สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 335 ฝีมือ
ตอนที่ 335 ฝีมือ
ชุนเถาเดินเข้าไปหาประมุขไป๋ ทำความเคารพพลางรับโฉนดจวนมาจากมือของเขา จากนั้นยื่นให้ต่งซื่ออย่างนอบน้อม
ประมุขไป๋หน้าเสียเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะมอบโฉนดให้ต่งซื่ออย่างง่ายดายเช่นนี้
ผู้อาวุโสในตระกูลเห็นท่าทีของประมุขไป๋จึงรีบเอ่ยแทรกขึ้น “ผู้เฒ่าห้าแค่ขออาศัยอยู่ที่จวนบรรพบุรุษชั่วคราวเท่านั้น ก่อนที่พวกข้าจะเดินทางมาที่นี่…ผู้เฒ่าห้าและครอบครัวย้ายออกมาจากจวน อีกทั้งทำความสะอาดจวนจนสะอาดเรียบร้อยแล้ว จวิ้นจู่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ลำบากทุกท่านแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าให้บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยถามอย่างไม่รีบร้อน “ทุกท่านมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ท่านย่าคงยังไม่ทราบเรื่อง ต้องให้ข้าให้คนไปเรียนให้ท่านทราบหรือไม่”
“ไม่กล้ารบกวนองค์หญิงใหญ่หรอก ทว่า ตระกูลบรรพบุรุษมีเรื่องอยากขอร้องจวิ้นจู่สักหน่อย” ประมุขไป๋สบสายตากับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ กล่าวขึ้น “พวกข้าอยากให้จวิ้นจู่ช่วยกล่าวกับนายอำเภอโจวให้เขายอมปล่อยตัวบรรดาลูกพี่ลูกน้องของจวิ้นจู่ออกมาจากคุก”
ต่งซื่อเลิกคิ้ว นางยังสงสัยอยู่เลยว่าเหตุใดประมุขไป๋ถึงมีท่าทีนอบน้อมถึงเพียงนี้ ไม่ได้วางมาดการเป็นผู้อาวุโสเท่าเทียมกับเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงมาข่มขู่ไป๋ชิงเหยียนแม้แต่น้อย…ที่แท้เพราะมีเรื่องขอร้องอยากให้ช่วยเหลือนี่เอง
ต่งซื่อก้มหน้าจิบน้ำชา เดาว่านี่คงเป็นฝีมือของบุตรสาวตอนกลับไปที่ซั่วหยางอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่เอ่ยอันใดออกมา เอาแต่ใช้นิ้วเคาะไปที่โต๊ะเป็นจังหวะ ผู้อาวุโสบางคนกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่รับปากจึงรีบกล่าวขึ้น “ทายาทเกือบครึ่งของตระกูลเราถูกจับตัวไป คนในตระกูลต่างวิตกกังวล พวกข้าจึงรีบมายังเมืองหลวงเพื่อขอให้จวิ้นจู่ช่วยกล่าวกับนายอำเภอโจว ขอเพียงจวิ้นจู่ยอมเอ่ยปาก นายอำเภอโจวไม่กล้าขังตัวทายาทตระกูลไป๋ไว้แน่นอน!”
ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใดออกมา ต่งซื่อกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรงพลางกวาดสายตามองไปยังบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลไป๋
“ทายาทตระกูลไป๋ถูกจับกุม ทว่า พวกท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อสำนึกผิดในสิ่งที่เด็กเหล่านั้นทำ แต่มาเพื่อขอให้บุตรสาวของข้ากลับไปยังซั่วหยางเพื่อใช้ฐานะความเป็นจวิ้นจู่กดดันให้นายอำเภอโจวปล่อยตัวคนออกมาอย่างนั้นหรือ! เพียงแค่คำเดียวนายอำเภอโจวจะยอมปล่อยตัวคนอย่างนั้นหรือ! ทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้ พวกท่านเอากฎหมายของบ้านเมืองไปไว้ที่ใดกัน บุตรสาวของข้าที่เป็นเพียงจวิ้นจู่สามารถอยู่เหนือกฎหมายได้อย่างนั้นหรือ!”
ไป๋ชิงเหยียนนั่งสีหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ ต่งซื่อ เม้มปากจิบน้ำชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน ไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยปากกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ประมุขไป๋กำไม้เท้าในมือแน่น รู้สึกเสียใจที่มอบโฉนดคืนให้เร็วไปหน่อย หากรู้เช่นนี้ เขาควรรอให้ไป๋ชิงเหยียนรับปากว่าจะปล่อยตัวคนก่อนค่อยคืนโฉนดให้ก็ยังไม่สาย
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ประมุขไป๋จึงทำได้เพียงยิ้มประจบ “จวิ้นจู่ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็นคนสายเลือดเดียวกัน ตระกูลเดียวกัน หนึ่งขีดเขียนตัวอักษรสองตัวออกมาไม่ได้! วันข้างหน้าหากตระกูลไป๋กลับไปอยู่ซั่วหยาง ตระกูลที่มีแต่สตรีอย่างพวกท่านต้องพึ่งพาตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไม่มากก็น้อยจริงหรือไม่ ตระกูลบรรพบุรุษมีไว้เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่ใช่หรืออย่างไร เจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้าไม่ดีหรือ”
ผู้อาวุโสที่นั่งถัดจากประมุขไป๋รีบพยักหน้าสนับสนุน “นั่นสิ เด็กเหล่านั้นล้วนเป็นลูกพี่ลูกน้องของจวิ้นจู่ทั้งสิ้น บัดนี้ตระกูลไป๋ไม่มีบุรุษหลงเหลืออยู่แล้ว ต่อไปไม่ว่าจะแต่งเขยเข้าตระกูล แต่งงานออกเรือนหรือรับทายาทจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋เป็นบุตรบุญธรรมล้วนต้องพึ่งพาอาศัยตระกูลบรรพบุรุษไม่ใช่หรืออย่างไร ที่สำคัญหากลูกพี่ลูกน้องของจวิ้นจู่ได้ดี สร้างผลงานได้ พวกเขาย่อมสำนึกบุญคุณของจวิ้นจู่แน่นอน”
ต่งซื่อแสยะยิ้มเย็น ท่าทีแข็งกร้าว “ทุกท่านอย่าเสียเวลากล่าวอ้อมไปอ้อมมาว่าหนึ่งขีดสร้างตัวอักษรสองตัวขึ้นมาไม่ได้เลยดีกว่า! หากต้องการให้บุตรสาวของข้าช่วยเหลือก็ควรกล่าวให้ชัดเจนว่าบุตรหลานของพวกท่านทำสิ่งใดผิด หากพวกเขาก่อเรื่องถึงขั้นชิงทรัพย์ ฆ่าคน จะมาให้บุตรสาวของข้ารับผิดชอบไม่ได้เชียว”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เอ่ยปากกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ต่งซื่อมีท่าทีแข็งกร้าว ประมุขไป๋ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้จากตระกูลไป๋ เขาสีหน้าเคร่งขรึมในทันที “ญาติผู้น้องเวยถิงและฉีซานเพิ่งจากไป ต่งซื่อ เจ้าถึงกับกล้าหักหน้าตระกูลบรรพบุรุษถึงเพียงนี้เชียวหรือ เจ้าไม่กลัววิญญาณของญาติผู้น้องเวยถิงและฉีซานจากไปอย่างไม่สงบหรืออย่างไรกัน”
หากประมุขไป๋ไม่เอ่ยถึงไป๋เวยถิงและไป๋ฉีซานยังไม่เท่าใด ทว่า เมื่อเอ่ยถึง ใจของต่งซื่อราวกับถูกน้ำมันร้อนราดซ้ำไปบนกองไฟจนลุกโหมกระหน่ำขึ้นมาทันที ดวงตาคมกริบจ้องไปยังร่างของประมุขไป๋เขม็ง
“วันที่ตระกูลไป๋สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ บุรุษตระกูลไป๋ทั้งตระกูลเสียชีวิตอยู่ที่หนานเจียง ท่านประมุขส่งฉีอวิ๋นมาบอกว่าท่านพ่อรับปากจะสร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ตระกูลบรรพบุรุษ บีบบังคับให้หญิงหม้ายของตระกูลไป๋อย่างพวกข้ารวบรวมเงินมาให้พวกท่าน ตอนไป๋ฉีอวิ๋นจุดธูปเคารพศพ…เขาจุดถึงสามครั้ง ทว่า ท่านพ่อและฉีซานก็ไม่ยอมรับการเคารพจากเขา ตอนนั้น…พวกท่านยังไม่กลัวว่าท่านพ่อและฉีซานจะนอนตายตาไม่หลับ เหตุใดข้าต้องกลัวด้วย!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสแต่ละคนของตระกูลไป๋เริ่มแย่ลง ต่างหลบสายตาเป็นพัลวัน
ต่งซื่อรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย กล่าวอย่างไม่เกรงใจ “ฉกอาหารนกนางแอ่น ตัดปลายแหลมของเหล็ก ขูดทองคำบนหน้าพระ แย่งถั่วจากปากนกกระทา เฉือนเนื้อจากขานกกระยาง คว้านน้ำมันออกมาจากท้องยุง สิ่งเหล่านี้เหมือนกับเขียนขึ้นมาเพื่อตระกูลบรรพบุรุษไป๋จริงๆ ไม่เพียงแย่งชิงเอาเงินไปจนหมด พวกท่านยังคิดจะปลอกลอกเอาสมบัติทั้งหมดของตระกูลไป๋ของพวกเราไปอีก”
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำกล่าวอย่างโมโหของมารดาจึงก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
ประมุขไป๋ถูกต่งซื่อเหน็บแนมจนใบหน้าร้อนผ่าว เขาขบกรามแน่นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตระกูลไป๋เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน เสื่อมสลายไปด้วยกัน หากลูกพี่ลูกน้องของเจ้าติดคุก ชื่อเสียงของเจ้าก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าใดหรอก!”
“แล้วการที่เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ปล่อยให้ตระกูลบรรพบุรุษทำเรื่องชั่วช้าตามอำเภอใจที่ซั่วหยางคือชื่อเสียงดีงามอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลง กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ฉุดคร่าหญิงสาว ทำร้ายชาวบ้านบริสุทธิ์เสียชีวิต แย่งชิงกิจการของผู้อื่น ซื้อต่อกิจการของผู้อื่นด้วยราคาที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ร่วมมือกับทางการแย่งชิงสูตรยาลับของตระกูลอื่นจนเจ้าของต้องปลิดชีวิตตัวเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การกระทำของทายาทตระกูลบรรพบุรุษไป๋อย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของผู้อาวุโสบางคนเริ่มหวั่นวิตก พยายามเอ่ยแก้ตัว “ล้วนเป็นคำกล่าวเหลวไหลจากชาวบ้านทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน!”
“แล้วเรื่องเลวทรามที่ไป๋ชิงเจี๋ยทำจนถูกข้าจับได้คาหนังคาเขา อ้างว่าตนเองมีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สนับสนุน แล้วยังกล่าวว่าข้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับองค์รัชทายาท คือว่าที่ฮองเฮาในภายภาคหน้าล้วนเป็นคำกล่าวเหลวไหลของข้าด้วยอย่างนั้นหรือ” สายตาเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนกวาดมองไปยังประมุขไป๋
ไป๋ชิงเจี๋ยคือหลานชายของประมุขไป๋
เมื่อต่งซื่อได้ยินว่าทายาทตระกูลไป๋ทำให้ไป๋ชิงเหยียนเสียชื่อเสียงก็เดือดดาลขึ้นทันที นางเขวี้ยงถ้วยชาในมือทิ้งแล้วผุดลุกขึ้นยืน “ฉินหมัวมัว! ให้หลูผิงพาองครักษ์มาจับตัวคนเนรคุณพวกนี้ออกไปจากจวนเดี๋ยวนี้!”
รังแกสตรีหม้ายอย่างพวกนาง ต้องการยึดครองทรัพย์สมบัติของพวกนาง ต่งซื่อยังพอทนได้! ทว่า
ต่งซื่อไม่อาจทนเห็นผู้อื่นรังแกบุตรสาวของนาง เอาเชื่อเสียงของบุตรสาวนางไปอวดอ้างเพื่อทำเรื่องชั่วช้าได้!
ที่ผ่านมานางเอาแต่อดทนไม่หักหน้าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ บัดนี้จำเป็นต้องแตกหักกันแล้ว
นางจะทำให้ทุกคนในเมืองหลวง แม้กระทั่งทุกคนในใต้หล้าได้รับรู้ว่าตระกูลไป๋จากเมืองหลวงและตระกูลไป๋จากซั่วหยางอยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้แล้ว!
มิเช่นนั้นไม่เพียงชื่อเสียงของบุตรสาวนางจะเสียหาย หากเรื่องนี้รู้ถึงพระกรรณของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อาจคิดว่าตระกูลไป๋อยากแย่งชิงตำแหน่งฮองเฮาก็เป็นได้