สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 314 ร้ายแรงแต่ไม่อันตราย
ตอนที่ 314 ร้ายแรงแต่ไม่อันตราย
“เช่นนั้นก็คือชะตาลิขิตใช่หรือไม่” ฮูหยินสามหลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าทาบหน้าอก
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ผู้อยู่เบื้องหลังคงมีแผนการอื่นเจ้าค่ะ…”
ถงหมัวมัวย่อกายพลางกล่าวกับเจ้านายทุกคน “องค์หญิงใหญ่ ฮูหยินทุกท่าน หลังจากที่หลานชายคนเล็กของหลู่เซียงทำร้ายคนผู้นั้นเพื่อปกป้องคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ได้ให้ท่านหมอหงแสร้งปลอมตัวเป็นคนของจวนหลู่ไปตรวจดูบาดแผลและตรวจชีพจรของหลินซิ่นอันแล้วเจ้าค่ะ! ท่านหมอหงรายงานว่าเป็นเพียงบาดแผลภายนอก สองแม่ลูกนั่นอยากได้ค่าชดเชยจึงแสร้งทำเช่นนั้น จากคำกล่าวของพวกเขาดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้เงินก้อนใหญ่จากจวนหลู่แล้วด้วย พวกเขารำคาญหมอจากจวนหลู่ ทว่า กลับไม่กลัวที่จะให้ท่านหมอหงตรวจอาการ ท่าทีเหิมเกริมมากเจ้าค่ะ”
เจี่ยงหมัวมัวที่ยืนอยู่ข้างเตาผิงภายในแสงไฟได้ยินเสียงถ่านจากเตาปะทุขึ้นมาเล็กน้อย นางได้สติพลางกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
“เมื่อครู่บ่าวยังกล่าวไม่จบเจ้าค่ะ หลังจากที่สตรีกลางคนผู้นั้นตีกลองร้องทุกข์เสร็จ นางกล่าวถึงเรื่องการสังหารทหารยอมจำนนของคุณหนูใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ นางกล่าววาจาหยาบคายใส่คุณหนูใหญ่มากมายเจ้าค่ะ ถามว่าเหตุใดลูกชายของนางจึงว่าคุณหนูใหญ่เช่นนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ…”
ถ้อยคำเหล่านั้นหยาบคายจนเจี่ยงหมัวมัวไม่อาจกล่าวออกมาได้ นางกำหมัดแน่นพลางกล่าวขึ้น
“ยังกล่าวอีกว่าเหตุใดคนโหดร้ายอย่างคุณหนูจึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นจู่เจ้าค่ะ”
มือที่วางอยู่บนโต๊ะของไป๋ชิงเหยียนกำแน่น เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
สตรีกลางคนผู้นั้นไปตีกลองร้องทุกข์ ในฐานะมารดานางไม่พร่ำพรรณนาเรื่องความลำบากและทรมานของบุตรชายเพื่อขอความเห็นใจจากชาวบ้าน ทวงคืนความยุติธรรมให้บุตรชาย แต่นางกลับยอมพลีชีพตีกลองเติงเหวินเพื่อพุ่งเป้ามาที่นางอย่างนั้นหรือ
เมื่อคิดได้เรื่องหนึ่งก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ทันที
ตั้งแต่ที่หลินซิ่นอันกล่าววาจาใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของนางที่หอฝานเชวี่ย แสดงว่าเขาพุ่งเป้ามาที่นางตั้งแต่แรกแล้ว!
สาเหตุที่หลินซิ่นอันถึงเลือกหอฝานเชวี่ยเป็นจุดก่อเรื่องก็เพราะหอนางโลม บ่อนการพนัน สถานที่เหล่านี้เป็นที่รวมตัวของคนทุกประเภท ข่าวแพร่กระจายเร็วที่สุด
เพียงแต่ว่าหลินซิ่นอันไม่คิดว่าจะมีคนอย่างหลู่หยวนเผิงปรากฏตัวออกมา แถมยังโดนทำร้ายอีก
โดนหลานชายของอัครมหาเสนาบดีทำร้าย หากเป็นผู้อื่นคงตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างแล้ว ทว่า หลินซิ่นอันกล้าต่อกรกับขุนนางสูงศักดิ์ กล้างัดข้อกับจวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างจวนหลู่ แถมยังกล้าหลอกเอาเงินอีก!
บัณฑิตคนหนึ่งของสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ไม่ห่วงอนาคตของตัวเองเลยหรืออย่างไร
หรือเขามีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เขาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้
แม้กล่าวกันว่าเท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า ทว่า หลินซิ่นอันเป็นถึงบัณฑิตของสำนักศึกษากั๋วจือเจียน เขาไม่ใช่คนเท้าเปล่าสักหน่อย
หากเรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่นาง นางรู้สึกว่าเรื่องนี้คงเดาได้ไม่ยาก หากไม่ใช่ฝีมือของฟางเหล่าของจวนรัชทายาท ก็คงเป็นฝีมือของหลี่เม่าและเหลียงอ๋อง
ทว่า เหลียงอ๋องยังถูกกักบริเวณอยู่แต่ในจวน จากคำรายงานของท่านหมอหง ชายผู้นั้นมุ่งหาผลประโยชน์แต่หลีกเลี่ยงอันตราย หากเขาได้รับคำสั่งจากเหลียงอ๋องให้ให้ทำลายชื่อเสียงของนางจริงๆ หากหลู่หยวนเผิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาไม่มีทางเข้าไปต่อกรกับจวนหลู่อย่างแน่นอน”
หลี่เม่าและฟางเหล่าของจวนรัชทายาทล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งคู่
ทว่า หากหลี่เม่าเป็นคนทำก็เท่ากับเหลียงอ๋องเป็นคนทำ
คืนนั้น เพราะเรื่องที่สตรีกลางคนผู้นั้นมุ่งทำลายไป๋ชิงเหยียน ทุกคนในจวนไป๋ต่างหลับไม่สนิท
ต่งซื่อกระวนกระวาย ส่งคนไปสำรวจดูว่าบัณฑิตจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนยังอยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อหรือไม่เป็นระยะๆ ทุกครั้งเมื่อได้รับคำตอบ ใจของนางหนักอึ้งลงเรื่อยๆ
ครั้งสุดท้ายที่ฉินหมัวมัวเข้ามารายงาน นางกล่าวว่านอกจากบัณฑิตเหล่านั้นจะขอร้องให้ฮ่องเต้ลงโทษผู้ที่สังหารชีวิตคนอย่างหลู่หยวนเผิงอย่างหนักแล้ว พวกเขายังขอให้ฮ่องเต้ลงโทษไป๋ชิงเหยียนอย่างหนักโทษฐานสังหารทหารยอมจำนนอีกด้วย เพื่อเป็นการลบล้างชื่อเสียงโหดร้ายของแคว้น ทำให้แคว้นต้าจิ้นน่ายกย่องมากขึ้น
ต่งซื่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ยุ่งยาก
รู้ว่าต่งซื่อนอนไม่หลับ ไป๋ชิงเหยียนให้ถงหมัวมัวเตรียมน้ำดอกเหมยรสชาติเปรี้ยวที่ต่งซื่อชอบทาน จากนั้นไปสนทนาเป็นเพื่อนต่งซื่อที่เรือนของนาง หญิงสาวนั่งรอเว่ยจงมารายงานเรื่องที่สั่งให้ไปทำอยู่กับต่งซื่อ
ความสามารถในการจัดการเรื่องราวต่างๆ ของเว่ยจงเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ไม่นานเขาก็กลับมา
เมื่อเขาเข้าไปในประตูฉุยฮวา องค์หญิงใหญ่ก็สั่งให้บ่าวไปตามไป๋ชิงเหยียนมา
ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนและต่งซื่อมาถึงเรือนฉางโซ่ว เว่ยจงเพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน
เว่ยจงสืบเรื่องราวกระจ่างแจ้งแล้ว เพื่อนบ้านสองครัวเรือนของมารดาของหลินซิ่นอันเพิ่งรู้ข่าวการตายของหลินซิ่นอันหลังจากที่มารดาของเขาไปตีกลองร้องทุกข์
เพื่อนบ้านกล่าวว่าตอนพวกเขาตื่นมาตอนเช้า มารดาของหลินซิ่นอันยังต้มยาให้หลินซิ่นอันอยู่เลย
เว่ยจงมีวิทยายุทธ เขาจึงลอบเข้าไปตรวจดูสภาพศพของหลินซิ่นอัน เมื่อตรวจดูแล้วจึงพบว่าเขาขาดอากาศหายใจตายด้วยวิธีที่ไม่เหลือร่องรอยใดๆ…วิธีเทียเจียกวน
ในเมื่อเว่ยจงยังมองออก เช่นนั้นคนตรวจสบที่มีประสบการณ์มากกว่ายอมมองออกเช่นเดียวกัน
มารดาของหลินซิ่นอันเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปตีกลองร้องทุกข์ ดูเหมือนว่านางไม่ได้ต้องการพุ่งเป้าไปที่หลู่หยวนเผิงแต่อย่างใด เป้าหมายที่แท้จริงของนางคือการให้บัณฑิตแห่งสำนักกั๋วจื่อเจียนพุ่งเป้าไปที่ไป๋ชิงเหยียนต่างหาก
ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยถาม “บัณฑิตผู้ใดแห่งสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียนเริ่มขอรับโทษโบยแทนมารดาของหลินซิ่นอันเป็นคนแรก เจ้าได้สืบหรือไม่”
เว่ยจงไม่ได้สืบเรื่องนี้ เมื่อไป๋ชิงเหยียนถามขึ้นจึงนิ่งงันไป
“รบกวนเจ้าไปสืบอีกรอบ สืบให้แน่ชัดว่าแกนนำของบัณฑิตคือผู้ใด ข้าต้องการรายละเอียดทั้งหมดของพวกเขา”
เว่ยจงมองดูไป๋ชิงเหยียนที่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาก้มหน้ารับคำสั่ง จากนั้นเดินออกจากห้องไปอย่างนอบน้อม สืบเรื่องราวต่อให้เสร็จภายในคืนนี้
“ท่านย่าและท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ รัชทายาทต้องคุ้มครองข้าแน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ฟางเหล่าเสนอความคิดนี้ ไม่ได้ต้องการทำลายชื่อเสียงของนาง แต่เขาต้องการให้รัชทายาทออกโรงช่วยปกป้องนางไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นก็ตาม ให้นางซาบซึ้งในบุญคุณของรัชทายาทมากยิ่งขึ้น ภักดีซื่อสัตย์ต่อจวนรัชทายาทไม่เสื่อมคลาย
ดังนั้นไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดจากการกระทำของหลี่เม่าหรือฟางเหล่า รัชทายาทจะถูกฟางเหล่าผู้มักคิดว่าตนเองควบคุมเรื่องทุกอย่างอยู่ในมือเกลี้ยกล่อมให้ออกโรงปกป้องนางอย่างแน่นอน
ครั้งนี้นางตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงแต่ไม่มีอันตรายใดๆ หลู่หยวนเผิงก็เช่นเดียวกัน
พรุ่งนี้ นางสามารถกลับไปยังซั่วหยางได้อย่างสบายใจ
ในยามนี้จวนหลู่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
ไฟในห้องหนังสือของหลู่เซียงสว่างจ้า
ฮูหยินสามมารดาของหลู่หยวนเผิงร้องไห้จนแทบขาดใจ นางคุกเข่าอยู่หน้าห้องหนังสือของหลู่เซียง อ้อนวอนขอให้หลู่เซียงช่วยหลู่หยวนเผิงออกมาให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด
เกิดเรื่องขึ้น เหล่าบุรุษกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ในห้อง สตรีไม่เพียงแต่ช่วยอันใดไม่ได้แต่กลับมาร้องไห้ฟูมฟายอยู่เช่นนี้ นี่มันทำให้เรื่องวุ่นวายลงกว่าเดิมชัดๆ!
ขมับของหลู่เซียงเต้นตุบตับ กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ข่มโทสะพลางมองไปยังบุตรชายคนที่สามที่เอาแต่มองไปด้านนอกอย่างกระสับกระส่าย
“ร้องๆ ดีแต่ร้อง! หากเมียของเจ้ายังอาละวาดอยู่เช่นนี้ ข้าจะส่งนางกลับไปร้องไห้ต่อที่ตระกูลมารดาของนาง!”
บุตรชายคนที่สามของหลู่เซียงรู้ว่าบิดากำลังโมโหอย่ามาก เขารีบโค้งกายขอขมาจากนั้นวิ่งออกไปสั่งให้คนพาตัวฮูหยินสามกลับเรือน
ตอนแรกฮูหยินสามไม่ยอม แต่สามีของนางขู่ว่าหากยังร้องไห้ก่อกวนท่านพ่อที่กำลังใช้ความคิดอยู่ หลู่หยวนเผิงคงไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ ฮูหยินสามจึงยอมให้หมัวมัวข้างกายพากลับเรือนไปด้วยสีหน้าซีดเผือด
ห้องหนังสือเงียบสงบลง หลู่เซียงดื่มชาติดต่อกันสองถ้วยจึงสงบลงได้