สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 299 สี่ซาน
ตอนที่ 299 สี่ซาน
ผู้ใดจะคิดว่าเมื่อมารดาของชุนซิ่งมาถึงจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นางกลับได้ยินบ่าวรับใช้กล่าวว่าชุนซิ่งถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนตั้งแต่เมื่อคืน นางรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว นางรีบยัดถุงเงินใส่มือของหญิงชราที่เฝ้าประตู เอ่ยเสียงเบาอย่างนอบน้อม “ท่านพี่เจ้าคะ ลูกสาวของข้าล่วงเกินจวิ้นจู่หรือเจ้าคะ เหตุใดข้าถึงได้ยินมาว่านางถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนกันเจ้าคะ”
หญิงชราเฝ้าประตูชั่งน้ำหนักเงินในถุงเงิน เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้นจึงรีบยัดถุงเงินใส่แขนเสื้อ กล่าวขึ้น ”ข้าได้ยินมาว่านางขโมยของของคุณหนูใหญ่จึงถูกลงโทษ”
สีหน้ามารดาของชุนซิ่งซีดเผือดทันที “เป็นไปไม่ได้! ข้ารู้จักลูกสาวของตัวเองดี นางไม่มีทางเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อยนั่นแน่ๆ นางกำลังจะกลายเป็นอี๋เหนียงของจวนเสนาบดีกรมการคลัง นางจะมีเครื่องประดับมากมาย เหตุใดต้องขโมยของของจวิ้นจู่ด้วย”
หญิงชราเห็นว่ามารดาของชุนซิ่งโวยวายจึงหันไปมองรอบกายอย่างตกใจ ถลึงตาใส่มารดาของชุนซิ่งพลางกล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่เห็นแก่ที่ชุนซิ่งเคยเป็นสาวใช้ใหญ่ของนางจึงไม่ได้เรียกพ่อค้าทาสมารับตัวนางไปก็ถือว่าไว้หน้านางมากแล้ว หากเจ้าไม่กลัวขายหน้าก็โวยวายอยู่ตรงนี้ต่อไปเถิด!”
กล่าวจบ หญิงชราสะบัดแขนเสื้อเดินกลับเข้าไปด้านในทันที
สีหน้ามารดาของชุนซิ่งย่ำแย่มาก ร้อนใจเป็นที่สุด หากผู้ดูแลจวนเสนาบดีกรมการคลังรู้ว่าชุนซิ่งเป็นสาวใช้ที่ถูกจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไล่ออกจากจวน เขาต้องไม่ยอมรับชุนซิ่งแน่นอน เช่นนั้น…เงินที่จวนเสนาบดีกรมการคลังสัญญาว่าจะมอบให้ก็คงหลุดลอยไปเช่นกัน
จวนเสนาบดีกรมการคลังต้องการอนุที่มีประวัติดี มีคนมากมายอยากส่งบุตรสาวของตัวเองไปให้จวนเสนาบดี หากไม่ใช่เพราะชุนซิ่งคือสาวใช้ใหญ่ข้างกายของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ จวนเสนาบดีกรมการคลังจะเลือกบุตรสาวของนางไปเป็นอนุได้อย่างไรกัน
แม้เป็นเพียงบุตรอนุ แต่ก็เป็นถึงคุณชายหกของจวนเสนาบดีกรมการคลัง
มารดาของชุนซิ่งพยายามประมวลผลอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เห็นแก่ความสัมพันธ์นายบ่าวไม่ป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป เช่นนั้นก็ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วกัน บอกกับคนภายนอกว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เมตตาปล่อยตัวบุตรสาวของนางให้เป็นอิสระ
เมื่อบุตรสาวของนางแต่งเข้าไปในจวนเสนาบดีแล้ว ตอนนั้นข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกแล้ว คุณชายหกได้บุตรสาวของนางเป็นภรรยา คงไม่มาขอเงินคืนจากนางอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดได้ดังนี้ มารดาของชุนซิ่งจึงยืนรออยู่ที่หน้าประตู
ไม่นาน ชุนซิ่งที่ใบหน้าซีดเซียวจากการถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนหนึ่งคืนก็เดินสะพายย่ามออกมาจากจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
เมื่อชุนซิ่งเห็นมารดาของตัวเอง น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น!” มารดาของชุนซิ่งกระชากข้อมือของบุตรสาว เอ่ยกำชับเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่มีเมตตาปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระถือเป็นเรื่องที่ดี อย่าร้องไห้!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำแฝงนัยของมารดา ชุนซิ่งกลั้นน้ำตาไว้ทันที “แต่ว่าท่านแม่ ข้ายังไม่ได้สัญญาทาสเลยเจ้าค่ะ”
มารดาของชุนซิ่งตะลึง มองไปทางประตูสีดำสองบานของจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่แวบหนึ่ง จากนั้นบีบมือของบุตรสาวแน่น “กลับไปก่อนค่อยว่ากัน!”
ชุนซิ่งพยักหน้าพลางขึ้นไปบนรถม้าที่มารดาของนางเช่ามา รถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปจากจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่
ไป๋ชิงเหยียนฝึกยืนม้าอยู่กลางลานหญ้าจนเสร็จ หญิงสาวกำลังจะฝึกยกหอกเงินหงอิงก็ได้ยินถงหมัวมัวรายงานว่ามารดาของชุนซิ่งมารับตัวชุนซิ่งกลับไปแล้ว ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าพลางรับผ้าขนหนูจากชุนเถามาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าและลำคอ “รบกวนหมัวมัวเลือกสาวใช้มาแทนที่ตำแหน่งของชุนซิ่งด้วย”
“เจ้าค่ะ!” ถงหมัวมัวย่อกายทำความเคารพ จากนั้นกล่าวขึ้น “ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่ บ่าวไปสืบเหตุการณ์ตอนที่มารดาของชุนซิ่งมารับตัวชุนซิ่งกลับไปจากหญิงชราเฝ้าประตูตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ หญิงชราผู้นั้นกล่าวว่า…นางบอกมารดาของชุนซิ่งไปว่าชุนซิ่งขโมยของของคุณหนูใหญ่ มารดาของชุนซิ่งก็โวยวายขึ้นมาทันที กล่าวว่าลูกสาวของนางกำลังจะกลายเป็นอี๋เหนียงของจวนเสนาบดี ต่อมาไม่รู้ว่านางคิดสิ่งใดขึ้นมาได้จึงหยุดโวยวาย ตอนชุนซิ่งเดินออกมานางเอาแต่ร้องไห้ ทว่า ถูกมารดาของนางปรามเอาไว้ ดังนั้นบ่าวจึงตัดสินใจโดยพละการยึดสัญญาทาสของชุนซิ่งไว้ก่อนเจ้าค่ะ คิดว่าหลังจากจบพิธีสี่ซานของคุณหนูแปดในช่วงบ่ายวันนี้ บ่าวจะนำไปคืนให้ด้วยตัวเอง…”
“จากนั้นจะบอกเพื่อนบ้านละแวกนั้นของชุนซิ่งด้วยว่า ต่อไปจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จะไม่ใช้งานครอบครัวและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับชุนซิ่งอีกเด็ดขาด ต่อไปชุนซิ่งทำสิ่งใดจะได้ไม่ขายหน้ามาถึงคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! หากคุณหนูใหญ่คิดว่าไม่เหมาะสม บ่าวจะให้คนลอบนำสัญญาทาสไปให้ชุนซิ่งอย่างเงียบเชียบเจ้าค่ะ”
ถงหมัวมัวรู้สาเหตุของเรื่องนี้ดี เดิมทีนางตั้งใจจะคืนสัญญาทาสให้ชุนซิ่งตามที่คุณหนูใหญ่สั่งไว้
ทว่า เมื่อนึกถึงมารดาที่เห็นแก่เงินของชุนซิ่ง ถงหมัวมัวจึงเปลี่ยนความคิด มีเพียงป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปเท่านั้น ชุนซิ่งและครอบครัวของนางจะได้ไม่สามารถอ้างชื่อของคุณหนูใหญ่เพื่อใช้หาเงินได้
มิเช่นนั้น หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมา ผู้อื่นต้องเหมารวมถึงคุณหนูใหญ่ด้วยแน่ๆ
“หมัวมัวพิจารณาได้รอบคอบมาก ทำตามที่หมัวมัวกล่าวเถิด” ไป๋ชิงเหยียนวางผ้าขนหนูลงบนถาดสีดำที่ชุนเถาถืออยู่ “วันนี้ท่านย่าจะกลับมา ซ้อมแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
ชุนเถาพยักหน้ารับคำ จากนั้นสั่งให้สาวใช้ไปนำอาหารเช้ามา
วันนี้ท่านย่าจะพาแม่นางหลูผู้นั้นกลับมาด้วย แม้จะเป็นแค่การแสดง…ทว่า ท่านย่าก็ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าท่านใส่ใจในตัวแม่นางผู้นี้เพียงใด ท่านย่าจงใจให้เจี่ยงหมัวมัวส่งข่าวมาบอกให้ต่งซื่อสั่งคนทำความสะอาดเรือนที่ไป๋ซู่ชิวเคยอยู่ให้เรียบร้อย ท่านจะให้แม่นางหลูพักที่เรือนนั้น
ต่งซื่อตะลึง หลายปีมานี้เรือนชิวซวงของไป๋ซู่ชิวเว้นว่างมาโดยตลอด ทว่า บ่าวรับใช้เข้าไปทำความสะอาดทุกวัน เมื่อใดที่องค์หญิงใหญ่คิดถึงไป๋ซู่ชิวก็จะไปที่นั่น บัดนี้ต้นพลับที่ไป๋ซู่ชิวปลูกไว้กลางเรือนในตอนนั้นออกดอกออกผลเต็มไปหมดแล้ว
ทุกคนในจวนล้วนสนใจในตัวแม่นางหลูผู้นี้ แม้กระทั่งไป๋จิ่นซิ่วยังนั่งรถม้ามาที่จวนแต่เช้า ไป๋จิ่นซิ่วอยากเห็นหญิงสาวที่บัดนี้คนทั้งเมืองหลวงต่างกล่าวขานกันว่าเป็นท่านอาไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดโดยเร็ว
ไป๋จิ่นจื้อที่เคยพบแม่นางหลูมาก่อนแล้วตอนไปเยี่ยมองค์หญิงใหญ่กับไป๋ชิงเหยียนมาถึงเรือนฉางโซ่วเป็นคนสุดท้าย สาวน้อยทำความเคารพองค์หญิงใหญ่อย่างนอบน้อมจากนั้นหลบไปยืนอยู่ด้านข้าง สายตามองสำรวจแม่นางหลูที่ยืนอยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่แวบหนึ่ง
ฮูหยินสามหลี่ซื่อเห็นท่าทีสุขุมของไป๋จิ่นจื้อ ในใจนึกว่าไป๋จิ่นจื้อออกไปฝึกฝนประสบการณ์จนนิสัยเปลี่ยนไปแล้ว นางรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ทุกคนตามองค์หญิงใหญ่ไปเยี่ยมหลานสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลก องค์หญิงใหญ่ให้อัญมณีโลหิตนกพิราบเป็นของรับขวัญไป๋หว่านชิง นางยิ้มอย่างมีความสุข
แม้องค์หญิงใหญ่จะรู้สึกเสียดายที่เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กชาย
ทว่า เมื่อคิดได้ว่าหากไม่ใช่ผู้ชาย เช่นนั้นเท่ากับคุ้มครองตระกูลไป๋ให้ปลอดภัยต่อไปได้ ในใจก็รู้สึกทุกข์ทรมานและปวดร้าวมาก
ทุกคนมองดูหมอตำแยเตรียมหม้อต้มและยาจีนเช่น อ้ายเย่[1] และ ฮ่วยซัว[2] ไว้พร้อมเสร็จสรรพ ตอนที่บรรดาผู้ใหญ่ใส่ยาเหล่านั้นลงไปในหม้อ หมอตำแยกล่าวคำอวยพรเป็นสิริมงคลตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นรับเงินรางวัล
“เห็นเด็กนี่แล้วนึกถึงอาเป่าตอนแรกเกิด…” องค์หญิงใหญ่กะพริบตาที่เริ่มแดงก่ำ กล่าวพลางหัวเราะออกมา “ตอนนั้นอาเป่าก็น่าเอ็นดู ขาวจิ้มลิ้มเช่นนี้เหมือนกัน”
เด็กน้อยถูกองค์หญิงใหญ่อุ้มไว้ในอ้อมกอด มือน้อยจับนิ้วมือขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ขบขันจนหัวเราะออกมา ฮูหยินสามหลี่ซื่อกล่าวขึ้น “เด็กนี่มีวาสนากับท่านแม่เหมือนอาเป่าเจ้าค่ะ!”
องค์หญิงใหญ่พยักหน้า ส่งเด็กคืนให้แม่นม จากนั้นกำชับให้ฮูหยินห้าพักผ่อนให้เพียงพอ
———————————————
[1] อ้ายเย่ เป็นพืชตระกูลดาวเรืองที่นิยมนำมาใช้เป็นสมุนไพรทางการแพทย์แผนจีน เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยคลายความอุดตัน กำจัดความเย็นและความชื้นออกจากเส้นลมปราณ
[2] ฮ่วยซัว หรือกลอยจีน เป็นพืชสกุลกลอย คนมักนำมาทำเป็นสมุนไพรจีนรักษาอาการของโรคต่างๆ