สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 409 บกพร่อง
ตอนที่ 409 บกพร่อง
ผูหลิ่วสาวใช้ข้างกายของฟางซื่อรีบส่งสายตาสื่อให้ฟางซื่อไม่ต้องกล่าวสิ่งใดต่ออีก
ทว่า ฟางซื่อกำลังกล่าวอย่างได้อารมณ์จึงมองไม่เห็นสัญญาณที่ผูหลิ่วส่งให้ ยิ่งมองไม่เห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ของไป๋ฉีเหอ
“เจ้าทำเพื่อข้าหรือเพื่อตระกูลมารดาของเจ้า เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ!” ไป๋ฉีเหอเอ่ยขัดคำกล่าวของฟางซื่อ จากนั้นกล่าวต่อโดยไม่มองหน้าของฟางซื่อแม้แต่น้อย “ฟางซื่อ เจ้าเจ้าเล่ห์กับข้าเพื่อตระกูลฝั่งมารดาของเจ้าได้ แต่หากเจ้าทำกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่จนเดือดร้อนมาถึงตระกูลบรรพบุรุษไป๋ ถึงเวลานั้นเจ้าจงเก็บข้าวของกลับตระกูลมารดาของเจ้าไป ตระกูลไป๋ของเราเล็กเกินไป ไม่พร้อมต้อนรับคนสูงส่งอย่างเจ้าหรอก”
กล่าวจบ ไป๋ฉีเหอสะบัดชายเสื้อเดินจากไปทันที
เมื่อไป๋ฉีเหอเดินแหวกม่านจากไป ฟางซื่อเบิกตาโพลงมองไปทางผูหลิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไป๋ฉีเหอหมายความว่าอย่างไร เขาจะหย่ากับข้าอย่างนั้นหรือ”
ผูหลิ่วรีบเข้าไปกล่าวโน้มน้าว “ฮูหยิน วันนี้ท่านทำเกินไปนะเจ้าคะ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ผู้นั้นเป็นหลานสาวคนโตของทายาทสายหลักของตระกูลไป๋ แม้แต่บุตรชายคนโตของท่านชายใหญ่แห่งตระกูลฟางของเราก็ยังไม่คู่ควรกับนางเลยเจ้าค่ะ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงบุตรคนรองของท่านชายรองที่เอาแต่เสเพลไปวันๆ เลยเจ้าค่ะ ท่านจับคู่บุตรชายรองของท่านชายรองกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เท่ากับเป็นการตบหน้านายท่านนะเจ้าคะ นางคือจวิ้นจู่เชียวนะเจ้าคะ!”
“จวิ้นจู่แล้วอย่างไร ไม่ดูตัวเองว่าอายุเท่าใดแล้ว นางเป็นเพียงหญิงแก่ที่มีบุตรยาก และยังต้องแต่งเขยเข้าตระกูล นางจะเลือกบุคคลเช่นไรกันเชียว ลูกหลานเชื้อพระวงศ์อย่างนั้นหรือ ผู้ใดจะยอมแต่งเข้าตระกูลอื่นกัน” ฟางซื่อตะคอกอย่างไม่ยอมแพ้
ผูหลิ่วตกตะลึงกับความคิดแปลกประหลาดของฟางซื่อจนชาวาบไปทั้งร่าง
“ฮูหยิน ท่านลองดูเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ให้ดีๆ นะเจ้าคะ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น แค่รูปร่างหน้าตาของนาง บุคคลเช่นใดจะคู่ควรกับนางกันเจ้าคะ ต่อให้เป็นผู้ที่สอบได้ที่หนึ่งในการสอบขุนนางในปีหน้าก็ยังถือว่าแค่พอใช้ได้ มิได้คู่ควรกับนางเลยเจ้าค่ะ! ทว่า ท่านกลับจะจับคู่คุณชายตระกูลฟางที่ไม่ได้เรื่องที่สุดกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นายท่านเป็นถึงประมุขของตระกูล การทำเช่นนี้ถือว่าเหยียดหยามนายท่านนะเจ้าคะ ท่านต้องจำไว้ว่านายท่านและจวิ้นจู่ล้วนแซ่ไป๋เจ้าค่ะ”
ฟางซื่อได้ยินผูหลิ่วกล่าวเช่นนี้จึงรู้สึกตัวว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว นางกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ดวงตาแดงก่ำอย่างน้อยใจ “เหตุใดเขาไม่กล่าวกับข้าดีๆ เล่า มีคำกล่าวว่าสามีสั่งสอนภรรยาลับหลังผู้คน เหตุใดเขาถึงไม่สอนข้าดีๆ กลับชักสีหน้าใส่ข้าเช่นนี้ ข้าทำไปทั้งหมดก็เพื่อเขาทั้งนั้น! เขาแค่ดำรงตำแหน่งประมุขชั่วคราว หากข้างกายของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่มีคนคอยกล่าวชมเขา ตำแหน่งประมุขของเขาจะได้มั่นคงไม่ใช่หรืออย่างไร”
ผูหลิ่วถอนหายใจ “ฮูหยินเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ พอนายท่านกลับมา ฮูหยินไปขอโทษนายท่านดีๆ นะเจ้าคะ!”
“ข้าไม่ไป!” ฟางซื่อหันหลังหนีอย่างโมโห
“เช่นนั้นบ่าวจะให้คนต้มขาหมู ตอนกลางคืนบ่าวจะนำไปให้นายท่านเพื่อขอขมาแทนฮูหยินนะเจ้าคะ ระหว่างสามีภรรยาต้องมีคนยอมก้มหัวให้ก่อนถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขเจ้าค่ะ”
ฟางซื่อไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่หางตา
เลยเวลาเที่ยงวัน ไป๋ฉีเหอพาบุตรชายไป๋ชิงผิงไปยังจวนไป๋
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินบ่าวมารายงานก็รู้ทันทีว่าไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงมาเพราะเรื่องการฝึกซ้อมชาวบ้าน
เพราะตอนแรกกำหนดคนฝึกซ้อมไว้ดีแล้ว ทว่า ไป๋จิ่นจื้อถูกราชโองการเรียกตัวไปภูเขาชุนมู่ หลูผิงก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน
ไป๋ชิงเหยียนไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว นางคิดว่าสามารถขอให้เจ้าเมืองช่วยได้ หากเจ้าเมืองยังหาคนมาช่วยฝึกแทนไม่ได้ เช่นนั้นนางก็จะเป็นคนฝึกให้เอง ฝึกซ้อมให้โดดเด่นสักคนสองคนก่อนก็ยังดี
ไป๋ชิงเหยียนส่งคนไปเชิญเจ้าเมืองแล้ว ทว่า ไป๋ฉีเหอกับไป๋ชิงผิงกลับมาถึงก่อน
ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปในโถงรับรอง นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงเห็นไป๋ชิงเหยียนอยู่ในชุดราบเรียบและทะมัดทะแมงเช่นนี้ พวกเขาสัมผัสถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของหญิงสาว ทำให้พวกเขายิ่งระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
“นั่งเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงบนเก้าอี้หลัก เมื่อบ่าวรับใช้รินน้ำชาเสร็จเรียบร้อยจึงกล่าวขึ้น “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามาเพราะเรื่องการฝึกซ้อมชาวบ้าน ข้าส่งคนไปเชิญท่านเจ้าเมืองแล้ว รอดูก่อนว่าเขามีคนที่สามารถใช้งานได้บ้างหรือไม่ หากมีคนคอยช่วยเหลือ ข้าจะฝึกฝนชาวบ้านด้วยตัวเอง”
ไป๋ชิงผิงตะลึง “ฝึกให้เองหรือขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า
พ่อบ้านเหามาถึงอย่างรวดเร็ว เขายืนคำนับไป๋ชิงเหยียนอยู่หน้าประตูโถงรับรองพลางเอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านเจ้าเมืองมาถึงแล้วขอรับ”
“เชิญเข้ามาได้!”
เมื่อเจ้าเมืองเดินมาถึง เขาเห็นไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพเขาด้วยท่าทีนอบน้อมแตกต่างจากประมุขคนก่อนโดยสิ้นเชิง เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นหันไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คารวะเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ขอรับ”
“ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด…”
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมีท่าทีสบายๆ เจ้าเมืองจึงไม่ได้อิดออด ก่อนข้ามาที่นี่ข้าได้ยินว่าเกาอี้เซี่ยนจู่ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการฝึกชาวบ้านในวันพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ จวิ้นจู่เรียกข้ามาพบเพราะต้องการหาคนฝึกแทนใช่หรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเหยียนถาม “ท่านเจ้าเมืองมีคนพอจะแนะนำได้บ้างหรือไม่”
เจ้าเมืองพยักหน้า ลุกขึ้นยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “จวิ้นจู่คิดว่าบุตรชายของข้าพอจะรับหน้าที่นี้ได้หรือไม่ขอรับ”
ไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงมองไปทางเจ้าเมืองอย่างประหลาดใจ บุตรชายของเจ้าเมืองฝึกทหารได้อย่างนั้นหรือ
“บุตรชายทั้งสามคนของท่านเจ้าเมืองไม่ได้เป็นทหารนี่ขอรับ” ไป๋ฉีเหอรีบกล่าวขึ้น
“แม้บุตรชายทั้งสามของข้าจะไม่ได้เข้าร่วมกองทัพ ทว่า จวิ้นจู่ไม่ได้ต้องการฝึกทหารยอดฝีมือ แต่ต้องการฝึกซ้อมชาวบ้านเพื่อปราบปรามโจร บุตรชายทั้งสามของข้าพอจะสอนการต่อสู้พื้นฐานให้ได้ หากจวิ้นจู่สนใจ ข้าจะพาพวกเขาเข้ามาพบจวิ้นจู่ขอรับ ตอนนี้พวกเขารออยู่ที่หน้าจวน จวิ้นจู่อยากพบหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงผิงแอบกังวลอยู่ในใจ ทว่า อีกความรู้สึกหนึ่งกลับคิดว่าบุตรชายทั้งสามของเจ้าเมืองน่าเชื่อถือยิ่งนัก เขาหันไปมองไป๋ชิงเหยียนราวกับกำลังขอความเห็น
แม้ไป๋ชิงผิงจะไม่ได้กล่าวออกไป ทว่า เขาคิดว่าในเมื่อตระกูลไป๋เป็นคนออกเงินในการฝึกครั้งนี้ คนตระกูลไป๋ควรเป็นคนควบคุมชาวบ้านเหล่านี้ถึงจะถูก หากบุตรชายทั้งสามของเจ้าเมืองเป็นคนฝึกฝนก็เท่ากับว่ากำลังคนเหล่านี้จะตกอยู่ในมือของเจ้าเมือง
เจ้าเมืองผู้นี้เตรียมตัวมาดี ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้น “เชิญคุณชายทั้งสามเข้ามา”
พ่อบ้านเหาที่ยืนอยู่หน้าประตูรับคำ สั่งให้บ่าวรับใช้ไปเชิญบุตรชายทั้งสามของเจ้าเมืองเข้ามา
บุตรชายทั้งสามของเจ้าเมืองรูปร่างหน้าตาสง่างาม ทว่า ไม่เหมือนกับเจ้าเมือง คงเหมือนกับมารดาของพวกเขามากกว่า
ทั้งสามเดินเข้ามาด้านใน คุกเข่าคำนับไป๋ชิงเหยียน น้ำเสียงดังกังวาน เห็นได้ชัดว่าฝึกฝนร่างกายเป็นประจำ
“บุตรชายทั้งสามของท่านเจ้าเมืองช่างโดดเด่นยิ่งนัก ทว่า เป็นดั่งที่ประมุขไป๋กล่าว บุตรชายของท่านไม่ได้เป็นทหาร ข้าไม่วางใจจริงๆ” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเจ้าเมือง “ข้าคิดว่าข้าจะเป็นคนฝึกซ้อมชาวบ้านด้วยตัวเอง รบกวนท่านเจ้าเมืองเลือกบุตรชายคนใดคนหนึ่งของท่านไปช่วยเหลือไป๋ชิงผิงด้วยเถิด วันหน้าคงต้องลำบากบุตรชายของท่านเจ้าเมืองแล้ว…”
ไป๋ชิงผิงรีบลุกขึ้นยืนรับคำ
เจ้าเมืองไม่ได้ฝืน เขาเข้าใจดีว่าความหวาดระแวงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ไว้ใจเขาถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว
“องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้ทางการของซั่วหยางให้ความช่วยเหลือจวิ้นจู่อย่างเต็มที่ ข้าไม่กล้าทำหน้าที่บกพร่องขอรับ”