สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 397 เปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 397 เปลี่ยนแปลง
จี้หลางหวากำมือที่อยู่แนบลำตัวแน่น
“หากกล่าวถึงความเกลียดชัง ข้าเกลียดชังคนผู้นั้นมากกว่าแม่นางจี้ ทว่า บัดนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ข้าต้องการให้ฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ต่ออย่างน้อยอีกสามปี…ถึงห้าปี! เรื่องนี้มีท่านอารับผิดชอบอยู่ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ทว่าเจ้าคือตัวแปรที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางจี้หลางหวา
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนบาง จี้หลางหวากัดริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอ
“เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรมาอาละวาดที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ถึงจะทำให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้เรื่องนี้ ทว่า สิ่งที่เจ้าทุ่มเททำลงไปเป็นเพียงความสะใจแค่ชั่ววูบเท่านั้น ไม่ใช่แผนการในระยะยาว ในสายตาของข้า เจ้ายังหนักแน่นไม่เท่าน้องหญิงสี่ของข้าเลยด้วยซ้ำ”
ลำคอของจี้หลางหวาร้อนผ่าว “ข้าก็ทำได้เจ้าค่ะ! ให้ฮ่องเต้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสามปี…กระทั่งห้าปี! ให้หลูหนิงฮว่าไปจากสถานที่วุ่นวายแห่งนี้เถิดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “สำหรับฮ่องเต้ หลูหนิงฮว่าคือตัวแทนของท่านอาไป๋ซู่ชิว นางไม่อาจไปจากเมืองหลวงได้ ที่สำคัญหลูหนิงฮว่าเพียงแค่รักษาอาการปวดศีรษะของฮ่องเต้ ไม่เคยให้พระองค์ทานสิ่งใด สิ่งนี้จะทำให้หลูหนิงฮว่าปลอดภัยแม้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ลง ทว่า เจ้าไม่เหมือนกัน หากเจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะโดนประหารโทษฐานลอบปลงพระชนม์ หากทำไม่สำเร็จ ฮ่องเต้พิโรธเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี! กองทัพไป๋และไป๋ชิงหมิงช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าเอาชีวิตมาทิ้งที่เมืองหลวงเช่นนี้!”
จี้หลางหวากำหมัดแน่น
“หากเจ้าต้องการแก้แค้นก็กลับไปซั่วหยางพร้อมกับข้าเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง กล่าวเชิญจี้หลางหวาอย่างจริงจัง “ข้าจะให้เจ้าได้เห็นวันนั้น”
จี้หลางหวาน้ำตาคลอเบ้าสบกับสายตาเย็นชาของไป๋ชิงเหยียน ใจเต้นรัว
จี้หลางหวารู้สึกเหมือนจะเห็นความเกลียดชังในแววตาที่สงบราบเรียบของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่นานก็ถูกไป๋ชิงเหยียนซ่อนไว้ในส่วนลึกของแววตาด้วยความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของหญิงสาว
“หากเจ้าคิดได้แล้วก็จงทูลฮ่องเต้ไปว่าเจ้าสละเลือดของตัวเองช่วยผู้อื่นปรุงยา เพื่ออยากได้ยามาชุบชีวิตของไป๋ชิงหมิง สายตาของฮ่องเต้ พระองค์จะคิดว่าเจ้าเป็นเพียงสตรีสติฟั่นเฟือนที่อยากตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณเท่านั้น พระองค์จะไม่ลงโทษเจ้า”
“พระองค์ต้องส่งคนมาเชิญเจ้าวังก่อนที่ตระกูลไป๋จะเดินทางกลับซั่วหยางแน่นอน” ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้โน้มน้าวอีก กล่าวเพียง “ไปเถิด กลับไปทบทวนคำของข้าให้ดี คิดให้ดีว่าควรทูลฮ่องเต้เช่นไร”
จี้หลางหวายืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง ไป๋ชิงเหยียนหมุนตัวเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
จี้หลางหวายืนนิ่งอยู่ในเรือนชิงฮุยครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสาวใช้ถือถังน้ำร้อนเดินเข้าออกไปมา หญิงสาวจึงเดินออกไปจากเรือนชิงฮุยด้วยสีหน้าเหม่อลอย
หลูหนิงฮว่ายืนรอจี้หลางหวาอยู่หน้าเรือนชิงฮุย เมื่อเห็นจี้หลางหวาเดินออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ หญิงสาวจึงฝืนยิ้มให้จี้หลางหวา “ข้าเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า…”
เช้าวันที่สามสิบเอ็ด เดือนสี่ ฮ่องเต้ส่งคนมาเชิญหลูหนิงฮว่าเข้าไปในวัง อีกทั้งให้หญิงสาวพาจี้หลางหวาที่อ้างว่ามียาวิเศษชุบชีวิตเข้าไปในวังพร้อมกันด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่หลูหนิงฮว่ารู้สึกประหม่าเมื่อเข้าวังหลวง แม้จี้หลางหวาจะบอกว่านางตัดสินใจจะกลับไปยังซั่วหยางพร้อมกับคุณหนูใหญ่ ยินดีติดตามรับใช้คุณหนูใหญ่ ยินดีแบ่งเบาภาระของตระกูลไป๋ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณของไป๋ชิงหมิง ทว่า หากเรื่องนี้ยังไม่จบลง หลูหนิงฮว่าก็ไม่อาจวางใจได้
พรุ่งนี้ตระกูลไป๋จะเดินทางกลับไปยังซั่วหยางแล้ว บรรดาสาวใช้ต่างเก็บข้าวของเตรียมพร้อมและอำลามิตรสหายเรียบร้อย
ทุกคนในตระกูลไป๋รวมตัวกันอยู่ที่เรือนฉางโซ่วเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับองค์หญิงใหญ่
ไป๋จิ่นซิ่วซึ่งแต่งเข้าจวนฉินไปแล้วก็กลับมาที่ตระกูลไป๋พร้อมกับฉินหล่าง นอกจากองค์หญิงใหญ่ คุณหนูสามและคุณหนูเจ็ดซึ่งยังอยู่ที่เมืองหลวงต่อ คนอื่นๆ ในตระกูลไป๋จะออกเดินทางกลับซั่วหยางในวันพรุ่งนี้ เดิมทีฉินหล่างนึกว่าก่อนจากกันทุกคนคงร้องไห้อาลัยอาวรณ์กันอย่างแน่นอน ขนาดตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วก้าวข้ามธรณีประตูของจวนไป๋ หญิงสาวยังตาแดงก่ำเลย
ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าตอนที่ฉินหล่างและไป๋จิ่นซิ่วเดินไปถึงเรือนฉางโซ่วจะได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทุกคนดังแว่วออกมา
“สวรรค์! ตอนที่ข้าเห็นคลังเก็บสมบัติของท่านย่า…ไม่เพียงมีเครื่องเงินเครื่องทองและผ้าไหมมากมาย เมื่อข้าเข้าไปในห้อง ข้าเห็นรูปปั้นสัตว์มงคลแกะสลักจากไม้กฤษณาตัวสูงมาก ไม้กฤษณาว่าหายากแล้ว แต่งานแกะสลักยิ่งประณีตกว่านั้นอีก! ท่านย่าต้องการทดสอบความใจแข็งของพวกข้าหรือเจ้าคะ”
เสียงหัวเราะของคุณหนูสี่ไป๋จิ่นจื้อดังแว่วออกมาจากฉากกั้นแกะสลักด้านใน
“ท่านย่าทดสอบความใจแข็งของพวกข้าก็ว่าไปอย่าง ทว่า เสี่ยวปายังเล็กอยู่ ดูสิเจ้าคะ ยังนอนเป่าน้ำลายอยู่ในอ้อมกอดของพี่หญิงใหญ่อยู่เลยเจ้าค่ะ!”
เมฆหมอกผ่านพ้น ท้องฟ้าสว่างสดใส ลมหนาวอ่อนๆ พัดโชยใบไม้ปลิวว่อนเรือนฉางโซ่ว ระเบียงทางเดินแขวนประดับด้วยผ้าม่านผืนบาง เสียงกระดิ่งดังแว่วเป็นระยะ ทำให้คนสัมผัสได้ถึงฤดูร้อนที่กำลังมาเยือน
ไป๋จิ่นซิ่วชะงักฝีเท้าลง รู้สึกไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะความครื้นเครงเหล่านั้น
องค์หญิงใหญ่หัวเราะออกมาเล็กน้อย ไม่ได้รำคาญแต่อย่างใด “เสี่ยวซื่อตาแหลมยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สัตว์มงคลตัวนั้นก็ยกให้เจ้าก็แล้วกัน! พวกเจ้าเห็นสิ่งใดในห้องนั้นอีก รีบบอกมาให้หมด รีบมาอ้อนเอาไปจากย่า พรุ่งนี้รีบมาขนไปเลย มิเช่นนั้นย่าอาจเปลี่ยนใจทีหลังได้!”
ทั้งๆ ที่จะจากกันในวันพรุ่งนี้แล้ว ทว่า เมื่อไป๋จิ่นจื้อกล่าวออกมาเช่นนี้ บรรยากาศจึงผ่อนคลายลงไม่น้อย
องค์หญิงใหญ่สั่งให้เจี่ยงหมัวมัวเปิดคลังสมบัติตั้งแต่เช้า เลือกของประดับและของเล่นที่อยู่ในนั้นออกมาจนหมด ตั้งใจจะแบ่งให้หลานสาวทุกคน
“คุณหนูรอง ท่านเขยรอง!” เจี่ยงหมัวมัวเดินเข้าไปทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่างยิ้มๆ จากนั้นพาทั้งสองเข้าไปด้านใน
“พี่หญิงรองมาแล้วหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นเจาวิ่งเข้าไปคล้องแขนไป๋จิ่นซิ่วพลางกล่าวทักทาย “พี่เขยรอง!”
ฉินหล่างก้มหน้าให้ไป๋จิ่นเจายิ้มๆ จู่ๆ ไป๋หว่านชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของไป๋ชิงเหยียนก็ร้องไห้ออกมา ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนอย่างทำตัวไม่ถูก รีบเอ่ยขึ้น “แม่นม…”
เป็นครั้งแรกที่ไป๋ชิงเหยียนถูกเด็กทารกฉี่รดใส่ แม้หญิงสาวจะไม่รังเกียจน้องสาวของตัวเอง ทว่า ก็ทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกัน
แม่นมของไป๋หว่านชิงรีบรับตัวไป๋หว่านชิงมาจากไป๋ชิงเหยียน กล่าวยิ้มๆ “บ่าวพาคุณหนูแปดไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”
ฮูหยินห้าฉีซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ “ปกติยายหนูใหญ่จะสุขุมที่สุดในบรรดาพี่น้อง ข้าเพิ่งเคยเห็นนางเป็นเช่นนี้ครั้งแรก!”
ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพทุกคนยิ้มๆ ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จากนั้นกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ตอนเดินกลับมาก็พบกับฉินหล่างที่กำลังจะจากไปพอดี
“จวิ้นจู่!” ฉินหล่างรีบเบี่ยงกายหลบให้พลางทำความเคารพ
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เล็กน้อย “ต่อไปพวกเราไม่ได้อยู่ข้างกายจิ่นซิ่วอีกแล้ว หวังว่าน้องเขยรองจะดูแลจิ่นซิ่วให้ดี”
“แน่นอนขอรับ จวิ้นจู่วางใจเถิดขอรับ ชาตินี้ฉินหล่างจะรักและปกป้องจิ่นซิ่วให้ดีที่สุด จะไม่ทำผิดต่อนางเด็ดขาดขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า นางแค่เอ่ยเตือนเฉยๆ ทว่า ฉินหล่างกลับสาบานออกมา เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มรักไป๋จิ่นซิ่วมากเพียงใด นางคงกลับไปซั่วหยางได้อย่างสบายใจ