สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 32 คาราวะยามเช้า
ฉินซ่างจื้อเคยกล่าวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ว่าหากต้องการปกป้องจวนเจิ้นกั๋วกงต้องยอมถอย แต่เมื่อสังเกตการณ์กระทำของคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ในสองสามวันมานี้ เพราะว่าคุณหนูรองได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หญิงสาวเลยโกรธจนพร้อมจะเล่นงานจวนจงหย่งโหวให้แตกหักกันไปข้างหนึ่ง แต่ทำเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน
เดิมทีฉินซ่างจื้ออยากจะเตือนไป๋ชิงเหยียนว่าเรื่องทุกอย่างล้วนมีขึ้นมีลง แต่เมื่อเห็นดวงตาที่แจ่มชัดของนางก็รู้ว่านางคงมีแผนการในใจแล้ว เขาจึงไม่อยากเอ่ยให้มากความ หวังว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ผู้นี้จะปกป้องคนในจวนเจิ้นกั๋วกงไว้ได้จริงๆ
“พี่หญิงใหญ่ ผู้นั้นคือ…”
“เขาเป็นแขกของจวนเรา!”
เมื่อกลับถึงเรือนชิงฮุย ฉินซ่างจื้อไล่ทุกคนออกไปหมด ยืนหลับตานิ่งอยู่หน้าเตาผิง หวนนึกถึงถ้อยคำของฮูหยินโหวที่กล่าวไว้ก่อนจะจากไป
ฮูหยินโหวเป็นสตรีเรือนหลังไม่มีทางทำสิ่งใดได้แน่น แต่ฉินเต๋อเจา จงหย่งโหวผู้นั้นเล่า
ตอนนี้ฉินเต๋อเจาเป็นขุนนางในกรมการคลัง ต่อมาข่าวจากหนานเจียงส่งกลับมาที่เมืองหลวง ตระกูลไป๋ตกอับ หนานเยี่ยน ซีเหลียงร่วมมือกันโจมตีซานเหลิงกวน หลิวฮ่วนจาง รองแม่ทัพของท่านปู่เสนอตัวออกรบ ฉินเต๋อเจาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมการคลังดูแลเรื่องเสบียง
ดวงตาของหญิงสาวเบิกโพลงขึ้น นึกถึงเสบียงของกองทัพที่ส่งไปให้หนานเจียงเมื่อสองเดือนที่แล้ว รู้สึกชาไปทั้งร่างในทันที
ก่อนออกรบต้องเตรียมเสบียงอาหารให้พร้อม
เสบียงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งนักในการออกรบ
จงหย่งโหวเป็นคนดูแลเรื่องเสบียง เขาคงรู้มาก่อนแล้วว่าเสบียงครั้งนี้มีปัญหา แม้กระทั่งฉินเต๋อเจาอาจเป็นคนทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นเอง
ฮูหยินสองหลิวซื่อได้ยินว่าวันนี้ต่งซื่อแตกหักกับเจี่ยงซื่อเพราะไป๋จิ่นซิ่ว ในใจรู้สึกซาบซี้งเป็นอย่างมาก ตอนนี้นางเพิ่งนึกได้ว่าตอนที่ต่งซื่อพยายามโน้มน้าวให้นางพิจารณาการแต่งงานครั้งนี้ให้ดีๆ ต่งซื่อทำไปเพราะหวังดีต่อจิ่วซิ่วจริงๆ เป็นนางเองที่ใจแคบนึกว่าต่งซื่อคับแค้นใจเลยจงใจยุยง
คืนนั้น ฮูหยินสองดูแลไป๋จิ่นซิ่วเสร็จเรียบร้อยจึงนำของกำนัลชุดใหญ่ไปให้ต่งซื่อ สองสะใภ้คุยกันจนดึกดื่น หลิวซื่อถึงเดินตาแดงก่ำออกมาจากเรือนของต่งซื่อ เพราะได้รับคำแนะนำจากต่งซื่อบัดนี้หลิวซื่อจึงไม่โมโหเคียดแค้นอีกแล้ว เริ่มคิดว่าจะช่วยจัดการกับจวนใหม่ของฉินหล่างเช่นใดดี
นางถอนหายใจออกมา เอ่ยกับหลัวหมัวมัวบ่าวผู้ดูแล “หลัวหมัวมัวพรุ่งนี้เจ้าสั่งให้ผางหมัวมัวไปคัดเลือกบ่าวรับใช้ที่ดูซื่อสัตย์ เป็นการเป็นงานจากเรือนบ่าวใช้มาหน่อยนะ จากนั้นส่งไปทำงานในจวนใหม่ของท่านเขยที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ ให้ฟางหมัวมัวไปเลือกคนงานดีๆ จากในเมืองมาแล้วส่งไปที่จวนใหม่เช่นกัน”
“ฮูหยินสองวางใจได้เจ้าค่ะ บ่าวจะจัดการให้เรียบร้อย!” หลัวหมัวมัวประคองหลิวซื่อกลับไปยังเรือนของตัวเอง
“หลัวหมัวมัว มีอีกเรื่องที่ข้าอยากปรึกษากับเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ารับใช้ข้ามานานแล้ว สามีและลูกของเจ้าต่างก็อยู่ในจวนเจิ้นกั๋วกง แต่จิ่นซิ่ว…ข้าอดเป็นห่วงนางไม่ได้จริงๆ ข้าเป็นแม่ยายจะไปก้าวก่ายเรื่องในจวนของลูกเขยก็คงมิงาม ข้าเลยอยากให้เจ้าไปคอยดูแล คอยช่วยเหลือจิ่นซิ่วสักพัก นอกจากเจ้าแล้ว…ข้ามิไว้ใจผู้ใดทั้งสิ้น! มีแค่เจ้าที่สามารถจัดการกับพวกบ่าวชราที่ก่อนหน้านี้ติดตามจิ่นซิ่วออกเรือนไปได้” ฮูหยินสองหลิวซื่อหยุดฝีเท้า แตะไปที่มือของหลัวหมัวมัวเบาๆ
หลัวหมัวมัวน้ำตาคลอจากคำพูดของฮูหยินสอง พยักหน้ารัว “ฮูหยินสองวางใจได้เจ้าคะ บ่าวเห็นคุณหนูรองมาตั้งแต่เด็ก จะดูแลคุณหนูรองแทนฮูหยินให้ดีเจ้าคะ อีกอย่างองค์หญิงใหญ่ ฮูหยินซื่อจื่อ คุณหนูใหญ่ คุณหนูสามต่างก็ปกป้องคุณหนูรองด้วยชีวิตอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินสองหลิวซื่อกุมมือของหลัวหมัวมัวแน่น สองนายบ่าวเดินย่ำหิมะกลับไปยังเรือน หิมะตกทั้งคืน เกล็ดหิมะหนาปกคลุมไปทั่วก้อนอิฐแผ่นกระเบื้องโบราณของจวนเจิ้นกั๋วกง ฟ้ายังไม่ทันสว่าง โรงครัวเต็มไปด้วยควันไฟจากการหุงอาหารมากมาย บ่าวรับใช้ยุ่งวุ่นวายเป็นพัลวัน
ชาวบ้านที่มาส่งผัก ส่งเนื้อเดินเข้าออกประตูหลังของจวนเจิ้นกั๋วกงท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่าง กล่าวทักทายยิ้มแย้ม บ้างก็เอ่ยถามเรื่องข่าวลือที่แพร่ออกไปของจวนเจิ้นกั๋วกงและจวนจงหย่งโหวอย่างอ้อมๆ
ยามเหม่า[1] ไฟในห้องทุกห้องสว่างจ้า
หญิงชราซึ่งมีหน้าที่ดูแลงานหนักเดินหาวออกมาจากห้อง ลมหนาวพัดโดนตัวจนขนลุกซู่ เห็นชุนเถาดูแลคุณหนูใหญ่ที่กำลังยืนม้าอยู่ที่ลานด้านในดังเช่นปกติ ไอร้อนแผ่ออกมาจากร่างของคุณหนูใหญ่ราวกับเพิ่งโผล่ออกมาจากน้ำร้อนก็มิปาน หญิงชราทำความเคารพหญิงสาวตามปกติ ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน หยิบไม้กวาดเดินออกไปทำความสะอาดนอกเรือน
ไป๋ชิงเหยียนกินอาหารเช้าเสร็จ นั่งเอนพิงหมอนลายเมฆมงคลสีทองอ่านตำราอยู่ริมหน้าต่าง ทิงจู๋สาวใช้ของต่งซื่อ มารดาของนางมาที่เรือนชิงฮุย
ได้ยินเสียงหญิงชราด้านนอกหัวเราะพลางกล่าวทักทายทิงจู๋ ชุนเถาจึงรีบออกไปต้อนรับ เห็นทิงจู๋ยืนอยู่ใต้ชายคาแล้วจึงเอ่ยถามยิ้มๆ “พี่ทิงจู๋ดูอารมณ์ดี มีเรื่องดีอันใดหรือเจ้าคะ”
ทิงจู๋อารมณ์ดีจริงๆ ลูบแขนที่เย็นเฉียบของชุนเถาเล็กน้อย กล่าวกับชุนเถายิ้มๆ “ปีนี้ต่งเหล่าไท่จวินและนายท่านรองจากเติงโจวจะมาฉลองปีใหม่ที่เมืองหลวง มาถึงเมืองหลวงเมื่อวานตอนเย็นๆ เหล่าไท่จวินเกรงว่าฮูหยินจะร้อนใจจึงไม่ส่งข่าวให้ทางเราทราบ เมื่อเช้านี้เหล่าไท่จวินให้นายท่านรอง และฮูหยินรองนำของกำนัลมาคาราวะยามเช้า[2]องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ที่เรือนฉางโซ่ว ข้ามาเชิญคุณหนูใหญ่ไปที่เรือน”
“เป็นเรื่องดีจริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ! ฮูหยินของเราไม่ได้เจอหน้าต่งเหล่าไท่จวินมาหลายปีแล้ว ตอนนี้คงจะดีใจมากเลยนะเจ้าคะ!” ชุนเถาแหวกม่านหนาให้ทิงจู๋
ได้ยินคำกล่าวของทิงจู๋จากด้านนอก ไป๋ชิงเหยียนปิดตำราลง สั่งให้ชุนเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้นาง ไป๋ชิงเหยียนจำได้ดี ชาติที่แล้วต่งชิงเยว่ ท่านน้าชายรองพาท่านยายมาถึงเมืองหลวงในวันที่สิบเก้า เดือนสิบสองเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตอนนั้นไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งเสียชีวิต นางก็ล้มป่วยหนัก วันที่ท่านน้าชายรองมาเยี่ยมที่จวนนางไม่สบายจึงไม่ได้พบหน้าท่าน
ต่อมา จวนเจิ้นกั๋วกงเกิดเรื่องขึ้น บรรดาญาติฝ่ายแม่ของท่านอาสะใภ้ท่านอื่นๆ ต่างหลบหน้า ต่งชิงเยว่ ท่านน้าชายรองของนางซึ่งเป็นผู้ตรวจการเมืองเติงโจวเสี่ยงชีวิตทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋ ต่งชิงผิง ท่านน้าชายใหญ่ของนางซึ่งเป็นหงหลูซื่อชิง[3]พาคนทั้งตระกูลต่งไปช่วยเก็บศพของตระกูลไป๋ด้วยความเศร้าโศก
เรื่องราวในอดีตของชาติที่แล้วถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวขอบตาร้อนผ่าว จมอยู่ในความทุกข์ อยากจะไปกราบคำนับท่านน้าชายรองซึ่งเป็นผู้เดียวที่ออกโรงปกป้องตระกูลไป๋บัดเดี๋ยวนี้เลย
ทิงจู๋มองผ่านฉากกั้นซึ่งทำด้วยหยกขาวและหยกเขียว เห็นว่าชุนเหยียนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกให้ไป๋ชิงเหยียนแล้ว นางยิ้มพลางเดินเข้าไปทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่ นายท่านรองต่งและคุณนายรองต่งมาคาราวะยามเช้าองค์หญิงใหญ่เจ้าค่ะ ฮูหยินสั่งให้บ่าวมาเชิญคุณหนูไปพบเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มพลางรับเตาผิงที่เพิ่งใส่ถ่านเข้าไปมาจากสาวใช้ พยักหน้าน้อยๆ “ข้ารู้แล้ว ไปกันเถิด!”
เมื่อเข้าไปในเรืองฉางโซ่ว ไป๋ชิงเหยียนไม่เข้าไปในห้องทำความอุ่นเพื่อเปลี่ยนรองเท้าถุงเท้า แต่เดินตรงไปยังห้องด้านในทันที หญิงชราซึ่งสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีเขียวเข้มรีบแหวกม่านให้ไป๋ชิงเหยียน พร้อมรายงานด้านในว่าคุณหนูใหญ่มาถึงแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตู มือหนึ่งยื่นเตาผิงให้ชุนเหยียน มือหนึ่งปลดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกออก ชุนเถากำลังจะเข้าไปช่วยถอดเสื้อคลุมให้ก็เห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องแล้ว
ชุนเถาไม่เคยเห็นไป๋ชิงเหยียนใจร้อนเช่นนี้มาก่อน รีบส่งเสื้อคลุมในอ้อมแขนให้ชุนเหยียนแล้วเดินตามหญิงสาวไปด้านใน
ภายในห้อง องค์หญิงใหญ่เอนพิงหมอนลายเมฆมงคลสีทองขนาดใหญ่ เอ่ยขึ้นยิ้มๆ “อาเป่ามาเร็วเช่นนี้ คงคิดถึงท่านน้าชายน้าสะใภ้มากสินะ!”
[1]ยามเหม่า เวลาตั้งแต่ 05.00-07.00 น
[2]คาราวะยามเช้า(ฉิ่งอาน) เป็นธรรมเนียมประเพณีของจีนโบราณที่ลูกหลานต้องมาสวัสดียามเช้าแก่ญาติผู้ใหญ่ในทุกๆ เช้า
[3]หงหลูซื่อชิง คือ ขุนนางที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบด้านการทูต