชายสี่ที่เมตตาเพคะ…”
ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ ฮ่องเต้ตรัสแทรกขึ้นมาก่อน
“องค์ชายสี่คงยังไม่ทราบว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เคยสาบานต่อหน้าดวงวิญญาณของเจิ้นกั๋วอ๋องว่าชาตินี่จะไม่แต่งงาน…” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นอย่างไม่รีบร้อน สีพระพักตร์สงบนิ่งดั่งสายน้ำ
“หากว่าองค์ชายสี่ต้องการสู่ขอเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แต่งงานเพื่อเชื่อมไมตรีในครั้งนี้ เกรงว่าคงไม่ได้”
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง ในใจยิ้มเยาะ ฮ่องเต้ไม่อยากให้นางแต่งงานไปยังแคว้นอื่นขนาดนี้เชียวหรือ ไม่รอให้นางกล่าวจบประโยคด้วยซ้ำ ราวกับกลัวว่านางจะตอบตกลงอย่างนั้นแหล่ะ
คณะทูตของต้าเหลียงก็นึกไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าองค์ชายสี่จะก่อเรื่องขึ้นเช่นนี้ พวกเขาปวดศีรษะอย่างที่สุด