สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 363 รออยู่
ตอนที่ 363 รออยู่
หลูผิงนำบรรดาองครักษ์ของตระกูลไป๋ถือดาบบุกเข้าไปในหอฮวาหม่านอย่างไม่เกรงใจ
เดิมทีลูกน้องของหอฮวาหม่านตั้งใจจะห้ามไว้ ทว่า เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลูผิงดูไม่เป็นมิตร ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปแต่เหมือนกับทหารมากกว่า แต่ละคนท่าทีดุดันอีกทั้งยังพกดาบมาด้วย ลูกน้องของหอฮวาหม่านจึงหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าไปห้าม
มามา[1] ถูกปลุกให้ตื่นอย่างตกใจ นางรีบสวมรองเท้า ใช้เสื้อคลุมคลุมร่างของตัวเองจากนั้นรีบวิ่งออกมาจากห้อง แม้ในใจจะหวาดหวั่น ทว่า นางยังคงแสร้งกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางขยับเข้าไปใกล้หลูผิงด้วยท่าทียั่วยวน
“แหม ใต้เท้า ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ท่านสั่งข้ามาคำเดียวก็พอเจ้าค่ะ เหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้เล่าเจ้าคะ หากทำให้เด็กสาวที่กำลังนอนหลับอยู่เหล่านั้นตกใจจะทำเช่นไรเจ้าคะ!”
หลูผิงใช้สายตาคมกริบกวาดมองไปยังฮวามามา เอ่ยถามเสียงขรึม “หลี่หมิงถังบุตรชายคนเล็กของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ที่ใด”
ใจของฮวามามาเต้นรัวอย่างรุนแรง สายตาเหลือบมองไปยังชั้นสามแวบหนึ่ง จากนั้นรีบเอ่ยขึ้น “แหม ใต้เท้า ท่านอย่าบีบคั้นข้าเลยเจ้าค่ะ แขกที่มาพักที่หอฮวาหม่านได้ล้วนเป็นแขกผู้สูงศักดิ์ทั้งนั้น หากข้าบอกท่าน ชีวิตข้าจะทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ ข้าจะทำกิจการต่อไปเช่นไรเล่าเจ้าคะ”
หลูผิงหัวเราะเสียงเย็น ใช้ฝักดาบในมือดันตัวฮวามามาให้ออกห่างจากร่างของตนอย่างแรง เอ่ยสั่ง “ไปชั้นสาม ค้นให้ทั่วทุกห้อง! หากพบตัวหลี่หมิงถังจงตีให้ตาย!”
เมื่อฮวามามาได้ยินดังนี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง หลี่หมิงถังคือบุตรชายคนเล็กของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเชียวนะ คนพวกนี้มาจากที่ใดกัน เหตุใดจึงกล้าตีบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายให้ตาย!
นางเป็นเพียงคนชั้นต่ำ หากบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเสียชีวิตอยู่ที่หอฮวาหม่าน อย่าว่าแต่กิจการเลย นางจะมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่
ฮวามามาตกใจจนตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง ถลาเข้าไปขวางองครักษ์ที่กำลังจะขึ้นไปชั้นสามอย่างไม่กลัวตาย เมื่อเห็นว่าห้ามไม่อยู่ นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าหลูผิง “นายท่าน! ใต้เท้า! ท่านไว้ชีวิตข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นเพียงมามาของหอฮวาหม่าน หากบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ข้าต้องตายแน่เจ้าค่ะ”
หลูผิงไม่สนใจ ฮวามามาจะเอื้อมไปจับตัวหลูผิง ทว่า สบกับดวงตาเยือกเย็นของหลูผิง นางก็ได้แต่คุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้นอย่างหวาดกลัว “ใต้เท้า! ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ท่านได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตข้าและเด็กสาวของหอฮวาหม่านเถิดเจ้าค่ะ”
ชั้นสาม องครักษ์ตระกูลไป๋ถีบประตูห้องแรกออก ด้านในมีเสียงกรีดร้องของคณิกาและเสียงก่นด่าของแขกที่มาพักดังแว่วออกมา
ฮวามามาเงยหน้ามองไปทางชั้นสามอย่างตื่นตระหนก คลานไปด้านหน้าจับดาบในมือของหลูผิงไว้อย่างไม่กลัวตายพลางปล่อยโฮออกมา
“ใต้เท้า ข้ารู้ว่าพวกข้าเป็นเพียงคนชั้นต่ำในสายตาของพวกท่าน ทว่า คนเราย่อมอยากหาทางรอดให้แก่ตัวเองไม่ใช่หรือเจ้าคะ ข้าไม่ทราบว่าท่านและอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายมีความแค้นอันใดกัน ทว่า หากบุตรชายคนเล็กของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเสียชีวิตอยู่ที่หอฮวาหม่าน ข้าและเด็กสาวเหล่านั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต หอหน่วนชุนก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว! ท่านไว้ชีวิตพวกข้าเถิดเจ้าค่ะ!”
เสียงก่นด่าและกรีดร้องจากชั้นสามดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
หลูผิงมองดูฮวามามาที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอ้อนวอน ไม่ได้มีท่าทียั่วยวนเหมือนตอนแรกอีกแล้ว เขาขบกรามแน่นพลางตะโกนไปยังชั้นสาม “หากพบตัวหลี่หมิงถังจงลากเขาลงมา พาไปจัดการที่ถนนด้านนอก!”
เมื่อฮวามามาได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกราวกับได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง นางรีบก้มศีรษะขอบคุณหลูผิงทั้งน้ำตา “ขอบพระคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ! ขอบพระคุณใต้เท้าเจ้าค่ะ! ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลยเจ้าค่ะ ข้าจะสร้างป้ายอวยพรอายุยืนให้ท่านเจ้าค่ะ!”
“พวกเจ้าจะทำอันใด!” หลี่หมิงถังได้ยินเสียงถีบประตู เขารีบกุมเสื้อที่แหวกออกจากกันพลางลุกขึ้นนั่ง รั้งสาวงามไปหลบอยู่ด้านหลังตน ตะคอกออกมาอย่างเดือดดาล “เป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร กล้าบุกห้องของหลี่หมิงถังเชียวหรือ!”
“พบตัวหลี่หมิงถังแล้ว!” องครักษ์ที่บุกเข้ามารีบตะโกนบอก
เมื่อหลี่หมิงถังได้ยินว่าคนเหล่านี้มาเพื่อจับตัวเขาก็ตะลึงไปทันที
เมื่อกลุ่มคนที่มีดาบย่างกายมาหาเขาอย่างดุดัน เขาเบิกตาโพลง เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้แต่งเครื่องแบบเหมือนกัน ทว่า ไม่ใช่ชุดของทางการ หลี่หมิงถังก็เดาได้ทันทีว่าคนเหล่านี้คงเป็นองครักษ์ของตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
องครักษ์ของตระกูลไป๋บุกเข้าไปด้านใน กระชากแขนของหลี่หมิงถังออกไปด้านนอกทันที
หลี่หมิงถังตะลึง คนพวกนี้รู้ว่าเขาคือผู้ใดแต่ยังกล้าแตะต้องเขาอีกอย่างนั้นหรือ!
“พวกเจ้าคือองครักษ์ของตระกูลใด ข้าคือบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเชียวนะ! พวกเจ้ากล้าจับข้าอย่างนั้นหรือ ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าประหารพวกเจ้าให้หมด! เจ้าสารเลวหลู่หยวนเผิงสั่งให้พวกเจ้ามาจับข้าใช่หรือไม่”
เมื่อหลูผิงได้ยินว่าจับตัวหลี่หมิงถังได้แล้ว เขาจึงเงยหน้ามองไปทางด้านบน
หลี่หมิงถังซึ่งพยายามกระชากตัวให้หลุดจากการจับกุมถูกองครักษ์ของตระกูลไป๋ลากออกมาจากห้องโดยสวมเพียงเสื้อซับในเท่านั้น
เขาดิ้นรนอย่างรุนแรง “เจ้าสารเลวหลู่หยวนเผิง! เจ้ากล้าให้คนมาจับตัวข้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าไม่กลัวว่าท่านพ่อของข้าจะไปฟ้องท่านปู่ของเจ้าหรืออย่างไรกัน!”
วันๆ หลี่หมิงถังเอาแต่ขลุกอยู่ที่หอนางโลม เขาจะสู้เรี่ยวแรงขององครักษ์ที่แข็งแกร่งได้อย่างไรกัน องครักษ์สองคนหิ้วปีกหลี่หมิงถังลงมาด้านล่างได้อย่างง่ายดาย
เมื่อครู่ฮวามามาเพิ่งร้องไห้ไป ตอนนี้เห็นหลี่หมิงถังถูกลากลงมาด้านล่าง นางได้แต่หลบอยู่ด้านหลังเสาเคลือบน้ำมันสีแดงอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ตัวสั่นราวกับลูกนก
“ลากออกไป ตีให้สุดแรง หากข้าไม่สั่ง ห้ามหยุดเด็ดขาด!” หลูผิงเอ่ยสั่งด้วยสีหน้าราบเรียบ
หลี่หมิงถังเบิกตาโพลง เมื่อได้สติเขาจึงแน่ใจว่านี่ไม่ใช่คนของหลู่หยวนเผิง “พวกเจ้าเป็นคนของตระกูลใดกัน เป็นคนของผู้ใด! พวกเจ้าใช่คนของหลู่หยวนเผิงหรือไม่ ท่านพ่อของข้าเป็นอัครมหาเสนาบดีแห่งราชสำนักนี้ หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า พวกเจ้าไม่ตายดีแน่!”
ด้านล่างและด้านบนของหอฮวาหม่านเต็มไปด้วยนางคณิกาและแขกที่พัก ทุกคนต่างวิจารณ์ไปต่างต่างนานา
กระทั่งฮวามามาที่ซ่อนตัวอยู่หลังเสายังอยากรู้ว่าหลูผิงที่ร่างเต็มไปด้วยไอสังหารผู้นี้คือคนของตระกูลใด ถึงได้กล้าทำตัวเหิมเกริม ไม่เห็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ในสายตาเช่นนี้
หลี่หมิงถังถูกองครักษ์ตีจนไม่มีแรงแม้แต่จะร้องออกมาอยู่หน้าประตูหอฮวาหม่าน
หลูผิงกำดาบไว้ในมือ เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้น “หักขาทั้งสองข้าง ลากตามมา!”
ไม่นาน เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหลี่หมิงถังก็ดังก้องไปทั่วถนน
หลูผิงสั่งให้คนลากหลี่หมิงถังที่ถูกตีจนขาหักทั้งสองข้างไปตามถนน ให้ชาวบ้านได้รับรู้กันทั่วตามคำสั่งของไป๋ชิงเหยียน
ซือหม่าผิงซึ่งเมามายนอนพักค้างคืนอยู่ที่หอฝานเชวี่ยได้ยินเรื่องนี้จึงรีบสวมเสื้อคลุม วิ่งไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเปิดหน้าต่างออกก็เห็นหลี่หมิงถังถูกองครักษ์ของตระกูลใดก็ไม่รู้ลากไปตามถนน ผ่านไปตามตลาด ร่างโชกไปด้วยเลือด ร้องโอดครวญไม่หยุดหย่อน
ซือหม่าผิงเบิกตาโพลง อุทานออกมาอย่างตกใจ เขายกมือลูบปลายคางของตัวเอง รู้สึกสะใจมาก “ข่าวดีเช่นนี้หากหยวนเผิงรู้คงฉลองกับข้าสามวันสามคืนเป็นแน่!”
กล่าวจบ ซือหม่าผิงรีบกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายในห้อง เตรียมตามไปดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จากนั้นค่อยไปบอกข่าวดีนี้กับหลู่หยวนเผิงซึ่งถูกพี่ชายบิดหูลากกลับจวนตั้งแต่เมื่อวาน
รถม้าของไป๋ชิงเหยียนรออัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่าอยู่ที่ถนนที่เขาจะเดินทางผ่านแล้ว
เมื่อเสิ่นชิงจู๋เห็นว่ารถม้าของหลี่เม่าที่เพิ่งเข้าร่วมการว่าราชการเสร็จค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามา จึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ในรถเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ รถม้าของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายหลี่เม่ามาแล้วเจ้าค่ะ”
[1] มามา คำใช้เรียก สตรีที่ดูแลหอนางโลมและบรรดาคณิกาในหอ