สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 337 คลุ้มคลั่ง
ตอนที่ 337 คลุ้มคลั่ง
ถงหมัวมัวทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว
ชุนเถาได้ยินคำกล่าวของคุณหนูใหญ่ก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก นางกำมือแน่น ดวงตาแดงก่ำ
“ตระกูลบรรพบุรุษเช่นนี้มิสู้หาโอกาสถอนตัวออกมาดีกว่า” ต่งซื่อกัดฟันกรอด
“ตอนเจ้ากลับมาเหตุใดจึงไม่บอกว่าคนเลวหน้าไม่อายเหล่านั้นทำลายชื่อเสียงเจ้าถึงเพียงนี้”
“เพราะรู้ว่าท่านแม่ต้องโกรธเช่นนี้ อาเป่าจึงไม่บอกเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนลูบแขนของต่งซื่ออย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้ม “ก่อนสวรรค์จะจัดการผู้ใด คนผู้นั้นต้องคลุ้มคลั่งก่อนแน่เจ้าค่ะ วาสนาของตระกูลบรรพบุรุษใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ อาเป่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้แน่นอนเจ้าค่ะ มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด”
“ครั้งนี้ตระกูลบรรพบุรุษใส่ร้ายว่าข้าลอบมีความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาท ข้าอาจไม่ถือสา ทว่า องค์รัชทายาทไม่มีทางปล่อยไปแน่นอนเจ้าค่ะ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อาจหวาดระแวงจุดประสงค์ที่องค์รัชทายาทดึงข้าไปเป็นพวก อย่างน้อยองค์รัชทายาทต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้งเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวพระองค์เองเจ้าค่ะ ถึงเวลานั้น ไม่มีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อย่างข้าคอยหนุนหลังตระกูลบรรพบุรุษ ก็ไม่มีผู้ใดคุ้มครองพวกเขาได้แล้วเจ้าค่ะ”
ต่งซื่อได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนี้จึงคลายความโมโหลง
“แม่ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านย่าของเจ้ารู้ ต้องขออนุญาตจากท่านด้วย หากสุดท้ายพวกเราต้องถอนตัวออกจากตระกูลบรรพบุรุษขึ้นมาจริงๆ ท่านย่าของเจ้าต้องเห็นด้วยก่อน” ต่งซื่อกุมมือของบุตรสาว ตัดสินใจแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการพัวพันกับตระกูลที่น่ารังเกียจเช่นนี้อีกต่อไป
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
ไป๋จิ่นซิ่วยังรอไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่เรือนชิงฮุย หญิงสาวกล่าวลามารดาจากนั้นแยกตัวกลับเรือนไปพร้อมชุนเถา
คาดไม่ถึงว่าจะพบกับคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อและแม่นางหลูที่กลางทาง
“หลายวันมานี้ได้ยินบ่าวรับใช้ในจวนกล่าวว่าคุณหนูเจ็ดชอบขลุกอยู่กับคุณหนูหลูเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะถูกชะตากันมากด้วยเจ้าค่ะ” ชุนเถากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา
แม่นางหลูที่ใส่ผ้าคลุมบางๆ ปิดบังใบหน้ามองเห็นไป๋ชิงเหยียนก่อน นางรีบหยุดฝีเท้าทำความเคารพ “จวิ้นจู่”
ไป๋จิ่นเซ่อฉีกยิ้มกว้างให้ไป๋ชิงเหยียน แววตามีแววยินดีแฝงความประหม่าเล็กน้อย สาวน้อยทำความเคารพ “พี่หญิงใหญ่…”
“แม่นางหลูไม่ต้องมากพิธี จะไปหาท่านย่ากันหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
“เจ้าค่ะ…” แม่นางหลูเหลือบมองคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อแวบหนึ่งแล้วอมยิ้ม “เช่นนั้นข้าขอตัวไปเรือนฉางโซ่วก่อนนะเจ้าคะ”
ไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพแม่นางหลู
มองส่งแม่นางหลูเดินจากไป ไป๋จิ่นเซ่อวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน มองไปยังชุนเถา สื่อความหมายชัดเจน…ให้ชุนเถาหลบออกไปก่อน
ชุนเถาทำความเคารพไป๋จิ่นเซ่ออย่างรู้งาน จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง
“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นเซ่อโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนสุดตัว “เสี่ยวชีมีเรื่องอยากขอร้องพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
“เกี่ยวข้องกับแม่นางหลูอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนยิ้ม ทว่า รอยยิ้มไปไม่ถึงแววตา
แม้แม่นางหลูผู้นี้จะมีประโยชน์ ทว่า หากหญิงสาวต้องการหลอกใช้น้องสาวของนาง นางไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน
“เจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นเซ่อตอบอย่างใสซื่อ เด็กสาวหยัดกายขึ้น ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนนิ่ง สีหน้าจริงจัง “พี่หญิงใหญ่ ข้าอยากร่ำเรียนวิชาแพทย์อยู่ที่เมืองหลวงกับแม่นางหลูเจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปใกล้ไป๋จิ่นเซ่อ จูงมือเล็กของน้องสาวเดินต่อไปด้านหน้า พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน “เหตุใดจึงอยากเรียนวิชาแพทย์กับแม่นางหลูเล่า เมื่อท่านหมอหงกลับมาจากท่องเที่ยว เจ้าเรียนกับเขาไม่ดีหรืออย่างไร”
ไป๋จิ่นเซ่อก้มหน้ามองชายกระโปรงที่แกว่งไปมาตามจังหวะการเดินของตัวเอง “เดิมทีข้าอยากออกไปท่องเที่ยวที่ด้านนอกกับท่านหมอหงเพื่อเรียนรู้เจ้าค่ะ ทว่า ท่านแม่ไม่ยอมให้ข้าไป”
ดังนั้น ไป๋จิ่นเซ่อจึงยอมถอยก้าวหนึ่ง เลือกเรียนรู้กับแม่นางหลูแทน
“เจ้าอยากไปกับท่านหมอหงอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ
ไป๋จิ่นเซ่อส่ายหน้า รวบรวมความกล้าพลางกล่าวออกไป “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่อยากทำตัวเป็นคนไร้ประโยชน์เจ้าค่ะ ไม่อยากถูกมองเป็นเพียงเด็กที่ไม่รู้ประสา พี่หญิงใหญ่ประคับประคองตระกูลอย่างยากลำบาก เสี่ยวชีก็อยากทำเพื่อตระกูลของเราบ้างเจ้าค่ะ! เสี่ยวชีรู้ว่าพี่หญิงใหญ่กลัวสิ่งใด…พี่หญิงใหญ่กลัวว่าเสี่ยวชียังเด็ก อาจถูกแม่นางหลูหลอกใช้ได้”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังน้องสาวคนเล็กนิ่ง
“พี่หญิงใหญ่ แม่นางหลูคือหมากของท่านย่า เสี่ยวชีดูออกเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อไม่เคยปกปิดความฉลาดเกินวัยของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ไป๋ชิงเหยียนผู้นี้ “วันหนึ่งหมากตัวนี้อาจมีประโยชน์ต่อตระกูลไป๋อย่างมาก ตอนนี้เสี่ยวชียังเล็ก หากอยู่ข้างกายของแม่นางหลู…คงไม่ถูกหวาดระแวงมากนัก”
ใจของไป๋ชิงเหยียนกระตุกวูบ จูงมือไป๋จิ่นเซ่อไปยังศาลาเหลียง “ดังนั้นที่เจ้าขอร้องท่านแม่ว่าอยากออกไปท่องโลกกับท่านหมอหงก็เพื่อให้ท่านแม่ยอมอ่อนข้อให้เจ้าอยู่เรียนวิชาแพทย์กับแม่นางหลูที่เมืองหลวงอย่างนั้นหรือ ทว่า เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าท่านแม่จะยอมปล่อยให้เด็กอย่างเจ้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อ”
“เดิมทีข้าคิดว่าเมืองหลวงมีท่านย่าอยู่ หากท่านย่าตกลง ท่านแม่ต้องให้ข้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อแน่นอน ต่อมา…ข้าเริ่มกลัวว่าท่านย่าจะไม่อนุญาตเจ้าค่ะ” ฝ่ามือของไป๋จิ่นเซ่อเต็มไปด้วยเหงื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่นเซ่อใช้ความฉลาดของตัวเองวางแผนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เด็กสาวอดประหม่าไม่ได้
“ดังนั้นเจ้าจึงมาสารภาพกับพี่อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องสาวคนเล็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าบรรดาพี่น้องทั้งหมดหลังจากตระกูลไป๋ผ่านเรื่องเลวร้ายมา จู่ๆ ก็รู้สึกซับซ้อนในใจขึ้นมาทันที
ไป๋จิ่นเซ่อพยักหน้า
ไป๋ชิงเหยียนหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ฝ่ามือให้ไป๋จิ่นเซ่อ “ความจริงเจ้าควรไปสารภาพกับท่านย่าก่อนแล้วค่อยมาสารภาพกับพี่”
ไป๋ชิงเหยียนพาน้องสาวนั่งลงกลางศาลาเหลียง ชี้แนะไป๋จิ่นเซ่ออย่างใจเย็น “การจะยิงธนูใส่คนควรยิ่งใส่ม้าก่อน จับโจรควรจับหัวหน้าโจรถึงจะได้ผลลัพธ์เร็วที่สุดและบรรลุเป้าหมายเร็วที่สุด เจ้าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ท่านย่าคือคนสำคัญที่สุดที่จะตัดสินว่าเจ้าจะได้อยู่ที่เมืองหลวงต่อหรือไม่ ดังนั้นเจ้าควรไปสารภาพความจริงกับท่าน ผลลัพธ์มีเพียงสองอย่างเท่านั้น ทางหนึ่งคือท่านย่าอนุญาต อีกทางคือท่านไม่อนุญาต”
“หากท่านย่าอนุญาตก็ดีไป หากท่านย่าไม่อนุญาต เจ้าค่อยมาหาพี่! มิเช่นนั้นหากวันนี้เจ้ามาบอกพี่แล้วพี่เห็นว่าเจ้ายังเด็กอยู่จึงไม่อนุญาต พี่จะไปบอกท่านย่าก่อนล่วงหน้า หากพี่ยืนกรานว่าไม่เห็นด้วย แม้ท่านย่าอยากอนุญาต…ทว่า ท่านต้องเห็นแก่ความสามัคคีในครอบครัว ถึงเวลานั้นเจ้าคงไม่มีทางเลือกแล้ว”
“ทว่า หากเจ้าไปหาท่านย่าก่อน แล้วท่านไม่อนุญาต ถึงเวลานั้นพี่ก็คือทางเลือกของเจ้า หากท่านย่าอนุญาตให้เจ้าคอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกาย มีคำว่ากตัญญูบังหน้า ผู้ใดจะว่าอันใดเจ้าได้”
ไป๋จิ่นเซ่อมองไปยังไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาที่เปล่งประกาย พยักหน้าอย่างแรง
“วันหน้า หากเจ้ามีเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ เจ้าจงคิดถึงผลลัพธ์ที่เจ้าอยากจะได้ คิดถึงสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ได้มา เมื่อวางแผนแล้ว…เจ้าต้องคิดว่าผลลัพธ์มีทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ หากไม่สำเร็จ เจ้าต้องหาวิธีแก้หรือเตรียมแผนรับมือเอาไว้ ต้องระวังสิ่งที่เข้ามาแทรกแซงระหว่างทางให้ดี ตั้งจิตให้มั่น มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ตรงกับจุดประสงค์แรกที่เจ้าต้องการ”