สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 354 เหตุผล
ตอนที่ 354 เหตุผล
เช่นนี้หลี่เม่าจะได้เข้าใจว่าตระกูลไป๋แค่ไม่อยากมีปัญหา ทว่า ไม่ใช่ไม่มีความสามารถในการสร้างปัญหาให้เขา เขาจะได้รับรู้ว่าแม้ตระกูลไป๋จะเหลือเพียงสตรี ทว่า ก็ไม่ใช่ตระกูลที่อ่อนแอที่จะปล่อยให้ถูกรังแกได้ง่ายๆ
ต้องทำให้หลี่เม่ารับรู้ความเจ็บปวด ความหวาดกลัว รับรู้ว่าตระกูลสามารถทำได้เด็ดขาดถึงเพียงใด เช่นนี้เขาจะได้รู้สึกหวาดกลัวตระกูลไป๋จริงๆ
มิเช่นนั้น หากหลี่เม่าต้องการแตะต้องตระกูลไป๋หรือสร้างปัญหาให้แก่กองทัพไป๋ซึ่งอยู่ทางหนานเจียงไม่หยุดหย่อน นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น นางต้องการให้ตระกูลไป๋สงบสุข ต้องการให้กองทัพไป๋ราบรื่น ดังนั้นนางจำเป็นต้องควบคุมหลี่เม่าให้ได้ กระทั่งทำให้หลี่เม่าออกโรงปกป้องตระกูลไป๋และกองทัพไป๋
เช่นนี้…จดหมายที่หลี่เม่าหวาดกลัวจะได้ไม่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นการชั่วคราว
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเกลียดหลี่เม่า ทว่า หากเทียบกับการฆ่าหลี่เม่าแล้ว การใช้ประโยชน์จากผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนย่อมรู้สึกยินดีมากกว่า
แเค่เพียงลงมือช้ากว่าเดิมสองสามปีเท่านั้น นางไม่รีบร้อน
เมื่อเข้าใจจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นจื้อพยักหน้าอย่างแรง
“เช่นนั้นช่วงนี้ข้าจะคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนหลี่ไว้ เตรียมพร้อมรับมือกับเขาเสมอเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
ไป๋จิ่นจื้อนึกขึ้นได้ว่าฮ่องเต้ยังไม่มีพระราชโองการเรียกแม่นางหลูเข้าวังไปตรวจอาการ สาวน้อยรู้สึกร้อนใจ
“พี่หญิงใหญ่ ข้าควรไปถามอาหรงอีกครั้งดีหรือไม่เจ้าคะว่านางบอกเรื่องที่ข้าเล่าให้นางฟังให้ท่านหมอหลวงหวงรู้แล้วหรือไม่ ฮ่องเต้ทรงเวียนพระเศียรจนออกว่าราชการตอนเช้าไม่ได้แล้ว เหตุใดทางวังหลวงจึงยังไม่มาเชิญท่านอาอีกเจ้าคะ”
“พี่คิดว่าท่านหมอหลวงหวงคงทูลให้ฮ่องเต้ทราบเรื่องนี้แล้ว รออีกหน่อยเถิด คงไม่นานหรอก” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
ฮ่องเต้ทรงหาสาเหตุอาการประชวรไม่ได้ หมอหลวงแห่งราชสำนักหมอหลวงล้วนหวั่นวิตก หากหมอหลวงหวงได้ยินหลานสาวของตนเล่าว่าแม่นางหลูสามารถรักษาโรคเรื้อรังให้หายได้ เขาต้องทูลให้ฮ่องเต้ทราบอย่างแน่นอน
อย่างไรซะหมอหลวงหวงก็เคยปรึกษาสูตรยารักษาอาการขององค์หญิงใหญ่ร่วมกับแม่นางหลู เขาค่อนข้างเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของหญิงสาว
ฮ่องเต้ปวดศีรษะจนแทบทนไม่ไหว อีกทั้งยังสนใจในตัวแม่นางหลู ฮ่องเต้สามารถรักษาอาการประชวรหาย อีกทั้งได้พบหน้าคนที่อยากเจอ ฮ่องเต้จะไม่ตกลงได้อย่างไรกัน
ที่ฮ่องเต้ไม่ได้ให้คนมาเชิญหลูหนิงฮว่าเข้าไปในวังสักทีคงเป็นเพราะอยากเจอ ทว่า กลัวว่าแม่นางหลูผู้นี้จะเป็นไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดจริงๆ บัดนี้ตระกูลไป๋ถูกเขาหวาดระแวงจนพบกับจุดจบเช่นนี้ แม้ฮ่องเต้จะไม่อยากยอมรับ ทว่า ลึกๆ แล้วเขาคงไม่กล้าสู้หน้าท่านอาซู่ชิว
ไป๋จิ่นจื้อเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่ยอมส่งคนมาเชิญแม่นางหลูเข้าไปตรวจอาการในวังเสียที ช่วงบ่ายหมอหลวงหวงก็ส่งคนมาเชิญให้แม่นางหลูเข้าไปตรวจดูอาการของฮ่องเต้พร้อมเขาในวังหลวง
เมื่อหลูหนิงฮว่าได้ยินว่าตนต้องเข้าไปตรวจอาการประชวรของฮ่องเต้ในวังหลวงก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจแม้แต่น้อย หญิงสาวเพียงแค่ไปขอความเห็นจากเจี่ยงหมัวมัวว่าควรแต่งกายเช่นไรดี ทว่า บังเอิญเจอกับไป๋ชิงเหยียนเข้าพอดี
ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดเล็กน้อย
“ไม่ต้องจงใจเลือกสีที่ท่านอาเคยชอบ แค่รูปแบบเครื่องแต่งกายคล้ายกันก็พอ หากทำตามชิวกุ้ยเหรินผู้นั้นคงดูเชยเกินไป”
เจี่ยงหมัวมัวพยักหน้า “คุณหนูใหญ่กล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เลือกสีฟ้าน้ำทะเลที่เพิ่งสั่งตัดเสร็จวันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ดูสบายตานัก”
หลูหนิงฮว่าย่อกายขอบคุณเจี่ยงหมัวมัว
“ท่านย่าส่งผู้ใดตามท่านอาเข้าไปในวังหลวงเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนถาม
เจี่ยงหมัวมัวรีบกล่าว “องค์หญิงใหญ่ให้บ่าวตามคุณหนูหลูเข้าไปในวังหลวงเจ้าค่ะ คุณหนูหลูเพิ่งเข้าวังเป็นครั้งแรก อาจกังวลได้เจ้าค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เหยียนมีเรื่องต้องกำชับท่านอาอีกเรื่อง เหยียนไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกับท่านอานะเจ้าคะ”
เจี่ยงหมัวมัวกล่าวยิ้มๆ “บ่าวจะไปเตรียมกล่องยาให้คุณหนูหลูเจ้าค่ะ”
“รบกวนหมัวมัวด้วย” หลูหนิงฮว่ามีท่าทีเกรงใจ
ไป๋ชิงเหยียนเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับหลูหนิงฮว่า กล่าวขึ้นยิ้มๆ “ท่านอาเข้าไปวังหลวงครั้งนี้ ทำเพียงรักษาอาการเวียนพระเศียรของฮ่องเต้ก็พอ ส่วนเรื่องสาตุอาการป่วย ในเมื่อหมอหลวงยังหาสาตุไม่ได้ ท่านอาก็อย่าไปล่วงเกินบรรดาหมอหลวงเหล่านั้นเลยเจ้าค่ะ ที่สำคัญมีเพียงอาการเวียนเศียรของฮ่องเต้ดีขึ้นแต่ไม่หายขาดเท่านั้น ฮ่องเต้จึงจะมีเหตุผลเรียกท่านอาเข้าไปพบอีก”
หลูหนิงฮว่าพยักหน้า ย่อกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“คุณหนูใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ หนิงฮว่ารู้ขอบเขตดี จะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
“ท่านอาไม่ต้องมากพิธีเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนพยุงหลูหนิงฮว่าให้ลุกขึ้น
“ข้าเป็นเด็ก ท่านอาทำเช่นนี้ข้าจะอายุสั้นนะเจ้าคะ”
เมื่อเจี่ยงหมัวมัวเตรียมกล่องยาและทุกอย่างเสร็จสรรพจึงเดินมาตามหลูหนิงฮว่าที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนส่งหลูหนิงฮว่าที่หน้าจวน ทำความเคารพพลางเอ่ยขึ้น “ลำบากเจี่ยงหมัวมัวและท่านอาแล้วเจ้าค่ะ”
หลูหนิงฮว่าทำความเคารพกลับไป๋ชิงเหยียน จากนั้นถูกเจี่ยงหมัวมัวประคองขึ้นไปบนรถม้า หญิงสาวกำมือแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้พบฮ่องเต้ จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ครั้งนี้เท่านั้น องค์หญิงใหญ่กำชับนางอยู่หลายครา
องค์หญิงใหญ่มีบุญคุณต่อนางและมารดา หากไม่ได้องค์หญิงใหญ่ป่านนี้นางและมารดาคงจากโลกนี้ไปแล้ว นางยินดีแลกชีวิตของนางเพื่อตอบแทนองค์หญิงใหญ่ ไม่มีทางทำให้องค์หญิงใหญ่ต้องเสียเรื่องอย่างแน่นอน
ยามโหยว่[1] หลูหนิงฮว่ากลับถึงจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่พร้อมกับของกำนัลมากมายที่ฮ่องเต้พระราชทานให้
องค์หญิงใหญ่และไป๋ชิงเหยียนรอฟังข่าวจากหลูหนิงฮว่าอยู่นานแล้ว
เมื่อหลูหนิงฮว่ากลับมาถึงก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวงให้ทั้งคู่ฟังอย่างละเอียด
หลูหนิงฮว่ากล่าวว่าฮ่องเต้ไล่ทุกคนออกไปจนหมด อยู่ตามลำพังกับนางในตำหนักเพียงสองคน สายตาที่มองมายังนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ดวงตาทั้งสองข้างเปียกชื้น องค์หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวนิ่มหลับตาคลำลูกประคำในมือ เม้มปากแน่น ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าฮ่องเต้เชื่อเรื่องที่หลูหนิงฮว่าคือไป๋ซู่ชิวกลับชาติมาเกิดแล้ว
“วันนี้ลำบากท่านอาแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหลูหนิงฮว่ายิ้มๆ
“ตกว่าว่าอาการประชวรของฮ่องเต้เป็นอย่างไรบ้าง เป็นเพราะมีคนจงใจทำลายพระองค์เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานจริงหรือไม่” องค์หญิงใหญ่ถาม
หลูหนิงฮว่าไม่คิดปิดบังองค์หญิงใหญ่ กล่าวขึ้น “ดูเหมือนว่าชีพจรของฮ่องเต้จะไม่มีสิ่งใดผิดปกติ หนิงฮว่าจึงยังไม่แน่ใจเจ้าค่ะ”
“เจ้าลองว่ามาสิ” องค์หญิงใหญ่ลืมตาขึ้น ยกน้ำชาขึ้นจิบ
“หนิงฮว่าสังเกตเห็นว่านิ้วของฮ่องเต้สั่นไหวเล็กน้อย อีกทั้งยังมีกลิ่นกายแปลกๆ หนิงฮว่าเดาว่าฮ่องเต้คงเสวยยาชนิดหนึ่ง เป็นยาช่วยปลุกอารมณ์ที่มีเฉพาะซีเหลียง เมื่อใช้ยาชนิดนี้…คนใช้จะรู้สึกแข็งแรง กระปี้กระเป่า ทว่า หากใช้มากเกินไปจะกลายเป็นยาพิษชนิดอ่อนๆ ทำให้ปวดศีรษะได้เจ้าค่ะ”
ขณะที่หลูหนิงฮว่ากล่าวสิ่งเหล่านี้ออกมาไม่ได้มีท่าทีขวยเขินเหมือนสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนสักนิด หญิงสาวกล่าวอย่างเปิดเผย ทว่า องค์หญิงใหญ่ฟังแล้วรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมลทินต่อหูของไป๋ชิงเหยียน ขมวดคิ้วแน่น
“ท่านอาพบชิวกุ้ยเหรินหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ
หลูหนิงฮว่าส่ายหน้า
ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเรื่องที่มีแต่ชิวกุ้ยเหรินนวดศีรษะให้ฮ่องเต้จึงจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ กล่าวขึ้น
“หากฮ่องเต้ใช้ยาชนิดนี้จริงๆ มีสิ่งใดสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้หรือไม่เจ้าคะ”
หลูหนิงฮว่านิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นส่ายหน้า “ยาชนิดนี้มาจากซีเหลียง หนิงฮว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่า ท่านตาของข้าเคยวินิจฉัยอาการของคนป่วยเช่นนี้ ข้าจึงเคยเห็น ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงทำได้เพียงแค่คาดเดาว่าฮ่องเต้ทรงใช้ยาชนิดนี้ แต่ไม่อาจมั่นใจได้”
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง ยาปลุกอารมณ์ของซีเหลียงอย่างนั้นหรือ…
“หลังจากฝังเข็มให้ฮ่องเต้เสร็จ ข้าแนะนำให้พระองค์พักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามหักโหมร่างกาย ไม่ทานเนื้อสัตว์สิบวัน” หลูหนิงฮว่ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน
“หากภายในสิบวันนี้ฮ่องเต้ไม่ปวดพระเศียรอีก หนิงฮว่ามั่นใจว่าพระองค์ใช้ยาชนิดนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ”
[1] ยามโหยว่ เวลาระหว่าง 17.00-19.00 นาฬิกา