สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 294 สั่งสอน
ตอนที่ 294 สั่งสอน
ฉีเหล่าไท่จวินรีบเช็ดน้ำตา ก้มศีรษะให้ต่งซื่อพลางกล่าวขอบคุณ
“ทว่า นอกจากน้องสะใภ้ห้าจะมีลูกสาวและมารดาแล้ว นางยังเป็นภรรยาของตระกูลไป๋ด้วย พวกเราทุกคนเคยสาบานต่อดินฟ้าร่วมกับสามีว่าจะชีวิตนี้ไม่ทอดทิ้งกัน ที่สำคัญน้องสะใภ้ห้าเพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน ฉีเหล่าไท่จวินเป็นมารดาของนาง ท่านทนเห็นบุตรสาวของท่านพรากจากลูกสาวของนางได้หรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่มีทางไปจากตระกูลไป๋เด็ดขาด!”
เสียงของฉีซื่อดังมากจากนอกฉากกั้น ฉีเหล่าไท่จวินและต่งซื่อล้วนตกตะลึง
“เจ้า…” ฉีเหล่าไท่จวินจับโต๊ะพยุงกายลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร! เจ้าไม่รู้หรือว่ากำลังอยู่ไฟอยู่ เจ้าเดินออกมานอกห้องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
ต่งซื่อรีบเดินออกไปนอกฉากกั้น เห็นฉีซื่อสวมเครื่องแต่งกายบางเบาคลุมทับด้วยผ้าคลุมอีกหนึ่งผืนยืนกำหมัดใบหน้าซีดเซียวอยู่ตรงนั้น ด้านหลังมีบรรดาสาวใช้ที่ก้มหน้างุดด้วยความหวาดกลัวเดินตามมา
ต่งซื่อเข้าไปพยุงฉีซื่อ จากนั้นหันไปตะโกนเสียงดังลั่น “ตี๋หมัวมัวเล่า เหตุใดจึงปล่อยให้ฮูหยินเดินออกมารับลมด้านนอกทั้งๆ ที่กำลังอยู่ไฟเช่นนี้! ฉินหมัวมัว เร็ว…รีบไปหยิบเสื้อคลุมของข้ามา รีบจุดเตาผิงในห้องให้อุ่นขึ้นด้วย!”
ฉีซื่อยืนนิ่งไม่ยอมขยับ กุมมือต่งซื่อแน่น “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ามาหาท่านทั้งๆ ที่ยังอยู่ไฟอยู่ก็ถือเป็นการล่วงเกินมากแล้ว ข้าไม่เข้าไปด้านในแล้วเจ้าค่ะ!”
“ยังมัวกล่าวอันใดเช่นนี้อยู่อีก! พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่คนนอกเสียเมื่อใด เหตุใดต้องกล่าวเกรงใจเช่นนี้อีก!” ต่งซื่อโมโหที่ฉีซื่อไม่รักร่างกายของตัวเอง สั่งสอนด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ต่งซื่อดึงฉีซื่อเข้าไปด้านใน บังคับให้นางนั่งลงบนเตียงของตนเอง ใช้ผ้าห่มคลุมกายให้ จากนั้นหันไปตวาดสาวใช้ข้างกายของฉีซื่อเสียงดังลั่น
“พวกเจ้าดูแลฮูหยินอย่างไรกัน! ไม่รู้ว่าฮูหยินกำลังอยู่ไฟอยู่หรือ”
“พี่สะใภ้ใหญ่…” ฉีซื่อกระตุกแขนเสื้อของต่งซื่อ ขอบตาร้อนผ่าว “อย่าไปโทษพวกนางเลยเจ้าค่ะ ข้าได้ยินว่าท่านแม่มาหาพี่สะใภ้ใหญ่ กลัวว่านางจะมาแอบขอหนังสือหย่าจากท่าน จึงตามมาดูเพราะเป็นกังวลเจ้าค่ะ”
กล่าวจบ ฉีซื่อหันไปมองฉีเหล่าไท่จวิน
น้ำตาของฉีเหล่าไท่จวินไหลพรากไม่ขาดสาย ใช้ผ้าเช็ดหน้าทาบหน้าอกพลางนั่งลงบนเก้าอี้ “ข้าทำไปเพื่อผู้ใดกัน!”
“ท่านแม่ ข้าบอกกับท่านชัดเจนแล้วนะเจ้าคะว่าข้าไม่มีวันไปจากตระกูลไป๋เด็ดขาด ไม่เพียงเพราะความรักระหว่างข้ากับสามี ไม่ใช่เพียงเพราะข้าเพิ่งคลอดบุตรสาว แต่ข้ายิ่งไม่อาจทำให้ผู้อื่นเห็นว่าตระกูลไป๋ต้องบ้านแตกสาแหรกขาดหลังจากที่บุรุษตระกูลไป๋ผู้ภักดีสละชีพปกป้องบ้านเมืองเช่นนี้เจ้าค่ะ”
ดวงตาของฉีซื่อบวมช้ำ น้ำเสียงหนักแน่น นี่คือถ้อยคำที่นางบังเอิญได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่ต่งซื่อกล่าวกับมารดา ฉีซื่อประทับใจยิ่งนัก
ฉีเหล่าไท่จวินได้ยินถ้อยคำของบุตรสาว ขยับปากราวกับจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ย มือกำขอบโต๊ะสีดำซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างแน่น เงียบไปครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดใจ
เพราะนางรู้ดีว่านางพาบุตรสาวกลับไปไม่ได้แล้ว…
ไม่เพียงแต่เฉพาะวันนี้เท่านั้น ต่อให้นางไปขอร้องกับฮองเฮา ขอให้ฮองเฮาพระราชหนังสือหย่าให้ บุตรสาวของนางก็ไม่มีทางจากไป นางตั้งใจลงหลักปักฐานอยู่ที่ตระกูลไป๋แล้ว
ทว่า นางมีแค่บุตรสาวคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น!
ลูกสะใภ้ทั้งสองคนของฉีเหล่าไท่จวินเห็นฉีเหล่าไท่จวินเดินออกมาจากด้านในก็รีบเข้าไปประคองฉีเหล่าไท่จวินไว้คนละด้าน
“ท่านแม่ เมื่อครู่ข้าเห็นน้องหญิงมาที่นี่ ท่านแม่กับน้องหญิงตกลงกับฮูหยินใหญ่เรียบร้อยแล้วหรือไม่เจ้าคะ เมื่อน้องหญิงอยู่ไฟเสร็จจะได้กลับบ้านเราใช่หรือไม่เจ้าคะ” ฮูหยินรองของตระกูลฉีถาม
ฉีเหล่าไท่จวินส่ายหน้า “น้องสาวของพวกเจ้าไม่กลับไปแล้ว…”
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ ท่านแม่…” ฮูหยินใหญ่ฉีหันกลับไปมองห้องด้านหลังแวบหนึ่ง เมื่อไม่เห็นต่งซื่อเดินออกมา จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “หรือว่าต่งซื่อไม่ยอมเจ้าคะ พวกเราไปขอหนังสือหย่าจากองค์หญิงใหญ่ที่วัดดีหรือไม่เจ้าคะ!”
ฉีเหล่าไท่จวินเงยหน้ามองโคมไฟที่ส่ายไปมาอยู่ตรงระเบียงทางเดิน หลับตาลงครู่หนึ่ง น้ำตาไหลออกมาจากหางตาเป็นสาย
“น้องสาวของพวกเจ้าไม่ยอมกลับไปเอง! ช่างเถิดนางไม่ยอมไปก็ไม่ต้องไป ต่อไปพวกเจ้าก็ช่วยดูแลนางในฐานะพี่สะใภ้หน่อยก็แล้วกัน!”
ฉีเหล่าไท่จวินไม่ใช่คนโง่ เมื่อครู่ตอนที่ต่งซื่อสั่งสอนฉีซื่อ นางทำออกมาจากใจจริงและเป็นห่วงบุตรสาวของนางจริงๆ บุตรสาวของนางไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างน่าสงสารในตระกูลไป๋อย่างที่นางเป็นกังวล บุตรสาวของนางไม่ได้กลัวพี่สะใภ้รังเกียจจึงไม่ยอมจากไปจากตระกูลไป๋
ดูเหมือนว่าบุตรสาวของนางอยู่ในตระกูลไป๋อย่างมีความสุขดี นางจึงไม่อยากไปจากตระกูลไป๋
“ท่านแม่วางใจได้เจ้าค่ะ น้องหญิงเป็นน้องสาวของข้าและสามีตลอดไป ไม่ว่าน้องหญิงอยากกลับบ้านเมื่อใด ตระกูลฉีของเราพร้อมเปิดประตูต้อนรับนางกลับมาเสมอเจ้าค่ะ! หากน้องหญิงอยากอยู่ที่ตระกูลไป๋ต่อ ตระกูลฉีจะเป็นแรงสนับสนุนของน้องหญิงเองเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกน้องหญิงแน่นอนเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่ฉีกุมมือของฉีเหล่าไท่จวินแน่น ดวงตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน
ฉีเหล่าไท่จวินได้ยินเช่นนี้ นางแสบจมูกเล็กน้อย รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก กุมมือของลูกสะใภ้แน่น พยักหน้า
“ข้ารู้…ข้ารู้ว่าเจ้ากับต้าหลางเป็นคนดี!”
ฮูหยินรองฉียืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม สามีของนางเป็นบุตรอนุ ต่อให้กล่าวสิ่งใดออกไป ฉีเหล่าไท่จวินก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไม่สู้ยืนอยู่เฉยๆ ดีกว่า
เวลาอาหารกลางวัน ตี๋หมัวมัวอาศัยช่วงที่แดดกำลังจ้าแบกฮูหยินห้ากลับเรือนของตัวเอง
เดิมทีต่งซื่อไม่อยากให้ฉีซื่อต้องเคลื่อนย้ายอีก ทว่า ข้าวของเครื่องใช้ของฉีซื่อล้วนอยู่ที่เรือน หากย้ายมาทั้งหมดก็ยุ่งยากพอกัน ฉีซื่อยืนกรานจะกลับไป ต่งซื่อจึงไม่อาจห้ามปรามได้ ได้แต่ปล่อยให้บ่าวเคลื่อยย้ายฉีซื่อกลับไปยังจวนของตัวเอง
เมื่อวางฉีซื่อลงบนเตียงเสร็จ ต่งซื่อได้ยินฉินหมัวมัวกล่าวว่าบ่าวเรือนหน้ามารายงานว่าองค์ชายสี่ของต้าเยี่ยนมาขอพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
บัดนี้จวนไป๋กลายเป็นจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไปแล้ว บุตรสาวของนางคือเจ้าของจวนแห่งนี้ องค์ชายสี่มาขอพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ทว่า ต่งซื่อไม่วางใจจึงสั่งให้ฉินหมัวมัวไปดูว่าองค์ชายผู้นั้นมาหาบุตรสาวของนางเพราะเหตุใด
อย่างไรซะก็เป็นองค์ชายของแคว้นอื่น ต่งซื่อกลัวว่ารัชทายาทหรือฮ่องเต้อาจหวาดระแวงได้
มู่หรงลี่นั่งจิบชาอยู่ในโถงรับรองด้านหน้ากับเฝิงเย่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา มู่หรงลี่ลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม
ไป๋ชิงเหยียนเบี่ยงกายหนีการคำนับของมู่หรงลี่ จากนั้นทำความเคารพกลับยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าองค์ชายสี่เสด็จมาที่นี่เพราะเหตุใดเพคะ”
มู่หรงลี่คำนับไป๋ชิงเหยียนอย่างนอมน้อม และกล่าวอย่างจริงจังตามที่ท่านอาเก้ากำชับมา
“ลี่ทราบมาว่าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีท่านหมอหงผู้เก่งกาจอยู่ ลี่มาเพื่อขอร้องให้เขาไปตรวจอาการของเสด็จพ่อขอรับ หวังว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะช่วยลี่ได้”
ทั้งสองฝ่ายตกลงเรื่องนี้กันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้แค่แสดงละครให้ผู้อื่นเห็นเท่านั้น
“ไม่ทราบว่าองค์ชายสี่ทรงทราบได้อย่างไรว่าท่านหมอหงอยู่ที่นี่เพคะ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“ลี่ได้ยินว่าท่านหมอหลวงหวงแห่งสำนักหมอหลวงมีศิษย์พี่อยู่คนหนึ่ง มีฝีมือรักษาที่เก่งกว่าหมอหลวงหวงมาก จนได้สมญานามว่าหมดเทวดา หลังจากสืบอย่างละเอียดจึงรู้ว่าหมอท่านนี้คือหมอของจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ลี่จึงมาขอร้องท่านที่นี่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมา “ท่านหมอหงเก่งกาจมากจริงๆ แต่ไม่ใช่หมอเทวดาอย่างที่พวกเขาร่ำลือกันหรอกเพคะ ทว่า ในเมื่อองค์ชายสี่เสด็จมาถึงที่นี่ เหยียนจะให้ท่านหมอหงไปกับองค์ชายสี่เพคะ”