สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 300 ตัดสินใจ
ตอนที่ 300 ตัดสินใจ
ไม่นาน พี่สะใภ้ของฮูหยินห้าฉีซื่อก็เดินทางมาถึง
ฮูหยินห้าไม่อยากจัดพิธีสี่ซานอย่างเอิกเกริก องค์หญิงใหญ่กลับมาที่จวน ครอบครัวนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันก็พอ
ฮูหยินใหญ่ฉีกล่าวหยอกเล่นกับฮูหยินห้าว่า เมื่อวานฮูหยินห้าผิดใจกับฉีเหล่าไท่จวิน ฉีเหล่าไท่จวินไม่กล้าบากหน้ามาที่นี่แต่ก็เป็นห่วงบุตรสาวและหลานสาว จึงไล่ให้นางมาแทน ขอร้องเจ้าของจวนว่าอย่าไล่นางออกจากจวน…
ว่ากันว่าคนที่ยอมรับผิดควรได้รับการให้อภัย ต่งซื่อจึงกล่าวทักทายยิ้มๆ พลางเชิญฮูหยินใหญ่ฉีเข้าไปด้านใน
โชคดีที่ต่งซื่อเตรียมการไว้ล่วงหน้า ให้บ่าวรับใช้เตรียมโต๊ะไว้สองสามตัว จัดพิธีสี่ซานของไป๋หว่านชิงอย่างครื้นเครง
สิ่งที่ทำให้ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ พระชายาของรัชทายาทก็สั่งให้คนนำของขวัญมาให้เช่นเดียวกัน
แม้จะกล่าวว่ามาส่งของขวัญ ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีว่าพระชายารัชทายาทต้องการส่งคนมาสืบดูหน้าตาของแม่นางหลูเสียมากกว่า
ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนโอนอ่อนไปตามทิศทางของอำนาจ บรรดานายหญิงใหญ่ของแต่ละตระกูลต่างให้หมัวมัวนำของขวัญมามอบให้ แต่แท้จริงแล้วทุกคนล้วนมาสืบเรื่องของแม่นางหลู
ผู้ใดจะคิดว่าองค์หญิงใหญ่ซ่อนแม่นางหลูไว้อย่างดี ผู้อื่นถามถึงเรื่องนี้กับเจี่ยงหมัวมัวซึ่งคอยรับใช้อยู่ข้างกายขององค์หญิงใหญ่ เจี่ยงหมัวมัวล้วนตอบว่าแม่นางหลูได้รับบาดเจ็บที่แขนตอนไปเก็บยาสมุนไพรให้องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่เรือนชิงซวง
ในงานเลี้ยงสี่ซาน องค์หญิงใหญ่ดื่มเหล้าดอกกุ้ยหวาหมักมากกว่าปกติ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำอย่างรุนแรง
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วส่งองค์หญิงใหญ่กลับไปพักผ่อนที่เรือนชางโซ่ว ให้สาวใช้นำชามาให้องค์หญิงใหญ่ ได้ยินองค์หญิงใหญ่กล่าวขึ้น “ได้ยินว่าเจ้าไล่สาวใช้ใหญ่ข้างกายของตัวเองออกอย่างนั้นหรือ”
“เดิมทีข้าต้องการหาคู่ครองที่เหมาะสมให้นาง แต่ว่านางโลภมากเกินไป อ้อนวอนขอไถ่ถอนตัวจากข้าไปเป็นอี๋เหนียงของบุตรอนุของเสนาบดีกรมการคลังเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนรับชามาจากเจี่ยงหมัวมัว
องค์หญิงใหญ่และไป๋จิ่นซิ่วเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
มิเช่นนั้นจวนเสนาบดี ถึงจะเพียงเพียงแค่บุตรอนุแต่จะหาสาวใช้จากจวนของตัวเองมาเป็นอี๋เหนียงไม่ได้เลยหรืออย่างไร เหตุใดต้องให้สาวใช้จากจวนอื่นไถ่ถอนตัวไปเป็นอี๋เหนียงด้วย
“ท่านย่าไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ เดี๋ยวถงหมัวมัวจะให้คนนำสัญญาทาสไปคืนให้ชุนซิ่งที่บ้าน และประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าตระกูลไป๋จะไม่เรียกใช้ชุนซิ่งและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับชุนซิ่งอีกต่อไปเจ้าค่ะ”
“เจ้าใจดีเกินไป!” องค์หญิงใหญ่ชี้นิ้วใส่ไป๋ชิงเหยียน แววตาสงบนิ่ง ทว่า น้ำเสียงเด็ดขาด “บ่าวรับใช้ชั่วช้าเช่นนี้ควรตีให้ตาย! ปล่อยไว้จะเป็นปัญหาภายหลังได้”
องค์หญิงใหญ่วางถ้วยชาในมือลง เอ่ยเรียก “เจี่ยงหมัวมัว เจ้าไปกำชับถงหมัวมัวว่าเมื่อไปถึงบ้านของบ่าวต่ำช้าผู้นั้น ให้กล่าวอย่างชัดเจนว่านางขโมยเครื่องประดับของจวิ้นจู่ไป ปิ่นปักผมอันนั้นคือของต่างหน้าของฮองเฮาองค์ก่อน ข้ามอบให้จวิ้นจู่เมื่อหลายปีก่อน บ่าวชั่วช้าผู้นั้นเห็นว่าจวิ้นจู่เก็บไว้ล่างหีบมาหลายปีแล้ว นึกว่าจวิ้นจู่ลืมปิ่นปักผมอันนั้นไปแล้ว จึงคิดขโมยไปแลกเป็นเงิน จวิ้นจู่มีเมตตากลัวว่าข้ากลับมาแล้วจะเอาชีวิตของนางจึงขับไล่นางออกจากจวนไป!”
“เพคะ!” เจี่ยงหมัวมัวรับคำ
ถงหมัวมัวเป็นคนเข้าใจง่ายและทำงานเป็น เมื่อได้ยินเจี่ยงหมัวมัวกล่าวเช่นนี้ ถงหมัวมัวก็รู้ทันทีว่าควรจัดการเช่นไร นางพยักหน้ารัว ขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปยังบ้านของชุนซิ่ง
องค์หญิงใหญ่เหนื่อยมาตลอดช่วงเช้า บัดนี้รู้สึกเพลียเต็มทน ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วปรนนิบัติให้องค์หญิงใหญ่นอนพัก จากนั้นจึงเดินออกมาจากเรือนฉางโซ่ว
“แม้ข้าจะไม่เคยเห็นท่านอา ทว่า ข้ารู้สึกว่าแม่นางหลูผู้นี้เหมือนท่านอาไป๋ซู่ซิวในภาพวาดมากกว่าชิวกุ้ยเหรินเจ้าค่ะ ท่านย่าจะส่งแม่นางผู้นี้เข้าวังหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วขมวดคิ้วถาม
“ที่ฮ่องเต้ยังทรงไม่ลืมท่านอาไป๋ซู่ชิว เป็นเพราะพระองค์ไม่เคยได้ครอบครองท่านอาไม่ใช่หรือ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นช้าๆ
สิ้นเสียงไป๋ชิงเหยียน ฉินหมัวมัวเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ทำความเคารพพลางเอ่ยขึ้น
“คุณหนูใหญ่ เซียวเซียนเซิงมาเจ้าค่ะ กล่าวว่านำของขวัญมาให้คุณหนูแปด ทว่า ของขวัญมีค่ามากเกินไป ฮูหยินจึงปฏิเสธ เซียวเซียนเซิงจึงกล่าวว่าให้คุณหนูใหญ่ไปดูแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับไว้หรือไม่เจ้าค่ะ”
กล่าวจบ ฉินหมัวมัวจึงหันไปกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่ว “ท่านเขยรองเป็นคนพาเซียวเซียนเซิงมาเจ้าค่ะ”
ไป๋จิ่นซิ่วค่อนข้างประหลาดใจ นางจำเซียวเซียนเซิงผู้นี้ได้ขึ้นใจ ชายหนุ่มไม่เพียงเคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือตระกูลไป๋ แม้แต่ฉินหล่าวเองก็เคยกล่าวถึงเซียวหรงเหยี่ยนอยู่บ่อยครั้ง กล่าวชมความรู้และนิสัยของเซียวหรงเหยี่ยน ทุกครั้งมักกล่าวว่าหากเซียวหรงเหยี่ยนทิ้งฐานะพ่อค้าไปเป็นบัณฑิต อนาคตของเขาต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่?”
ไป๋ชิงเหยียนเดาว่าเซียวหรงเหยี่ยนนำของขวัญมามอบให้เพราะอยากเจอนาง หญิงสาวจึงพยักหน้า
“พี่จะไปดูสักหน่อย”
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วไปถึง พ่อบ้านเหาต้อนรับเซียวหรงเหยี่ยนและฉินหล่างอยู่ที่โถงรับรองด้านหน้าเป็นเพื่อนต่งซื่อ
เมื่อเห็นสองพี่น้องเดินเข้ามา เซียวหรงเหยี่ยนและฉินหล่าวรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
ฉินหล่างทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเสร็จก็รีบเดินเข้าไปประคองไป๋จิ่นซิ่วที่กำลังตั้งครรภ์
“จวิ้นจู่! ฮูหยิน!” ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น กริยาท่าทางมีมารยาทยิ่งนัก
“เซียวเซียนเซิง…”
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วย่อกายทำความเคารพ
พ่อบ้านเหากล่าวยิ้มๆ “จวิ้นจู่ ของขวัญที่เซียวเซียนเซิงนำมาให้มีค่ามากเกินไปขอรับ ฮูหยินจึงปฏิเสธ ทว่า เซียวเซียนเซิงกล่าวว่าให้จวิ้นจู่มาดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรับไว้หรือไม่ขอรับ”
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา หญิงสาวมองเห็นรูปปั้นหงส์ซึ่งแกะสลักด้วยหยกวางอยู่ในโถงรับรองแล้ว รูปปั้นหงส์ใช้หยกชั้นดีในการแกะสลักอย่างประณีตงดงาม เนื้อหยกวาวใสราวกับน้ำ ความสูงเทียบเท่าคนครึ่งตัว ของล้ำค่าหายากเพียงนี้ อย่าว่าแต่ตระกูลสูงศักดิ์อย่างตระกูลไป๋เลย…ต่อให้เป็นในวังหลวงก็ยากจะพบเห็นได้
ถือเป็นของประจำตระกูลได้เลยทีเดียว
ต่งซื่อมองดูบุตรสาวอย่างพิจารณา “ของขวัญของเซียวเซียนเซิงมีค่ามากเกินไป ตระกูลไป๋ของเรารับไว้ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนมองสบกับดวงตาลึกล้ำของเซียวหรงเหยี่ยน เอ่ยขึ้น “เซียวเซียวเซิง ขอสนทนาด้วยสักครู่เจ้าค่ะ”
เซียวหรงเหยี่ยนพยักหน้า หันไปทำความเคารพต่งซื่ออย่างนอบน้อม คำนับให้ฉินหล่างและไป๋จิ่นซิ่ว จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนออกไปด้วยท่าทีสบายๆ
“ถงหมัวมัว เจ้ากับชุนเถาตามจวิ้นจู่ไป คอยดูว่าจวิ้นจู่จะสั่งการสิ่งใดหรือไม่…” ต่งซื่อกล่าวขึ้น
แม้จะอยู่ในจวนของตัวเอง ทว่า บุรุษและสตรียังไม่ได้แต่งงาน ต่งซื่อให้ถงหมัวมัวและชุนเถาตามไปด้วยจะได้ไม่ถูกติฉินนินทาเอาได้
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง สนทนากันด้วยเสียงที่เบาหวิว ถงหมัวมและชุนเถายืนห่างออกไป
“จักรพรรดิต้าเยี่ยนตัดสินพระทัยรับการรักษาจากท่านหมอหงแล้วหรือเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม แม้เป็นคำถาม ทว่า น้ำเสียงมั่นใจ
“ขอรับ ที่เหยี่ยนมาวันนี้ก็เพื่อขอร้องให้คุณหนูใหญ่อนุญาตให้ท่านหมอหงตามไปรักษาเสด็จพี่ของข้าที่ต้าเยี่ยนอย่างลับๆ ขอรับ” น้ำเสียงของเซียวหรงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความวิงวอน โค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างขอร้อง
หลายปีมานี้จักรพรรดิต้าเยี่ยนหาหมอมามากมาย ไม่มีหมอท่านใดวินิจฉัยอาการของจักรพรรดิได้แม่นยำเท่านี้มาก่อน
จักรพรรดิของต้าเยี่ยนโดนพิษสามชนิดจริงๆ
จักรพรรดิต้าเยี่ยนถูกเสด็จพ่อของตัวเองวางยาพิษชนิดหนึ่ง ส่วนยาพิษอีกสองชนิด จีโฮ่วเป็นคนให้จักรพรรดิต้าเยี่ยนดื่มเพื่อช่วยชีวิตเขา
เดิมทีจักรพรรดิต้าเยี่ยนไม่อยากลอง ทว่า สุดท้ายกลับโดนเซียวหรงเหยี่ยนโน้มน้าวจนตอบตกลง