สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 403 รับใช้
ตอนที่ 403 รับใช้
“ท่านเจ้าเมืองมีน้ำใจแล้ว ลำบากนายอำเภอโจวด้วย” ไป๋ชิงเหยียนแสดงความขอบคุณในเวลาที่สมควรแสดง “หากองค์รัชทายาทตรัสถามถึงเรื่องนี้ ไป๋ชิงเหยียนจะทูลให้พระองค์ทราบตามจริง!”
“ข้าทำเรื่องผิดพลาดมากมาย ในฐานะคนของทางการ ข้าไม่ได้ยืนอยู่ข้างชาวบ้าน ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก บัดนี้สามารถช่วยเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ทำเพื่อชาวบ้าน ข้ายินดียิ่งนักขอรับ มิได้ลำบากแต่อย่างใด หากจวิ้นจู่มีเรื่องสำคัญ สามารถเรียกใช้ข้าได้ตลอดเวลาขอรับ ข้ายินดีรับใช้เต็มที่ขอรับ!” นายอำเภอโจวรีบเอ่ยขึ้น
“เช่นนั้นเริ่มฝึกฝนชาวบ้านอย่างเป็นทางการในวันที่สิบเดือนนี้ก็แล้วกัน วันใดฝึกสำเร็จ วันนั้นเราจะไปปราบปรามโจรป่าให้ชาวบ้านกัน!” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยน้ำชาตรงหน้าขึ้น “ต้องลำบากท่านทั้งสองและประมุขไป๋ด้วย”
ดวงตาของนายอำเภอโจวเป็นประกาย รีบรั้งตัวบุตรชายของตนให้ลุกขึ้น “จวิ้นจู่ สองคนนี้คือบุตรชายภรรยาเอกของข้าขอรับ จวิ้นจู่สามารถเรียกใช้พวกเขาไปเป็นลูกมือของประมุขไป๋ ช่วยฝึกซ้อมชาวบ้านหรือแม้แต่เป็นทหารธรรมดาคนหนึ่งก็ได้ทั้งสิ้นขอรับ ข้าอยากให้บุตรชายทั้งสองได้สั่งสมประสบการณ์ หวังว่าจวิ้นจู่จะให้โอกาสพวกเขาขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนมองดูบุตรชายทั้งสองของนายอำเภอโจวที่อายุไม่ได้มากนัก พยักหน้าเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋ชิงผิง “บุตรชายของนายอำเภอโจวอายุพอๆ กับเจ้า พวกเจ้าไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ก็แล้วกัน”
เมื่อนายอำเภอโจวได้ยินดังนี้ก็ดีใจเป็นอย่างมาก
ไป๋ชิงผิงลุกขึ้นยืนคารวะบุตรชายทั้งสองของนายอำเภอโจว
บุตรชายของนายอำเภอโจวรีบลุกขึ้นยืนคารวะกลับทันที
เจ้าเมืองมองดูนายอำเภอโจวแล้วอดรู้สึกขบขันในใจไม่ได้ นายอำเภอโจวผู้นี้เป็นคนคว้าโอกาสได้เก่งเสียจริง มีคนประเภทนี้อยู่ในราชวงศ์ต้าจิ้นที่เน่าเฟะทั้งภายในและภายนอก วันข้างหน้าต้องได้ดีอย่างแน่นอน
ขณะที่นายอำเภอโจวกำลังคำนับขอบคุณไป๋ชิงเหยียน จู่ๆ หลูผิงก็เดินเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน เขาเดินไปตามเสาสีดำที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้าน หยุดอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียน ใช้มือป้องปากกระซิบกับหญิงสาว “คุณหนูใหญ่ แม่นางเสิ่นส่งข่าวมาบอกว่าต้าเหลียงลอบโจมตีต้าจิ้นกลางดึก บัดนี้สองแคว้นเปิดศึกกันแล้วขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือที่กำลังจิบน้ำชา เงยหน้ามองไปทางหลูผิง
“ชิงจู๋ได้บอกหรือไม่ว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยมีวิธีรับมือเช่นไร” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามเสียงเบาหวิว
“รายงานเพียงว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยถอยทัพไปสิบลี้แล้วขอรับ“ หลูผิงตอบ
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า หันไปมองทุกคนที่กำลังมองมาทางนาง หญิงสาวนั่งหลังตรง กล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ทุกท่าน องค์รัชทายาทส่งสารมาบอกว่าต้าเหลียงเปิดศึกกับต้าจิ้นที่ภูเขาชุนมู่แล้ว”
สิ้นเสียง คนในตระกูลไป๋ต่างกระซิบกระซาบด้วยความหวาดกลัว
ทว่า เจ้าเมืองและนายอำเภอโจวกลับลอบชั่งน้ำหนักความสำคัญของไป๋ชิงเหยียนสำหรับองค์รัชทายาทอยู่ในใจ ถึงแม้องค์รัชทายาทจะไม่ได้รักใคร่ไป๋ชิงเหยียนในทางชู้สาว ทว่า เขาให้ความสำคัญกับไป๋ชิงเหยียนมาก เมื่อเป็นเช่นนี้…พวกเขาต้องดูแลต้อนรับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ผู้นี้เป็นอย่างดี
“สงครามที่หนานเจียงเพิ่งสงบลง ทางเหนือก็เกิดสงครามขึ้นอีก บัดนี้ราชสำนักไม่มีเวลามาจัดการเรื่องโจรป่า วันหน้าโจรป่าต้องอาละวาดหนักขึ้นแน่นอน ดังนั้นหวังว่าทุกท่านจะให้ความสำคัญกับการฝึกฝนทหารในครั้งนี้ให้มาก นี่คือการขจัดภัยให้ชาวบ้าน ขจัดภัยให้บ้านเมือง! พวกเราต้องทำอย่างเต็มที่!”
“จะทำอย่างเต็มที่ขอรับ!” นายอำเภอโจวรับคำ
จากนั้นคนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทุกคนก็รับคำตามๆ กัน
งานเลี้ยงจบลง พ่อบ้านเหาออกไปส่งเจ้าเมือง นายอำเภอโจวและคนจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋แทนไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนนั่งอ่านจดหมายที่เสิ่นชิงจู๋ส่งมาอย่างละเอียดอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่างในเรือนปัวอวิ๋น เนื้อหาในจดหมายไม่ต่างจากที่หลูผิงรายงานให้นางฟังมากนัก ทว่า เนื้อหาในจดหมายละเอียดกว่าเล็กน้อย ที่สำคัญเสิ่นชิงจู๋รายงานในจดหมายว่านางพาชาวบ้านทยอยหลบหนีไปบ้างแล้ว
ไป๋จิ่นจื้อชะโงกหน้าไปอ่านจดหมายในมือของไป๋ชิงเหยียนจนจบ ขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ แม่ทัพจางตวนรุ่ยจะรบชนะหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่เอ่ยตอบ ผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวเปิดฝาตะเกียงออก ยื่นจดหมายฉบับนั้นไปในตะเกียง ไฟค่อยๆ ลุกลามจดหมายฉบับนั้น เมื่อไฟดับลง ไป๋ชิงเหยียนมองดูจดหมายที่ถูกเผาจนเหลือเพียงผุยผง จากนั้นกล่าวขึ้น “คงไม่ชนะ”
แม่ทัพจางตวนรุ่ยเป็นคนมีความสามารถ ทว่า เขาคิดมากเกินไป กองทัพของต้าจิ้นเสียหายไปกับสงครามที่หนานเจียงเกือบหมด แม่ทัพจางตวนรุ่ยไม่กล้านำทหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดสู้ตายกับต้าเหลียง
แม่ทัพใหญ่ของต้าเหลียงคือสวินเทียนจาง คนผู้นี้ฝีมือเด็ดเดี่ยวอำมหิต ไม่กลัวว่าจะสูญเสียกำลังทหารไปมากเท่าใด ขอเพียงชนะศึกเป็นพอ
หากปะทะกันซึ่งๆ หน้าในสถานที่ที่จำกัด ผู้ไม่กลัวตายคือผู้ชนะ
นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยผู้คำนึงถึงสิ่งต่างๆ มากเกินไปไม่มีทางเอาชนะแม่ทัพสวินเทียนจางได้
ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยดี ต่อให้นางจะรู้ดีแก่ใจว่ามีเพียงแม่ทัพจางตวยรุ่ยพ่ายแพ้ ฮ่องเต้จึงจะส่งพี่หญิงใหญ่ไปออกรบ ทว่า ลึกๆ แล้วนางก็ไม่อยากให้กองทัพของแม่ทัพจางตวนรุ่ยพ่ายแพ้
บนโลกนี้นอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ตัดกันไม่ขาดแล้ว…ก็มีสหายที่ร่วมรบผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันนี่แหละที่ยากจะลืมเลือน!
ไป๋จิ่นจื้อเคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับแม่ทัพจางตวนรุ่ยในสงครามที่หนานเจียง นางย่อมรู้สึกผูกพันกับเขาเป็นธรรมดา
“หากพี่หญิงใหญ่นำทัพไปเองจะมีโอกาสชนะหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“สวินเทียนจางผู้นี้ไม่สนใจความเป็นความตายของทหารในกองทัพ ยกตัวอย่างเรื่องการหยั่งเชิงที่ภูเขาชุนมู่ เขารู้อยู่แล้วว่าทหารต้าเหลียงที่ลอบเข้าไปในต้าจิ้นต้องตาย ทว่า เขาไม่สนใจสักนิด ใช้ชีวิตของคนคนเดียวเพื่อพิสูจน์ว่าการคาดเดาของเขาเป็นความจริง ในสายตาของสวินเทียนจาง การแลกเปลี่ยนเช่นนี้คุ้มค่าสำหรับเขามาก” ไป๋ชิงเหยียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด “ในเมื่อสวินเทียนจางไม่สนใจชีวิตของทหารตัวเอง หากต้าจิ้นอยากชนะก็ต้องล่อให้ต้าเหลียงกระจายกำลังออกไปแล้วลงมือสังหารทหารทีละส่วน มีคำกล่าวว่าค่อยๆ กัดกินไปเรื่อยๆ จนหมดตัว”
ไป๋จิ่นจื้อเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “พี่หญิงใหญ่จะแนะนำแม่ทัพจางตวนรุ่ยว่าควรรับมือกับสวินเทียนจางอย่างไรหรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังไฟในเตาผิงซึ่งยังไม่ได้ปิดฝา พยักหน้าเล็กน้อย “พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน”
หากแม่ทัพจางตวนรุ่ยรบชนะต้าเหลียง นางจะได้ไม่ต้องเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่
เช่นนี้นางจะได้จัดการเรื่องฝึกทหารที่ซั่วหยางอย่างเต็มที่
“ในเมื่อพี่หญิงใหญ่มีความคิดเช่นนี้ ให้ข้าเดินทางไปบอกแม่ทัพจางตวนรุ่ยที่ภูเขาชุนมู่ดีหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างมีความหวัง
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้น ส่ายหน้าให้ไป๋จิ่นจื้อ “เมื่อเจ้าออกไปจากซั่วหยางจะมีคนรายงานให้ทางเมืองหลวงทราบทันที ถึงเวลานั้นไม่ว่าฮ่องเต้หรือองค์รัชทายาทก็จะคิดว่าพี่เป็นคนส่งเจ้าไปภูเขาชุนมู่และหวาดระแวงตระกูลไป๋ทันที มันจะส่งผลกระทบต่อการฝึกทหารในซั่วหยางเป็นอย่างมาก”
ไป๋ชิงเหยียนให้หลูผิงส่งคนที่เหมาะสมไปยังภูเขาชุนมู่ หาวิธีลอบพบกับแม่ทัพจางตวนรุ่ยเพื่อบอกวิธีที่จะเอาชนะสวินเทียนจาง จากนั้นอยู่สังเกตการณ์ที่ภูเขาชุนมู่ต่อ หากรบไม่ชนะให้หาวิธีช่วยเสิ่นชิงจู๋อพยพชาวบ้านแถวนั้นหนีไป
ไป๋ชิงเหยียนที่อยู่ทางซั่วหยางยังควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กระวนกระวายได้ ทว่า เมื่อวังหลวงได้รับรู้ข่าว ฮ่องเต้ปวดศีรษะหนักขึ้นทันที เขานึกไม่ถึงว่าต้าเหลียงจะบังอาจรุกรานต้าจิ้นเช่นนี้
“ต่ำช้า! ต่ำช้า!” ฮ่องเต้เขวี้ยงถ้วยชาในมือทิ้งด้วยความโมโห