สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 30 เข้าไปพัวพัน
ใจของอู๋หมัวมัวเต้นตึกตัก
อู๋หมัวมัวนึกเรื่องสัญญาทาสขึ้นมาได้หลังจากที่เจี่ยงซื่อจัดการกับสาวใช้พวกนั้นแล้ว เสียดายจนถึงทุกวันนี้ที่หาสัญญาทาสจากการรื้อค้นสินเดิมของไป๋จิ่นซิ่วไม่เจอ
ที่เก็บหมิงอวี้ไว้ก็เพราะหากจวนเจิ้นกั๋วกงเอาเรื่องขึ้นมา จะได้ให้หมิงอวี้ซึ่งเป็นสาวใช้ข้างกายของไป๋จิ่นซิ่วอ้างว่าไป๋จิ่นซิ่วเป็นคนสั่งให้นางมอบสัญญาทาสให้เจี่ยงซื่อ
แต่ใครจะไปนึกว่าจวนเจิ้นกั๋วกงจะสั่งให้คนนำสัญญาทาสไปจับตัวหมิงอวี้มาจากจวนของเจี่ยงซื่อเช่นนี้ ไม่ต้องค้นหาต่อก็รู้ว่าสัญญาทาสของสาวใช้อีกห้าคนต้องอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วกงเช่นเดียวกัน
ไม่รอให้อู๋หมัวมัวคิดข้อแก้ตัว เจี่ยงซื่อที่ร้อนตัวอยู่แล้วก็แสร้งทำเป็นโมโห
“ไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งแต่งเข้าตระกูลฉินได้ไม่นาน ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่สามี ไม่ยึดถือจรรยาบรรณของภรรยา ใช้อุบายยุยงให้สามีแยกบ้าน จวนเจิ้นกั๋งกงของเจ้ายังมีหน้าถามหาสาวใช้เพียงไม่กี่คนนั่นอีกหรือ! ต่อให้เป็นไป๋จิ่นซิวเอง…หากแม่สามีอย่างข้าตีนางให้ตายก็มิมีผู้ใดกล้าบอกว่าข้าผิดหรอก อู๋หมัวมัวยังมิไปอีก!”
อู๋หมัวมัวเดินตามเจี่ยงซื่อออกไปด้วยท่าทีเหงื่อตก
“ฮูหยินโหว หากท่านก้าวเท้าออกจากจวนนี้ไปเพื่อป่าวประกาศใส่ร้ายว่าน้องรองของข้าเป็นคนยุยงให้ฉินหล่างย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวละก็ ข้าขอเตือนให้ท่านล้มเลิกความคิดนี้เสียเถิดเจ้าค่ะ! จวนเจิ้นกั๋วกงของเราไม่มีทางยอมรับข้อกล่าวหานี้แน่นอน ท่านแม่ของข้าต้องอธิบายแก้ต่างแทนน้องรองอยู่แล้ว”
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืน ยิ้มกว้างพลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ของข้าเป็นสตรีที่ฝ่าบาททรงชมเชยว่าเป็นแบบอย่างของภรรยาที่ดี…ฮูหยินโหวลองคิดดูนะเจ้าคะ ว่าสตรีที่ชื่อเสียงป่นปี้จากการอบรมเลี้ยงดูลูกสาวให้ทำร้ายผู้คน ยุ่งวุ่นวายกับสินเดิมของลูกสะใภ้อย่างท่าน หากต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการใส่ร้ายลูกสะใภ้อีกมันจะยิ่งแย่ขนาดไหน”
หากเรื่องที่ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับฉินหล่างแพร่ออกไปต้องทำให้ชื่อเสียงของไป๋จิ่นซิ่วเสียหายแน่นอน ไป๋จิ่นถงยืนอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน แสร้งทำเป็นส่ายหน้าอย่างเสียดาย
“ที่ข้าเล่าเรื่องที่พี่รองพูดให้ฮูหยินโหวฟังก็เพราะอยากให้ฮูหยินโหวทำให้ชื่อเสียงที่ย่ำแย่อยู่แล้วของตัวเองแย่ลงอีกสักหน่อย พี่หญิงใหญ่ใจดีเกินไปแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดต้องเตือนนางด้วย”
“ต่งหวั่นจวิน จวนเจิ้นกั๋วกงของเจ้าต้องการแตกหักกับจวนจงหย่งโหวจริงๆ ใช่หรือไม่” ดวงตาเจี่ยงซื่อแข็งกร้าวขยำผ้าเช็ดในมือแน่น
ต่งซื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ลูกสาวทั้งสองคนของเจ้าทำร้ายคุณหนูรองของจวนข้าจนเกือบตาย เจ้ายังมีหน้ามาขอให้จวนเจิ้นกั๋วกงไว้หน้าเจ้าอีกหรือ!” ไป๋จิ่นถงยืนเอามือไขว้หลัง ยกยิ้มเย็นขึ้นน้อยๆ
“หน้าของจวนจงหย่งโหวหนาเท่ากำแพงเลยหรือไร จวนเจิ้นกั๋วกงของเรารับพี่รองกลับจวนมาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ยังมิถือว่าแหกหักกันอีกหรือ!”
“พวกเจ้า…ดี! ตระกูลไป๋ของพวกเจ้าเหิมเกริมกันไปเถิด!” เจี่ยงซื่อโมโหจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตวาดออกมาอย่างลืมตัว “อีกไม่นานพวกเจ้าได้ร้องไห้แน่ อู๋หมัวมัวกลับจวน!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น ดวงตาลึกล้ำจ้องนิ่งไปยังแผ่นหลังของเจี่ยงซื่อ
ฉินหมัวมัวซึ่งยืนเฝ้าประตูอยู่เห็นเจี่ยงซื่อเดินปั้นปึ่งออกมาจากเรือนรับรอง นางเดินยิ้มเข้าไปหาอย่างนอบน้อม เดินนำทางทั้งคู่ไปส่งยังด้านนอก เจี่ยงซื่อระบายความโกรธทั้งหมดลงที่ฉินหมัวมัว
“อันใดกัน ออกจากจวนยังต้องตามไปคุมอีกหรือ กลัวข้าจะขโมยของจากจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเจ้าหรืออย่างไร!”
พอเจี่ยงซื่อจากไป ต่งซื่อวางถ้วยชาในมือลงทันที สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “นิสัยของเจี่ยงซื่อก็เป็นเช่นนี้ นางชอบคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุด ผู้อื่นล้วนเป็นคนโง่ให้นางรังแก!”
การหมั้นหมายของไป๋ชิงเหยียนในตอนนั้น มารดาของฉินหล่างเป็นผู้หมั้นหมายไว้ให้ตอนนางป่วยหนัก นานมาแล้วก่อนที่มารดาของฉินหล่างจะแต่งงาน นางถูกต่งเหล่าไท่จวิน[1]และต่งซื่อช่วยชีวิตไว้จากพวกโจรป่าทำให้นางรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ได้ มารดาของฉินหล่างสำนึกในบุญคุณ และสนิทสนมกับตระกูลต่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสาบานเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับต่งซื่ออีกด้วย
ต่อมามารดาของฉินหล่างป่วยหนัก รู้ตัวว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานจึงฝากฝังฉินหล่างไว้กับต่งซื่อ คุกเข่าขอร้องต่งซื่อว่าหากภายภาคหน้าต่งซื่อมีบุตรสาวขอให้แต่งงานกับฉินหล่าง เช่นนี้ต่งซื่อจะได้กลายเป็นมารดาของฉินหล่างจริงๆ
เห็นพี่น้องร่วมสาบานคุกเข่าอ้อนวอน เจี่ยงซื่อที่ยังเยาว์วัยและใจอ่อนจึงกล้าตกปากรับคำ มอบของใช้ติดกายให้แก่มารดาของฉินหล่างเป็นของแทนใจ ทำสัญญาหมั้นหมายกันเป็นการส่วนตัว
มารดาของฉินหล่างรักและเป็นห่วงบุตรชายมาก รู้ว่าตนและฉินเต๋อเจามิได้ผูกพันรักใคร่กันมากนัก กลัวว่าต่อมาเมื่อมารดาเลี้ยงของฉินหล่างแต่งเข้าจวนจะทำให้ตำแหน่งซื่อจื่อของบุตรชายนางต้องสั่นคลอน เพื่อรักษาตำแหน่งซื่อจื่อของฉินหล่างให้มั่นคง นางจึงอ้างเรื่องที่ฉินหล่างกำพร้าแม่เพื่อดึงพี่น้องร่วมสาบานของนางเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หากไม่ใช่เพราะตระกูลฝ่ายมารดาของฉินหล่างไม่มีอำนาจ หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงต้องตาต่งซื่อ รอต่งซื่อไว้ทุกข์ให้ท่านปู่ของนางครบสามปีก็จะมาสู่ขอ มารดาของฉินหล่างคงไม่รีบคว้าฟางเส้นสุดท้าย รีบทำสัญญาหมั้นหมายกับต่งซื่อ ก็คงไม่ได้แต่งงานเช่นนั้นหรอก
ต่อมาหลังจากที่มารดาของฉินหล่างเสียชีวิต จงหย่งโหวสู่ขอเจี่ยงซื่อมาเป็นภรรยาใหม่ เจี่ยงซื่อเป็นคนเช่นใดต่งซื่อรู้ดี นางได้แต่ลอบปาดเหงื่อแทนไป๋ชิงเหยียนอยู่ในใจ
ทว่า…เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง ไป๋ชิงเหยียนที่เพิ่งโตเป็นสาวได้รับบาดเจ็บที่ช่องท้องจนมีบุตรได้ยาก จวนเจิ้นกั๋วกงตั้งใจจะถอนหมั้นกับจวนจงหย่งโหว แต่จงหย่งโหวมาที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวเอง กล่าวขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นไป๋จิ่นซิ่วแทน เดิมทีท่านกั๋วกงไม่ตกลง แต่ไม่รู้ว่าท่านโหวกล่าวสิ่งใดกับท่านกั๋วกงสุดท้ายท่านจึงยอมตกลง
ต่งซื่อเป็นลูกสะใภ้เลยกล่าวอันใดมากไม่ได้ กลัวว่าหากกล่าวมากไปฮูหยินสองหลิวซื่อจะหาว่านางไม่พอใจที่ไป๋จิ่นซิ่วได้แต่งงานแทน นางโน้มน้าวอยู่สองสามครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลจึงไม่กล่าวสิ่งใดอีก
นึกไม่ถึงเลยว่าหลายปีผ่านไป ไป๋จิ่นซิ่วได้แต่งงานแต่กลับโดนรังแกมากขนาดนี้ หากรู้มาก่อนตอนนั้นนางจะคัดค้านจนถึงที่สุด
“ท่านแม่อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยปลอบต่งซื่อ “ก่อนจะไปที่จวนจงหย่งโหว ข้านึกว่าฮูหยินโหวเป็นคนเก่งกาจมาก แต่ดูแล้วก็ไม่เท่าไร เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเรื่องที่ฉินหล่างจะย้ายออกจากจวนจงหย่งโหว เดี๋ยวท่านแม่กับท่านอาสะใภ้สองช่วยกันเลือกบ่าวใช้ที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่งให้จิ่นซิ่วดีกว่าเจ้าค่ะ ไม่มีแม่สามีคอยมายุ่งแล้ว จิ่นซิ่วคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ”
ต่งซื่อถอนหายใจพยักหน้าให้ ดีที่ฮ่องเต้มีพระราชโองการออกมา ส่วนฮองเฮาก็ตรัสอออกมาเป็นประกาศิตแล้ว ต่อให้เจี่ยงซื่อจะเก่งกล้าสักแค่ไหนก็เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี
นึกถึงเมื่อครู่ที่ไป๋ชิงเหยียนถามเจี่ยงซื่อเรื่องเบาะแสของสาวใช้ทั้งห้า ต่งซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจกล่าวกับบุตรสาวตามความเป็นจริง
“เมื่อวานท่านอาสะใภ้สองของเจ้าขอให้แม่ส่งคนไปตามหาสาวใช้ติดตามของน้องรอง นางอยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นเช่นใดกันแน่จะได้จัดการได้ถูก แม้ว่าเช้านี้แม่จะส่งคนไปสอบถามร่องรอยของสาวใช้เหล่านั้นจากคนค้าทาสในเมือง แต่แม่ก็รู้ดีว่าสาวใช้ทั้งห้าคนนั่นคงไม่รอดแล้ว ท่านอาสะใภ้สองของเจ้าเป็นคนหุนหันพลันแล่น ไม่รู้จักคนอำมหิตอย่างเจี่ยงซื่อดีพอ เกรงว่าคงไม่คิดไปในด้านนี้เลยแม่ก็ไม่รู้จะบอกกับป้าสะใภ้สองของเจ้าเช่นใดดี”
ไม่ว่าอย่างใดสาวใช้ติดตามทั้งห้าคนนั่นก็มาจากจวนเจิ้นกั๋วกง ตีหมายังต้องดูเจ้าของ ผู้ใดในเมืองหลวงไม่กลัวตายกล้ารับซื้อตัวสาวใช้จากจวนเจิ้นกั๋วกงโดยที่ไม่มีสัญญาทาสกัน มีแต่ฮูหยินสองหลิวซื่อเท่านั้นที่เชื่อ
“ท่านแม่จะต้องอธิบายสิ่งใดกับท่านอาสะใภ้สองกันเจ้าคะ หากจวนเจิ้นกั๋วกงหาตัวสาวใช้ทั้งห้านั่นไม่พบก็จะแจ้งทางการให้ทางการค้นหา” ความคิดของไป๋ชิงเหยียนถูกต้องมาก
เจี่ยงซื่อขมวดคิ้วยุ่งเงยหน้ามองไปทางบุตรสาวซึ่งมีสีหน้าเรียบเฉย นิ่งขรึมดังสายน้ำ จากนั้นจึงคลี่ยิ้มในทันที “ลูกสาวแม่กล่าวได้ถูกต้องจริงๆ! แม่โง่เอง! หาบ่าวรับใช้ไม่เจอก็ต้องแจ้งทางการสิ ต้องให้ผู้ดูแลพาพ่อแม่พร้อมทั้งสัญญาทาสของสาวใช้ทั้งห้านั่นไปแจ้งทางการด้วย!”
ไป๋ชิงเหยียนเดินหน้าขรึมออกมาจากเรือนรับรอง นึกถึงถ้อยคำที่ฮูหยินแห่งจงหย่งโหวพลั้งปากออกมาด้วยความโมโหก่อนจะจากไป อีกไม่นานพวกเจ้าได้ร้องไห้แน่
ถ้อยคำนี้เหมือนมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ หญิงสาวหลุบตามองดูทางเดินแผ่นหินใต้ฝ่าเท้า เดาว่าฮูหยินโหวอาจรู้อันใดบางอย่างถึงได้กล้าลงมือจัดการไป๋จิ่นซิ่วที่เพิ่งแต่งงานเข้าไป
วันนั้นที่จวนจงหย่งโหว เจี่ยงซื่อวางอำนาจมาก ดูไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยว่าบุตรสาวของตนทำร้ายผู้อื่น ฮูหยิวโหวผู้ที่มักจะระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา…ต่อให้โมโหที่ตระกูลไป๋ไม่ไว้หน้าจวนจงหย่งโหว ยืนกรานจะรับไป๋จิ่นซิ่วกลับจวน แต่ในสถานการณ์ที่เห็นอยู่ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นฝ่ายผิด เหตุใดนางจึงมีท่าทีแข็งกร้าวถึงเพียงนั้นกัน
ไป๋ชิงเหยียนเหงื่อซึมท่วมแผ่นหลัง เรื่องของตระกูลไป๋…มีอีกกี่ตระกูลในเมืองหลวงที่เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้กัน ไป๋จิ่นถงเดินอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน สีหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ “เห็นหญิงใจร้ายนั่นโกรธจนตัวสั่น ในที่สุดก็ได้ระบายอารมณ์เสียทีนะเจ้าคะ!”
ไม่ได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยตอบ ไป๋จิ่นถงก็อดนึกถึงเรื่องสาวใช้ติดตามทั้งห้าขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยถามอย่างมีความหวัง “พี่หญิงใหญ่ สาวใช้ทั้งห้าคนนั่นตายไปแล้วดังที่ท่านอาสะใภ้ใหญ่กล่าวจริงๆ หรือเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินจึงได้สติ ตอบอย่างไม่ปิดบัง “สาวใช้ติดตามของพี่รองเจ้า นอกจากหมิงอวี้ ล้วนโดนจับกดน้ำตายหมดแล้ว ฮูหยินโหวกลัวว่าเสื้อผ้าของพวกนางจะทำให้รู้ฐานะของพวกนาง จึงให้คนเปลื้องเสื้อผ้าแล้วโยนพวกนางทิ้งไปในป่าช้าในคืนหิมะตกหนัก”
[1]เหล่าไท่จวิน คือ ยศหรือบรรดาศักดิ์ที่จักรพรรดิพระราชทานแก่มารดาของพระญาติสนิทหรือมารดาของขุนนางที่มีความดีความชอบ ในที่นี้หมายถึงมารดาของต่งซื่อ