สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 53 ล้างความอัปยศ
เหลียงอ๋องสวมเสื้อคลุมตัวหนานั่งอยู่หน้าเตาผิงที่กำลังลุกโชน แสงไฟกระทบใบหน้าที่ขาวซีดของชายหนุ่มจนแดงก่ำ ดวงตาคู่งามล้ำลึกจนไม่อาจรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
ก่อนที่ตู้จือเวยที่ปรึกษาของเหลียงอ๋องจะตาย เขาได้วางแผนเรื่องทุกอย่างไว้ให้เหลียงอ๋องแล้ว…
ให้เหลียงอ๋องอ้างว่าที่ทำไปทุกอย่างเพราะซิ่นอ๋อง ยุยงให้ซิ่นอ๋องออกรบเพื่อแย่งจวินกงจากเจิ้นกั๋วกง ฮ่องเต้ไม่พอใจในจวนเจิ้นกั๋วกงที่สร้างความดีความชอบในการรบมานานแล้ว จึงทรงอนุญาตให้โอรสที่ทรงรักมากที่สุดออกรบในฐานะผู้สังเกตการณ์กองทัพ และยังมอบป้ายอาญาสิทธิ์ให้ซิ่นอ๋องอีกด้วย
ต่อมาเขาสั่งให้หลิวฮ่วนจางลอบติดต่อกับหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋อง ถือโอกาสที่เจิ้นกั๋วกงพาบุรุษตระกูลไป๋ไปออกรบทั้งหมดในครานี้จัดการกับตระกูลไป๋ให้สิ้นซากเสีย
เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลไป๋ยอดนักรบผู้เก่งกาจแห่งต้าจิ้นก็สูญสิ้นไป จากนั้นค่อยใส่ร้ายว่าจวนเจิ้นกั๋วกงสมคบคิดกับศัตรูทรยศบ้านเมือง เช่นนี้ก็จะถอนรากถอนโคนตระกูลไป๋ได้หมดสิ้น
หากหนานเจียงเกิดสงครามขึ้นอีก เสด็จพ่อของเขาไม่มีทหารให้รับใช้จึงจำเป็นต้องเลือกหลิวฮ่วนจาง เช่นนี้คนของเขาก็จะได้กุมอำนาจทางทหารเอาไว้ นี่คือประการแรก
ประการต่อมาที่ต้องการตัวไป๋ชิงเหยียนมากเช่นนี้ก็เพราะตู้จือเวยเคยกล่าวว่าเหลียงอ๋องไม่ถนัดด้านการทหาร ดังนั้นเหลียงอ๋องต้องทำทุกวิถีทางให้ ยอดนักรบ อย่างไป๋ชิงเหยียนที่เจิ้นกั๋วกงเคยกล่าวชมไว้มาอยู่ข้างกาย ให้นางช่วยวางแผนการรบ ช่วยปูทางให้เขาได้ครอบครองบัลลังก์นั่น
เมื่อฉีอ๋องและซิ่นอ๋องสู้รบแย่งชิงบัลลังก์จนพ่ายแพ้ยับเยินทั้งคู่ เขาที่สู้รบมีชัยกลับมาจากสงครามก็จะฉวยโอกาสครอบครองบัลลังก์อย่างง่ายดาย
เดิมทีทุกอย่างค่อยๆ เป็นไปตามแผนการของตู้จือเวยทีละขั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตั้งแต่ที่คุณหนูรองตระกูลไป๋ ไป๋จิ่นซิ่วแต่งงานออกเรือน ตู้จือเวยตายไป เรื่องทุกอย่างกลับไม่ราบรื่นตามแผนการของตู้จือเวย
ตระกูลท่านยายซึ่งอยู่ไกลถึงเติงโจวของไป๋ชิงเหยียนต้องการให้หลานชายคนรองแต่งงานกับ
ไป๋ชิงเหยียนเขามอบป้ายหยกพร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะรับนางมาเป็นชายาเอกแต่ไป๋ชิงเหยียนกลับไม่รับ ไปหานางด้วยตัวเอง นางก็ไม่ยอมมาพบ เขาจะทำเช่นไรดี
เหลียงอ๋องอยากถามความเห็นจากตู้จือเวยว่าควรจัดการเช่นไรดี เตรียมให้คนไปตามตู้จือเวยมาพบ ทว่า เมื่ออ้าปากจึงนึกได้ว่าตู้จือเวยตายไปแล้วเพราะปกป้องเขาจากการโดนลอบสังหารที่ถนนในวันนั้น…
ชายหนุ่มไออย่างรุนแรง ถงจี๋ที่กำลังต้มยาอยู่ได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งเข้ามารินน้ำให้ชายหนุ่ม “องค์ชาย ดื่มน้ำสักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”
“แค่กๆ …เจ้าออกไป!” เหลียงอ๋องกระชับเสื้อคลุมแน่น
มารดาของเขาฐานะต่ำต้อยเสียชีวิตไปนานแล้ว เขาถูกเลี้ยงดูข้างกายถงกุ้ยเฟย[1] ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถงกุ้ยเฟยและเสด็จพี่รองผู้ล่วงลับไปแล้วปฏิบัติต่อเขาดั่งญาติแท้ๆ แต่พวกเขากลับต้องตายเพราะจวนเจิ้นกั๋วกงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังสำคัญของแคว้นต้าจิ้น มีจุดจบอย่างน่าอนาถที่สุด
เพราะฉะนั้นเขาต้องแย่งบัลลังก์นั้นมาให้ได้! มีเพียงได้ครอบครองบัลลังก์นั่นเท่านั้นถึงจะล้างความอัปยศให้แก่ถงกุ้ยเฟยและเสด็จพี่รองได้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีต่ำช้าเลวทรามเพียงใดก็ตาม
เหลียงอ๋องจ้องมองกองไฟที่คุกกรุ่นอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นเอ่ยเรียกเสียงแหบพร่า “เกาเซิง!”
เกาเซิงได้ยินเสียงเรียกจึงรีบเข้ามา กำหมัดคาราวะ “นายท่าน!”
“เจ้าไปตามหงเชี่ยวมา…ข้ามีเรื่องจะสั่งให้นางทำ”
ไม่นานหงเชี่ยวเดินฝ่าหิมะเข้ามา เมื่อนางได้รับคำสั่งจากเหลียงอ๋องก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นรีบคุกเข่าก้มศีรษะแนบพื้น ท่าทางมุ่งมั่นราวกับแม้ตัวตายก็จะทำให้สำเร็จ “บ่าวเคยได้รับความเมตตาจากองค์ชายสอง องค์ชายสองไม่อยู่แล้วบ่าวควรตายตามไปด้วย แต่องค์ชายตรัสให้บ่าวมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อแก้แค้น! บ่าวทราบจุดประสงค์ขององค์ชายแล้วเพคะ อย่าว่าแต่ความบริสุทธิ์เลย…ต่อให้บ่าวต้องสละชีวิตบ่าวก็ไม่เสียดาย บ่าวจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเพคะ!”
เหลียงอ๋องไอออกมาเล็กน้อยพลางส่ายหน้า “เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ ดังที่เจ้าบอกว่าจะแก้แค้นให้เสด็จพี่รอง เมื่อเจ้าแก้แค้นได้แล้ว เจ้าจะได้ไปรายงานกับเสร็จพี่รองในปรโลกได้ จงทำตามแผนอย่าได้วู่วามเด็ดขาด”
หงเชี่ยวตาแดงก่ำ ก้มศีรษะแนบพื้นคาราวะเหลียงอ๋อง
“ไปเถิด!” เหลียงอ๋องกระชับเสื้อคลุมตัวหนา หลุบสายตานิ่งขรึมลง มองเปลวไฟริบหรี่ในเตาผิง
วันที่ยี่สิบหก เดือนสิบสอง ทุกครัวเรือนเตรียมจัดหาของใช้ใหม่ เตรียมหาอาหารสำหรับวันสิ้นปี
ฝ่ายจัดซื้อของของตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ ล้วนยุ่งวุ่นวายเป็นพัลวัน แม้บุรุษของจวนเจิ้นกั๋วกงยังไม่กลับมาจากหนานเจียง แต่ปีนี้กลับคึกคักกว่าทุกปี บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ชาวไร่ชาวนาต่างทยอยส่งของมาที่จวนเจิ้นกั๋วกง แต่เพราะก่อนหน้านี้ฮูหยินซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงมีคำสั่งไว้ พวกเขาเพิ่งส่งของให้จวนเจิ้นกั๋วกงเสร็จก็มีบ่าวไพร่ตามนำเงินมาจ่ายให้แก่พวกเขา
บรรดาชาวบ้านที่ไม่มีโอกาสตอบแทนจวนเจิ้นกั๋วกงจึงแอบเอาของมาวางกองไว้ที่มุมประตูหลังของจวนในช่วงกลางดึก จากนั้นก็ย่องหนีไป!
ผู้ดูแลหลิวซึ่งดูแลเรื่องการซื้อขายเห็นของวางกองสุมไว้มากมายจึงรีบไปรายงานพ่อบ้านเหา
ครั้งนี้พ่อบ้านเหาตัดสินใจให้รับของพวกนี้ไว้ด้วยตัวเอง กล่าวว่าวันที่ยี่สิบเก้าค่อยสั่งให้คนนำของขวัญดีๆ ไปมอบให้แก่บรรดาพ่อค้าแม่ค้า คนเช่าที่ ชาวไร่ชาวนาที่ไปมาหาสู่กันเป็นอย่างดี จากนั้นก็สั่งให้ผู้ดูแลหลิวนำเหรียญห่อใส่กระดาษสีแดง หากพบว่าบ้านใดมีเด็กอยู่ก็ถือว่าให้อั่งเปาล่วงหน้าไปเลย
บรรพบุรุษทุกรุ่นของพ่อบ้านเหาล้วนอาศัยอยู่ที่ตระกูลไป๋ ทราบดีว่าตระกูลไป๋ใจกว้าง ผู้ใดดีด้วยหนึ่งเท่าก็จะดีตอบเป็นสิบเท่า การที่เขาจัดการเช่นนี้ไม่ถือว่าทำเกินไป
ต่งเหล่าไท่จวินซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ที่จวนต่งของขุนนางหงหลูซื่อชิงฉลองปีใหม่เสร็จแล้วก็จะเดินทางกลับเติงโจว เดิมทีต่งเหล่าไท่จวินตั้งใจจะรับไป๋ชิงเหยียนกลับไปอยู่ด้วยสักสองสามวันเพื่อฉลองปีใหม่ แต่บุรุษตระกูลไป๋ไม่อยู่สักคน ต่งเหล่าไท่จวินจึงไม่กล้าแย่งตัวไป๋ชิงเหยียนมา เกรงว่าจะทำให้จวนเจิ้นกั๋วกงต้องเงียบเหงา ทำได้แค่เรียกไป๋ชิงเหยียนมาหาที่จวนต่งวันเว้นวัน
ต่งซื่อรู้สึกว่าท่านแม่เรียกไป๋ชิงเหยียนไปพบตามลำพังไม่เหมาะสมจึงให้ไป๋ชิงเหยียนพาบรรดาน้องสาวไปด้วย
วันนี้ นอกจากคุณหนูรองไป๋จิ่นซิ่วที่ต้องพักรักษาตัวและคุณหนูเจ็ดไป๋จิ่นเซ่อที่เป็นไข้ไม่สบายแล้ว บุตรสาวตระกูลไป๋ล้วนอยู่ที่จวนต่ง บรรดาลูกพี่ลูกน้องตระกูลต่งของไป๋ชิงเหยียนแม้จะไม่อาจหาญเท่าบุตรสาวของตระกูลไป๋ แต่ก็ไม่ใช่พวกเจ้าเล่ห์มารยาจึงเข้ากันได้ดีกับคุณหนูตระกูลไป๋
ก่อนกลับจวนคุณหนูห้าและคุณหนูหกที่อายุยังน้อยกอดของเล่นที่บรรดาพี่ๆ มอบให้ไว้เต็มอ้อมแขน ชอบจนไม่ยอมวางมือ ไม่ยอมให้สาวใช้ติดตามแตะต้อง พอขึ้นมาบนรถม้าจึงนำออกมาวางดูอย่างทนไม่ไหว
“ญาติผู้พี่ตระกูลต่งเก่งมากเจ้าค่ะ พับนกตัวนี้ราวกับมีชีวิตเลยนะเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นจื้อถือนกกระดาษคู่หนึ่งอยู่ในมือพลางถอนหายใจ “เป็นเด็กช่างดีเหลือเกินนะเจ้าคะ! ข้าก็อยากได้นกกระดาษบ้าง แต่ข้าโตแล้วจึงมิกล้า…”
เมื่อไป๋จิ่นเจาได้ยินจึงรีบแย่งนกกระดาษมาจากมือของไป๋จิ่นจื้อ กอดไว้ในอ้อมแขน “พี่หญิงสี่โตแล้ว ห้ามแย่งของน้องนะเจ้าคะ พี่หญิงรองรักษาตัวอยู่…น้องหญิงเจ็ดเป็นไข้ พวกเขาไม่ได้มาเล่นกับญาติผู้พี่ ข้าจะนำของพวกนี้ไปฝากพี่หญิงรองกับน้องหญิงเจ็ดเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถงขบขันจนหลุดหัวเราะออกมา
จู่ๆ ด้านหน้าก็มีเสียงควบม้าดังแว่วเข้ามา รถม้าของจวนเจิ้นกั๋วกงค่อยๆ หยุดลง
“คุณหนูใหญ่!”
สิ้นเสียง ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้ามองออกไปด้านนอก ได้ยินบ่าวรับใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกงกล่าว “คุณหนูใหญ่ มีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ที่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกงขอรับ เห็นว่าเป็นสาวใช้ของจวนเหลียงอ๋อง กำลังคุกเข่าขอพบคุณหนูใหญ่ พ่อบ้านเหาให้บ่าวมาเรียนให้คุณหนูใหญ่ทราบขอรับ!”
[1] กุ้ยเฟย ตำแหน่งภรรยารองอันดับสองของจักพรรดิ รองรงมาจากหวงกุ้ยเฟย ตำแหน่งนี้สามารถมีได้สองคน