สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 12 ตอนที่ 337 ดีร้ายปะปนกัน
เดินเข้าไปได้ราวสิบห้านาที พวกเขาทั้งสองยังไม่พบอันใด
ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีก็ยังตรวจสอบไม่พบส่วนประกอบของสมุนไพร ทั้งอาคมกำไลปี่อั้นยังไม่ได้ยินเสียงใดๆ เช่นกัน
“เยี่ยโยวเหยา พวกเราเดินต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าไม่ใช่วิธีที่เหมาะสม” ซูจิ่นซีพูด
ตอนนี้ผ่านยามจื่อไปแล้ว หากก่อนฟ้าสว่างยังหาสมุนไพรไม่พบ คงยุ่งยากขึ้นมาก
องครักษ์สกุลจงย่อมมีการป้องกันอย่างหนาแน่น
“กอดข้าแน่นๆ ! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางรั้งเอวของซูจิ่นซีไว้
ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปโอบเอวของเยี่ยโยวเหยา จากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็พาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไป
แดนต้องห้ามของสกุลจงไม่ใหญ่มาก เยี่ยโยวเหยาใช้วิชาตัวเบาพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไปบนเขตแดนต้องห้าม ซูจิ่นซีใช้ระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้นตรวจสอบอีกครั้ง คิดว่าคงหาเบาะแสได้ไม่ยาก
ผ่านไปไม่นาน ซูจิ่นซีก็พบเบาะแสเข้าจริงๆ
นางชี้ไปทางยอดเขาที่อยู่ไกลลูกหนึ่ง “อยู่บนภูเขาลูกนั้น”
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้หยุดพัก พาซูจิ่นซีมุ่งตรงไปที่ภูเขาลูกนั้นทันที
ภูเขาลูกนี้ปลูกยาสมุนไพรเต็มไปหมด คงเป็นพื้นที่ปลูกสมุนไพรในแดนต้องห้ามของสกุลจงที่ผู้คนร่ำลือกัน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาอยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกล ขอบเขตการตรวจสอบของระบบถอนพิษมีจำกัด ทำให้หาพวกมันไม่พบ
“มีสิ่งที่พวกเราต้องการหรือไม่? ” เยี่ยโยวเหยถาม
จนถึงเวลานี้ระบบถอนพิษก็ยังไม่แจ้งเตือน จำเป็นต้องตรวจสอบให้ลึกลงไปอีกระดับหนึ่ง
“กอดข้าให้แน่นๆ ! ”
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไปอีกครั้ง พวกเขาเหาะผ่านยาสมุนไพรเหล่านั้น
พื้นที่ปลูกยาสมุนไพรมีอาณาเขตราวภูเขาครึ่งลูก เยี่ยโยวเหยาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยาม จึงพาซูจิ่นซีตรวจสอบสมุนไพรทั้งหมดได้เรียบร้อย ซูจิ่นซีรวบรวมสมาธิตรวจสอบสมุนไพรทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง
“เป็นอย่างไร? ” หลังจากร่อนลงมา เยี่ยโยวเหยาก็ถามซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้น ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบา “ไม่พบเพคะ”
ไม่พบเลยหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร?
พื้นที่กว้างใหญ่เพียงแค่นี้ สมุนไพรที่ปลูกในแดนต้องห้ามของสกุลจงน่าจะอยู่ที่นี่ทั้งหมด หากที่นี่ไม่มีแล้ว พวกเขาควรไปหาที่ใด?
พวกเขาคงไม่ได้ถูกจอมวายร้ายไป๋เฉ่าหลอกเอากระมัง?
ซูจิ่นซีมองเห็นความสงสัยในแววตาของเยี่ยโยวเหยาเช่นเดียวกับนาง
ทว่านางรีบคัดค้านความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว
เป็นนางเองที่สุ่มเลือกสมุนไพรจากกระบอกไม้ไผ่ กระบอกไม้ไผ่มีมากมาย ยากที่จะเล่นไม่ซื่อได้ แม้นางไม่ได้สุ่มเลือกไม้ไผ่นี้ ก็ต้องมีผู้อื่นได้ไป จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“ท่านอ๋อง ให้หม่อมฉันลองดูอีกที”
ซูจิ่นซีหลับตาลง ตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นทั้งหมดใหม่อีกครั้ง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ลืมตาขึ้น พลางชี้ไปที่ภูเขาทางด้านทิศใต้ “เยี่ยโยวเหยา พาหม่อมฉันไปทางนั้น”
เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีไปยังภูเขาที่อยู่ทางทิศใต้อีกครั้ง
เมื่อเท้าแตะพื้น ซูจิ่นซีก็หลับตาลงและเริ่มเปิดใช้งานระบบถอนพิษ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลืมตาขึ้น ใบหน้าเผยความดีใจ นางจับมือเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้แล้วว่าเมล็ดพันธุ์สมุนไพรเหล่านั้นอยู่ที่ใด ท่านอ๋องตามหม่อมฉันมาทางนี้เพคะ”
แววตาเยี่ยโยวเหยาจริงจังขึ้น มองมือของตนที่จับมือซูจิ่นซี
ทิศทางที่ซูจิ่นซีเดินไปนั้น อยู่ตรงข้ามกับแสงจันทร์ ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งมืด ยิ่งเดินแสงจันทร์ยิ่งเลือนราง สุดท้ายพวกเขาก็เดินมาถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง
เยี่ยโยวเหยารั้งมือซูจิ่นซีไว้ทันที
“เจ้าแน่ใจหรือว่าสิ่งที่พวกเราต้องการอยู่ด้านในนี้? ”
ซูจิ่นซีหันไปพยักหน้า “ผลการตรวจสอบจากระบบถอนพิษเป็นเช่นนี้เพคะ”
“เมล็ดพันธุ์ทั้งหมดอยู่ข้างใน? ”
เยี่ยโยวเหยาพูดเตือนเช่นนี้ ซูจิ่นซีก็ราวกับคิดสิ่งใดขึ้นมาได้
นางเปิดใช้งานระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้นเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง จากนั้นจึงลืมตาขึ้น พลางขมวดคิ้วมุ่น
“รายการสมุนไพรของจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามีเมล็ดพันธุ์สมุนไพรทั้งหมดสิบสองชนิด เมล็ดพันธุ์สมุนไพรทั้งสิบสองชนิดอยู่ภายในถ้ำ ทั้งยังอยู่รวมกันอีกด้วยเพคะ นอกจากนี้ ระบบถอนพิษได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ทว่าไม่พบสมุนไพรชนิดอื่นหรือส่วนประกอบพิษอื่นภายในถ้ำ แต่… ” ซูจิ่นซีพูดพลางหลับตาลงอีกครั้ง นางขมวดคิ้วมุ่น เผยให้เห็นความเคร่งเครียด สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ด้านในยังมีสิ่งอื่นหรือ? ”
“เยี่ยโยวเหยา ในโลกนี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเพคะ? ”
มิติเวลาที่ซูจิ่นซีอยู่ก่อนหน้านี้ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คือ กิเลน มังกร และหงส์ ซึ่งมีเพียงในตำนานเท่านั้น ไม่มีอยู่จริง ทว่าในมิติเวลานี้ไม่เหมือนกัน ซูจิ่นซีมีความรู้เกี่ยวกับมิติเวลานี้น้อยมาก เรียกได้ว่าไม่เข้าใจเท่าใดนัก นางเพียงรู้จักเท่านั้น ทว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ ได้ทำลายความเชื่อทั่วไปของนางอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าสรุปและตัดสินด้วยตนเอง
“ด้านในเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใด? ” เยี่ยโยวเหยาดึงซูจิ่นซีเข้ามาใกล้
เยี่ยโยวเหยาถามเช่นนี้ แสดงว่ามิติเวลานี้มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงๆ
“รูปร่างเป็นอย่างไร หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ ทว่าน่าจะมีหลายหัว มันไม่ส่งเสียง หากมันส่งเสียงออกมาบ้าง บางทีหม่อมฉันอาจวิเคราะห์ได้”
“ไม่เป็นไร เจ้าบอกทิศทางให้ข้า อีกสักครู่ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นหรือเห็นอันใด ก็ไม่ต้องหวาดกลัว”
ในฐานะที่เป็นสตรีของเขา เขาไม่อนุญาตให้ซูจิ่นซี อ่อนแอ ขี้ขลาด หรือหวาดกลัว
ความจริงแล้ว ซูจิ่นซีไม่ใช่คนเช่นนั้น
นางพยักหน้า
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีแน่น พาเดินเข้าไปด้านในถ้ำทีละก้าว
ภายในถ้ำมืดสนิทไร้แสงจันทร์ กระทั่งนิ้วมือทั้งห้าก็มองไม่เห็น พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใด อาศัยเพียงประสาทสัมผัสของตนเองเท่านั้น
เยี่ยโยวเหยาใช้ประสาทสัมผัส ซูจิ่นซีใช้อาคมกำไลปี่อั้น
จากการนำทางของซูจิ่นซี สุดท้ายพวกเขาก็เดินมาถึงเส้นทางแคบสายหนึ่ง ปลายทางมีแสงสีขาวสว่างจ้า ทำให้ทั้งเส้นทางสว่างไสว
ดูตามโครงสร้างผนังของเส้นทางเดิน สถานที่แห่งนี้ต้องมีคนสร้างขึ้นมาแน่นอน
พวกเขาเดินลึกเข้าไปข้างใน เห็นตะเกียงหมื่นปีให้แสงสว่างอยู่บนผนัง
แสงสว่างของตะเกียงหมื่นปี กอปรกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ทางเดิน ทำให้เส้นทางเดินสว่างไสวมากขึ้น พวกเขาเดินอย่างเงียบงันบนแผ่นศิลาสีเขียวที่แข็งแกร่งและเย็นเฉียบ
พวกเขากำลังเดินเข้าใกล้สิ่งที่ตนเองต้องการ และยิ่งเข้าใกล้สัตว์ประหลาดยักษ์เข้าไปทุกที สุดท้ายก็เดินมาถึงลานโล่งกว้างภายในถ้ำ
เยี่ยโยวเหยารู้สึกถึงอาการผิดปกติของซูจิ่นซี เขาหันไปมองนางด้วยแววตาสงสัย
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ พูดเสียงต่ำว่า “ไม่มีอันใดเพคะ เพียงรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ เหมือนเคยเห็นจากที่ใดมาก่อน”
คุ้นเคย?
สิ่งแรกที่เยี่ยโยวเหยานึกได้คือสถานะของซูจิ่นซีที่เกี่ยวข้องกับสกุลจง ยังมี…
เขาไม่ได้พูดอันใด เพื่อให้ซูจิ่นซีรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด เขาปกป้องนางอย่างระมัดระวัง พานางเดินเข้าไปยังลานโล่งภายในถ้ำ
สิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ด้านหน้าแล้ว ขณะเดียวกันอันตรายที่ร้ายแรงก็มาพร้อมกับเป้าหมายที่อยู่ด้านหน้าเช่นกัน
ดีร้ายปะปนกัน ผลประโยชน์และอันตรายอยู่ร่วมกัน
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปยังลานโล่งภายในถ้ำ สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือน้ำสีมรกต หรือพูดให้ถูกคือสระมรกต
บนสระมีพืชพรรณนานาชนิดเจริญเติบโตอยู่ ไม่มีสายลมพัดไหว ทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรที่พวกเขาต้องการ ยาสมุนไพรเติบโตเต็มที่แล้ว เมล็ดพันธุ์ก็สุกอิ่มสมบูรณ์เช่นกัน