สตรีแกร่งตระกูลไป๋ - ตอนที่ 7 วันหน้าอีกยาวไกล
บ่าวรับใช้ของจวนจงหย่งโหวควบม้ามาอย่างรวดเร็ว ฝ่ากลุ่มคนเข้าไปหาผู้ดูแลการรับตัวเจ้าสาวในครั้งนี้ กระซิบข้างหู “ผู้ดูแล ขบวนรับตัวเจ้าสาวของเราต้องเปลี่ยนเส้นทางขอรับ เมื่อครู่เหลียงอ๋องถูกลอบสังหารที่ถนนฉางอัน จิงจ้าวอิ่น[1] สั่งปิดถนนฉางอันเพื่อตรวจค้นอย่างละเอียด ขบวนรับตัวเจ้าสาวของเราต้องอ้อมไปอีกทางเพื่อกลับจวนขอรับ!”
ผู้ดูแลขบวนรับตัวเจ้าสาวก็ตะลึงงันเช่นกัน โชคดีที่คุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงคิดอุบายหมากล้อมเพื่อขวางพวกเขาเอาไว้ มิเช่นนั้น การที่พวกเขามารับตัวเจ้าสาวเร็วไปครึ่งชั่วยาม ขากลับคงต้องเผชิญกับการลอบสังหารเหลียงอ๋องแน่
จวนเจิ้นกั๋วกงก็รับรู้ข่าวนี้แล้วเช่นกัน ผู้ดูแลทั้งสองจวนต่างปรึกษาหารือกัน ต่งซื่อมารดาของ
ไป๋ชิงเหยียนรีบสั่งให้ทิงจู๋สาวใช้ใหญ่ข้างกายของนางไปบอกให้ไป๋ชิงเหยียนปล่อยขบวนรับตัวเจ้าสาวให้เข้ามาในจวน จะได้ไม่เสียฤกษ์
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ฮูหยินให้บ่าวมาเรียนให้ท่านทราบว่าขบวนรับตัวเจ้าสาวต้องอ้อมไปอีกทางเพื่อกลับจวน ท่านไม่ต้องกั้นประตูแล้วเจ้าค่ะ หากช้ากว่านี้…เกรงว่าจะเลยฤกษ์เจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินว่าต้องเดินอ้อม ไป๋ชิงเหยียนจึงคลายกังวล
หญิงสาวพยักหน้า สั่งบ่าวไปเรียนให้ไป๋จิ่นจื้อทราบ “ไปเรียนคุณหนูสี่ว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเห็นความจริงใจของซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวที่มาขอคุณหนูรองแต่งงานแล้ว กำชับให้เขาดูแลคุณหนูรองให้ดี อย่าทำให้คุณหนูรองต้องเสียใจ! ส่วนกระดานหมากนั้น…ไว้ตอนที่พวกเขากลับมาเยี่ยมจวนเจ้าสาวค่อยเล่นต่อ”
ไป๋จิ่นซิ่วมองดูพี่สาวของตน ดวงตาแดงก่ำจนพร่ามัวไปหมด
เสียงประทัดดังขึ้น ฉินหล่างบุกเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกงโดยมีเหล่าคุณชายเจ้าสำราญคอยล้อมหน้าล้อมหลัง
ไป๋ชิงเหยียนกระชับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน มองดูพวกฉินหล่างกรูกันเดินเข้ามา กราบไหว้บรรพบุรุษ ไหว้ฟ้าดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากเสร็จพิธียกน้ำชา เจ้าบ่าวก็จูงเจ้าสาวออกมาจากห้องโถงอย่างมีความสุข เดินตรงไปยังประตูทางออกของจวน
มุมปากของหญิงสาวหยักขึ้นเล็กน้อย เอ่ยกับชุนเถาที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ไปกันเถิด”
ทั่วทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน ฉินหล่างใบหน้ายิ้มแย้มมือจับด้ายสีแดงไว้คนละข้างกับคู่ชีวิต ทักทายและกล่าวขอบคุณผู้ที่มาร่วมงาน สายตาเหลือบเห็นร่างอรชรที่หายลับไปตรงมุมของทางเดิน ฝีเท้าของชายหนุ่มหยุดชะงักลง…นิ่งงันอยู่กับที่
เดิมทีคนที่เขาจะแต่งงานด้วยคือไป๋ชิงเหยียน ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนไปออกรบ เขาก็เคยไปส่งนางอยู่
เขายังจำได้ดีว่าเวลานั้นหญิงสาวงามสะพรั่งเต็มที่ งดงามราวหญิงงามในภาพวาด ร่างที่แต่งกายด้วยชุดนักรบพร้อมเกราะ ถือดาบไว้ที่เอวช่างดูองอาจยิ่งนัก
เขายังเคยคิดอยู่เลยว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหนที่จะได้สตรีเช่นนี้มาเป็นภรรยา
ณ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อน ก่อนที่ไป๋ชิงเหยียนจะเดินทางไปออกรบ เขาได้มอบหยกประจำตระกูลให้แก่หญิงสาว พร้อมอวยพร “ขอให้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย อย่าลืมคนที่รออยู่ทางนี้ รอวันที่เจ้ากลับมาได้เข้าพิธีแต่งงานครองคู่กัน”
วันนี้เขามาสู่ขอแล้ว แต่คนผู้นั้นกลับไม่ใช่นาง
จริงๆ แล้ว เป็นเขาเองที่ทำผิดต่อนาง
“ยินดีด้วยขอรับ ซื่อจื่อ!”
เสียงอวยพรจากคนรอบกายดังขึ้น ฉินหล่างได้สติยิ้มรับคำอวยพรจากคนผู้นั้น ประคองเจ้าสาวก้าวข้ามธรณีประตูจวนออกไป
ได้ยินเสียงประทัดที่บ่งบอกว่าไป๋จิ่นซิ่วขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้าเล็กน้อย หันกลับไปมองทางประตูหน้าของจวน
“คุณหนูใหญ่!” สาวใช้ซึ่งมีหน้าที่ซักผ้าในเรือนชิงฮุยวิ่งมาหยุดตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน ย่อกายทำความเคารพ กล่าวขึ้น “องครักษ์หลูผิงมาที่เรือนชิงฮุยเจ้าค่ะ บอกว่ามีเรื่องต้องรายงานคุณหนูใหญ่”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า รับเตาอุ่นมือมาจากชุนเถา “กลับกันเถิด!”
ชาติที่แล้ว ช่วงปลายปี รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบห้า คุณหนูรองแห่งตระกูลไป๋เสียชีวิตลงภายใต้คบดาบของมือสังหารที่ลอบสังหารเหลียงอ๋องในวันแต่งงานของนาง ต่อมาในคืนวันสิ้นปี รายงานจากกองทัพก็ส่งมา…บุรุษทุกคนแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงซึ่งรุ่งโรจน์มานานนับร้อยปีสิ้นชีพในสนามรบทั้งหมด
ท่านย่าของไป๋ชิงเหยียน องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์ปัจจุบัน เมื่อรับรู้ข่าวนี้ก็เสียใจจนล้มป่วย ไม่นานก็จากโลกนี้ไป
เดือนสอง รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก ต่งซื่อมารดาของไป๋ชิงเหยียนล่วงรู้ข่าวว่าหลี่เม่า มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายร่วมมือกับเหลียงอ๋องใส่ร้ายว่าไป๋เวยถิงสมคบคิดกับแคว้นหนานเยี่ยนทำให้กองทัพของแคว้นจิ้นต้องพ่ายแพ้ ทหารนับหมื่นต้องจบชีวิตลงที่หนานเจียง หลักฐานจะส่งมาถึงเมืองหลวงในอีกไม่เกินสองเดือน
ต่งซื่อตัดสินใจเด็ดขาด ให้พ่อบ้านหลิว บ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์พาไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถงไปชายแดนเพื่อสืบหาหลักฐาน แอบกำชับกับพ่อบ้านหลิวเอาไว้ว่าหากเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลง…ให้พ่อบ้านหลิวรับ
ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นถงเป็นบุตรบุญธรรม เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสกุล รักษาชีวิตให้รอด
จากนั้นสั่งให้องครักษ์ลับของตระกูลไป๋แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คุ้มครองฮูหยินห้า ฉีซื่อซึ่งกำลังใกล้คลอดและบรรดาพวกคุณหนูห้าซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะออกไปจากเมืองหลวงเพื่อความปลอดภัย
เดือนสาม รัชศกเซวียนเจียปีที่สิบหก หลิวฮ่วนจาง รองแม่ทัพของไป๋เวยถิงแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้ล่วงลับไปแล้วเดินทางมาถึงเมืองหลวง เป็นพยานว่าไป๋เวยถิงแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงกบฏจริงๆ
หลิวฮ่วนจางกล่าวว่า เขาใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีกวาดล้างตระกูลไป๋ที่คิดทรยศจนไม่หลงเหลือแม้แต่ผู้เดียว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ถูกชาวนาช่วยชีวิตไว้เสียก่อน เมื่อเขารักษาบาดแผลจนหายดีแล้วจึงกลับมาเปิดโปงเจิ้นกั๋วกง
วันนั้นทหารหลวงเข้าล้อมจวนเจิ้นกั๋วกง พบจดหมายที่เจิ้นกั๋วกงเขียนถึงหนานเยี่ยนจวิ้นอ๋อง[2] ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วกง หลักฐานชัดเจน
ตระกูลไป๋ไม่หลงเหลือบุรุษแม้แต่ผู้เดียว เพื่อแสดงถึงความเมตตา จักรพรรดิเสวียนเจียตัดสินให้ผู้ที่อยู่ในตระกูลไป๋ทั้งหมดถูกเนรเทศและให้จับกุมทายาทตระกูลไป๋ที่เหลืออยู่มาลงโทษตามคดี
คืนที่สตรีของตระกูลไป๋ถูกจับขังคุก ต่งซื่อ มารดาของไป๋ชิงเหยียนพร้อมด้วยบรรดาท่านอาสะใภ้ตัดสินใจปลิดชีวิตลง ทิ้งไว้เพียงจดหมาย ‘จดหมายถามจักรพรรดิ’ ความดีความชอบของตระกูลไป๋มีมานับร้อยปี จงรักภักดีแม้เบื้องบนยังยกย่อง! จักรพรรดิผู้โหดร้ายยอมให้คนทรยศใส่ร้ายขุนนางผู้ซื่อสัตย์ ราชสำนักถูกบิดเบือนไป คนสูงศักดิ์เต็มไปด้วยอำนาจบารมีและคำเยินยอ ขอถามจักรพรรดิองค์นี้เสียหน่อย…เหตุใดตอนจักรพรรดิองค์ก่อนยังอยู่ถึงไม่มีเหตุการณ์ขุนนางบุ๋นบู๊ล้มตายเช่นนี้ แต่ละตัวอักษรสลักลึกกินใจ หวังเรียกสติของทุกคนเพื่อให้ความจริงกระจ่างแจ้ง
จดหมายฉบับนี้ สะท้านไปทั่วทั้งราชสำนัก แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงราวกับเปลวไฟที่ลุกท่วม
ฉีซื่อ ฮูหยินห้าที่เพิ่งคลอดบุตรสาวออกมา เมื่อรับรู้ข่าวนี้ก็เจ็บปวดจนใจแทบสลาย โดยความคุ้มครองของบ่าวผู้ซื่อสัตย์และชาวบ้านทั้งหลาย นางถือป้ายบรรพชนตระกูลไป๋พร้อมทั้งโรงศพซึ่งเปราะบาง แต่งกายในชุดไว้อาลัย จากนั้นฆ่าตัวตายตรงหน้าประตูวังท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หวังแลกชีวิตของนางเพื่อคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋…
ไป๋ชิงเหยียนจ้องมองไปที่เกล็ดหิมะซึ่งมีอยู่เกลื่อนกลาด กระชับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกแน่น เดินไปข้างในเรือน ฝีเท้าก้าวอย่างช้าๆ แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความหนักแน่น
ชาติที่แล้ว ก่อนที่ท่านย่าจะสิ้นใจท่านสั่งเสียให้มารดาและนางคอยปกป้องตระกูลไป๋รวมถึงสตรีของตระกูลไป๋ที่เป็นหม้ายสามี นางกับมารดาทำไม่ได้ ไม่อาจพลิกฟื้นสถานการณ์ของตระกูลไป๋ แม้ว่าความโกรธแค้นจะมีมากสักเพียงใด ร่างกายเหมือนเต็มไปด้วยยาพิษไหลเวียนอยู่ในเลือด ฝังลึกอยู่ในกระดูก พร้อมจะคร่าชีวิตคนพวกนั้น แต่ก็ทำอะไรคนพวกนั้นไม่แม้แต่นิดเดียว นางสิ้นหวังจนอยากจบชีวิตโดยเร็ว
ไป๋ชิงเหยียนปาดน้ำตาที่บริเวณขอบตาทิ้ง มุมปากหยักขึ้น แววตาแปรเปลี่ยนเป็นคมกริบเย็นชา
ชาตินี้ นางปกป้องชีวิตของน้องรองไป๋จิ่นซิ่วเอาไว้ได้แล้ว วันหน้ายังอีกยาวไกล นางจะไม่ยอมให้คนในตระกูลไป๋คนใดต้องเสียชีวิตลงอีกแน่ นางจะปกป้องเกียรติยศของตระกูลไป๋มิให้เสื่อมเสีย ไม่ว่าจะต้องใช้แผนร้ายกาจสักแค่ไหน โหดร้ายสักเพียงใด นางพร้อมทำทุกทาง!
หญิงสาวเดินเลี้ยวไปตามทางเดิน เกือบชนกับชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดสีน้ำเงินแกมเทาสีเข้ม คลุมทับด้วยเสื้อคลุมขนกระรอกสีเทาหนา เตาอุ่นมือหลุดกระเด็นออกจากมือกลิ้งไปนอกระเบียงทางเดิน ดีที่ฝ่ายตรงข้ามไหวตัวทันจึงช่วยพยุงไป๋ชิงเหยียนเอาไว้ไม่ให้ล้ม
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ประสานสายตากับดวงตาคมลึกราวกับน้ำคู่หนึ่ง แววตานั้นดูอ่อนโยนและสงบนิ่ง ทว่าราวกับสามารถมองทะลุจิตใจของคนได้ เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
พบคนเคยรู้จักอีกแล้ว…หญิงสาวไม่สามารถควบคุมใจที่เต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาได้
บุรุษผู้นี้คือองค์ชายเก้า พี่น้องร่วมอุทรเดียวกันกับจักรพรรดิแคว้นหนานเยี่ยน ภายภาคหน้าจะกลายเป็นเซ่อเจิ้งหวัง[3] แห่งแคว้นหนานเยี่ยน
เขาใช้ชื่อเซียวหรงเหยี่ยน เดินทางไปทั่วทุกแคว้นในฐานะผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในใต้หล้า กิจการของเขามีอยู่ในทั่วทุกแคว้นเพื่อสอดแนมสืบข่าวให้แคว้นหนานเยี่ยน
ผู้คนต่างกล่าวกันว่าเซียวหรงเหยี่ยนสงบเสงี่ยม สง่างาม อ่อนโยน แต่นางรู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนเจ้าเล่ห์ขนาดไหน ฝีมืออำมหิตสักเพียงใด เขาเล่นกับใจคนเสมือนคนผู้นั้นเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือ เขาเข้ากับขุนนางผู้สูงศักดิ์ในแต่ละแคว้นได้เป็นอย่างดี เป็นมิตรสนิทสนมกับองค์ชายทุกคนในแคว้นต้าจิ้น บรรดาคุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงต่างยกให้เขาเป็นผู้นำ
ชาติที่แล้ว ก่อนที่เหลียงอ๋องจะก่อกบฏขึ้นครองบัลลังก์ ก่อนที่แคว้นต้าเยี่ยนบุกเข้าโจมตีเมืองหลวง เซียวหรงเหยี่ยนประทับใจในการกระทำของเหล่าสตรีตระกูลไป๋จึงมอบหยกจักจั่นซึ่งเป็นของประจำกายของเขาให้แก่ไป๋ชิงเหยียน ให้นางหลบหนีเอาชีวิตรอด
ลมเหนือพัดเกล็ดหิมะลอยเข้ามาบริเวณระเบียงทางเดิน สองมือของไป๋ชิงเหยียนเย็นเฉียบ รีบก้าวถอยหลัง ย่อกายคำนับ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”
จมูกของเซียวหรงเหยี่ยนโด่ง คมเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป ดวงตากลมโต ช่างสง่างามยิ่งนัก รอบกายไม่มีรังสีแห่งความอ่อนโยนหลงเหลืออยู่แล้ว
ชายหนุ่มชักมือที่ช่วยพยุงไป๋ชิงเหยียนกลับ ลูบไปที่หยกจักจั่นสีขาวของตนเองในทันที คิ้วย่นหากัน ยิ้มออกมาน้อยๆ เสียงทุ้มกล่าวขึ้นอย่างสุขุม “มิเป็นไร”
บ่าวรับใช้ที่เดินตามเซียวหรงเหยี่ยนเก็บเตาอุ่นมือของไป๋ชิงเหยียนที่ตกอยู่บนพื้นคืนให้แก่ชุนเถาอย่างรู้งาน ชุนเถารีบคำนับแสดงความขอบคุณ
ไป๋ชิงเหยียนหัวใจเต้นรัว ก้มหน้าต่ำเดินอ้อมร่างสูงโปร่งของเซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เดินนำชุนเถาไปยังเรือนในอย่างรวดเร็ว
เซียวหรงเหยี่ยนเดินไปได้สองก้าว จากนั้นหันกลับไปมองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างรีบร้อนของไป๋ชิงเหยียน…
หลายปีก่อน เขาเคยเจอนางที่วังหลวงของแคว้นสู่
ตอนนั้นแคว้นสู่พ่ายแพ้สงคราม เขาถูกกักตัวอยู่ในวังหลวง เสียงฆ่าฟันดังกึกก้องไปทั่ว
เจิ้นกั๋วกงหยุดการฆ่าฟัน สั่งให้ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าลุยเดี่ยวเข้าไป ในมือถือศีรษะของผางผิงกั๋ว แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นสู่เอาไว้ ร่างในชุดเกราะ ควบม้าผ่านรั้ววังเข้ามาด้านในราวกับโบยบิน
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ร่างของสตรีในชุดคลุมสีแดงสด ควบม้าเร็วบุกเข้ามาถึงห้องโถงหลักแห่งแคว้นสู่ ชูศีรษะของผางผิงกั๋วขึ้น ประกาศกร้าว “ผางผิงกั๋วตายแล้ว ผู้ใดยอมจำนนจะไว้ชีวิต” ยังตรึงตาชายหนุ่มอยู่จนบัดนี้
“สหายเซียว! สหายเซียว ทำไมท่านยังอยู่ที่นี่เล่า!” หลู่หยวนเผิงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวหรงเหยี่ยน ชะโงกหน้ามองไปยังทิศทางที่เซียวหรงเหยี่ยนจ้องอยู่ ทว่าไม่เห็นสิ่งใด “ท่านมองสิ่งใดอยู่หรือ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆ บนใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยน ในความอ่อนโยนแฝงไปด้วยความสุขุมและสูงส่ง “ไม่มีอันใดหรอก…”
หลู่หยวนเผิงก็ไม่ได้เซ้าซี้ ดึงมือของเซียวหรงเหยี่ยนเดินไปด้านนอก “สหายเซียวเหตุใดท่านไปปลดทุกข์นานถึงเพียงนี้เล่า ฉินหล่างรับตัวเจ้าสาวไปแล้ว! พวกเรารีบตามไปร่วมสนุกที่จวนจงหย่งโหวเถิด!”
[1] จิงจ้าวอิ่น ขุนนางในตำแหน่งเจ้าเมือง เทียบเท่ากับนายกเทศมนตรีในปัจจุบัน
[2] จวิ้นอ๋อง เป็นตำแหน่งรองจากอ๋อง เป็นตำแหน่งเริ่มต้นที่จักรพรรดิจะมอบให้กับพระโอรส นอกจากนี้ยังมอบให้กับพระโอรสในอ๋องซึ่งเป็นพระนัดดาของจักรพรรดิด้วย นามที่ได้รับพร้อมตำแหน่งจวิ้นอ๋องส่วนมากจะมีสองตัวอักษรซึ่งอาจเป็นชื่อเมืองหรือชื่อเขตการปกครอง
[3] เซ่อเจิ้งหวัง หมายถึงผู้สำเร็จราชการของแผ่นดิน