สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 12 ตอนที่ 341 สมุนไพรกินคน ความรักไม่ยืนยาว
ซูจิ่นซีไม่ได้ยินเสียงของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ทั้งไม่มีเวลาสนใจเขา
เพราะดูเหมือนสถานการณ์ของเยี่ยโยวเหยาไม่สู้ดีนัก
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ต่อสู้กับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เยี่ยโยวเหยาอาเจียนออกมาเป็นเลือด ใบหน้าซีดขาวอย่างมาก
หลังจากซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมา สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกคือจอมวายร้ายไป๋เฉ่าสะบัดแส้ไปที่เยี่ยโยวเหยาซึ่งกำลังอ่อนแรง ขณะเดียวกัน ระบบถอนพิษก็แจ้งเตือนว่าเยี่ยโยวเหยาถูกพิษอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาถูกพิษที่บริเวณฝ่ามือด้านซ้าย
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ”
ซูจิ่นซีพยายามดูที่มือซ้ายของเยี่ยโยวเหยา ทว่าเขากลับหลบเลี่ยง
เยี่ยโยวเหยาดึงเข็มเงินจากฝ่ามือทิ้งไปบนพื้น ก่อนจะมองซูจิ่นซี “เจ้ารู้สึกอย่างไร? ”
แม้อาการปวดกระดูกและอาการบาดเจ็บภายในจะทำให้เยี่ยโยวเหยาเจ็บปวดอย่างมาก ทว่าดวงตาของเขาไม่อาจปกปิดความรู้สึกยินดีที่เห็นซูจิ่นซีฟื้นขึ้นมา
ช่วงเวลาที่ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นนั้น ระบบถอนพิษได้รายงานปริมาณและส่วนประกอบสารพิษทั้งหมดที่อยู่ในร่างของนาง และบันทึกการใช้ยาขณะที่นางหมดสติไป
นางดื่มเลือดของสัตว์เทพกิเลน ทำให้สารพิษในร่างกายค่อยๆ ลดลง
“หม่อมฉันไม่เป็นไรแล้วเพคะ ท่านอ๋องให้หม่อมฉันดูอาการบาดเจ็บของท่านเถิด”
“ข้าไม่ได้เป็นอันใดมาก เจ้าดูออกหรือไม่ว่าข้าถูกพิษอันใด? สามารถปรุงยาถอนพิษได้หรือไม่? ”
แม้พิษของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าจะไม่ใช่ยาพิษทั่วไป ทว่าซูจิ่นซีสามารถถอนพิษได้ไม่ยาก
“ได้เพคะ! ทว่าท่านอ๋องให้หม่อมฉันดูอาการของท่านว่าเป็นอย่างไรบ้างได้หรือไม่? ”
ดวงตาดำขลับลุ่มลึกของเยี่ยโยวเหยาส่องประกายแปลกประหลาด ก่อนจะยื่นแขนขวาให้ซูจิ่นซี
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีต้องการดูมือซ้ายของเยี่ยโยวเหยา นางอยากรู้ว่าส่วนที่ถูกเข็มพิษนั้นมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จำเป็นต้องจัดการรักษาหรือไม่ แต่ในเมื่อเยี่ยโยวเหยายื่นมือขวาออกมา นางก็ไม่คิดอันใดมาก ทำเพียงตรวจชีพจรให้เยี่ยโยวเหยา
“เฮ้ เจ้าฉี เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เมื่อครู่ดูเหมือนว่าแส้ของข้าไม่ได้ทำร้ายเขาไม่ใช่หรือ? เหตุใดเขาถึงได้รับบาดเจ็บภายในเล่า? ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าจับไปที่หน้าอกด้วยความเจ็บปวด พลางมองเยี่ยโยวเหยาที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะเดินไปด้านข้างมู่หรงฉีทีละก้าว
มู่หรงฉีมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยความเป็นห่วงอยู่บ้าง ทว่าเวลานี้ดูเหมือนเรื่องของเยี่ยโยวเหยาน่ากังวลมากกว่า
มู่หรงฉีตั้งใจพูดเสียงเบา เพื่อป้องกันไม่ให้ซูจิ่นซีได้ยิน “เจ้าดูไม่ออกหรือ? ”
ดู?
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าหันไปมองเยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียดอีกครั้ง
เขาพบว่าเยี่ยโยวเหยาซ่อนมือซ้ายไว้ในแขนเสื้อตลอดเวลา ทั้งหน้าผากยังมีรอยดำ
“แย่แล้ว ที่แท้นี่เป็นอาการกำเริบของหมุดกร่อนรัก โชคดีที่ข้าดึงแส้ไว้ได้ทันเวลา หากฟาดไปโดนเขา ข้าคงเอาชนะเขาอย่างไม่สมศักดิ์ศรีเป็นแน่”
ดวงตาของมู่หรงฉีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาหันไปมองดวงจันทร์ที่ส่องสว่างตามเส้นทางเดินลงเขา พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย
“จอมวายร้าย ไปเถิด! มีปัญญามากไปมักทำร้ายตนเอง ทุ่มเทกับความรักลึกซึ้งมักไม่ยืนยาว”
“อะไรกับอะไรนะ? ข้าไม่เข้าใจ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดเสียงต่ำ ขณะเดินตามหลังมู่หรงฉีไป
แท้จริงแล้ว ที่ให้ซูจิ่นซีมายังแดนต้องห้ามของสกุลจงในครั้งนี้ ก็เพื่อทดสอบสถานะของซูจิ่นซีว่านางเป็นคนของสกุลจงหรือไม่ หากซูจิ่นซีไม่ถูกพิษ พวกเขาอาจไม่ปรากฏตัว
เวลานี้มู่หรงฉีมั่นใจแล้วว่าซูจิ่นซีคือน้องสาวแท้ๆ ของตน เรื่องมากมายหลังจากนี้ต้องทำตามแผนที่วางไว้
ซูจิ่นซีตรวจชีพจรให้เยี่ยโยวเหยา พบว่าอาการของเขารุนแรงมาก เขาได้รับบาดเจ็บขณะที่รับมือกับสัตว์เทพกิเลนในถ้ำ กอปรกับอาการบาดเจ็บเดิมอีก
อาการบาดเจ็บเดิมนั้นเป็นมาระยะหนึ่งแล้ว
“อาการบาดเจ็บเดิมของท่านอ๋องยังไม่หายดีใช่หรือไม่? ”
“ในเมื่อเป็นอาการบาดเจ็บเดิม จะหายดีง่ายดายได้อย่างไร? อาจเพราะหลายวันมานี้ข้าเหน็ดเหนื่อยมาก จึงทำให้อาการกำเริบ”
ดวงตาซูจิ่นซียังมีความสงสัยอยู่บ้าง
“ท่านอ๋อง แล้วมือข้างนั้น”
ครั้งนี้เยี่ยโยวเหยาไม่ปกปิดอีก เขายื่นมือซ้ายออกมาอย่างเปิดเผย รอยดำบนฝ่ามือถูกปกปิดด้วยผิวหนังมนุษย์ชั้นดี นอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาปลอมตัวขั้นสูงเท่านั้น ผู้อื่นไม่มีทางมองความแตกต่างระหว่างผิวหนังปกติกับผิวหนังชิ้นนั้นได้
ซูจิ่นซีตรวจชีพจรที่ข้อมือซ้าย ทันใดนั้นก็เกิดความคิดบางอย่างภายในใจ นางมองดูมือซ้ายของเยี่ยโยวเหยา
“เอ๊ะ… ”
“เป็นอย่างไร? ” เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เมื่อครู่ท่านอ่องดึงเข็มเงินออกจากฝ่ามือ ทว่าไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย”
แม้จะเป็นเข็มเงิน ก็ต้องมีรอยแผลบ้าง!
“ข้าใช้พลังต้านทานไว้ เข็มจึงเจาะเข้าไปไม่ลึกมาก”
เยี่ยโยวเหยาดึงมือกลับ ไม่ยอมเผยพิรุธให้เห็น
แม้ซูจิ่นซีจะมีความสงสัยอยู่บ้าง ทว่าไม่ได้คิดอันใดมาก
นางพลิกฝ่ามือ นำยาเม็ดจากระบบถอนพิษออกมามอบให้เยี่ยโยวเหยาหนึ่งเม็ด “ท่านอ๋อง นี่เป็นยาถอนพิษเพคะ”
เยี่ยโยวเหยารับยาเม็ดมาและทานลงไป จากนั้นจึงเดินพลังสลายพิษ ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อซูจิ่นซีทำการตรวจสอบอีกครั้ง จึงพบว่าสารพิษในร่างกายลดลงไปมาก ยาที่เหลือค่อยๆ ออกฤทธิ์สลายพิษ
ซูจิ่นซีนำยาเม็ดสีขาวออกมาจากระบบถอนพิษอีกครั้งและมอบให้เยี่ยโยวเหยา
“ยาเม็ดนี้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในของท่านอ๋องได้ชั่วคราวเพคะ อย่างไรก็ตาม หากต้องการรักษาให้หาย หลังกลับถึงแคว้นจงหนิงยังต้องให้หมอหลวงอวิ๋นหรือหมอเทวดาหวาตรวจดูอาการเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าและทานยาเม็ดนั้นลงไป
ซูจิ่นซีประคองเยี่ยโยวเหยาให้ลุกขึ้น ก่อนจะพาเดินลงเขา
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พวกเขาทั้งสองต่างหยุดเดินอย่างกะทันหัน
เยี่ยโยวเหยาหรี่ดวงตาเคร่งขรึม อาศัยสัมผัสทั้งห้าฟังเสียงโดยรอบ
ซูจิ่นซีเพิ่มระดับอาคมกำไลปี่อั้นถึงระดับสูงสุดเช่นกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ ทั้งสองสบตากัน ในแววตาของทั้งคู่ปรากฏสัญญาณเฝ้าระวัง
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซี ปกป้องซูจิ่นซีไว้ข้างกายตนเอง
“อีกสักครู่ ไม่ว่าเห็นสิ่งใด จำไว้ว่าต้องอยู่ข้างกายข้าเท่านั้น”
“เพคะ” ซูจิ่นซีพยักหน้าอย่างจริงจัง
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีเดินหน้าต่อไป
ค่ำคืนมืดสนิท สรรพสิ่งล้วนตกอยู่ในความเงียบสงัด
ราวกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบด้านไร้ซึ่งลมหายใจ ไม่มีแม้แต่เสียงจั๊กจั่นร้อง ความเงียบสงัดเช่นนี้แฝงไว้ด้วยความผิดปกติและความน่ากลัว
ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘หวืด’ ดังขึ้นทางด้านหลังของพวกเขา เยี่ยโยวเหยาไม่ทันได้หันไปมอง เขาพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นและรีบเร่งมุ่งไปยังเบื้องหน้า ไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใดที่ตามมาด้านหลัง ทว่าเสียงนั้นติดตามพวกเขาทั้งสองมาอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีไม่มีเวลาให้หันหลังกลับไปมอง
‘หวืด’
ยาสมุนไพรรูปร่างประหลาดชนิดหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา เป็นดอกฮวากู่รูปร่างเหมือนสัตว์ประหลาดอ้าปากกว้าง มันมุ่งหน้ามาทางพวกเขาทั้งสอง
สมุนไพรกินคน!!!
ทั้งสองไม่ทันได้คิดว่า เหตุใดแดนต้องห้ามของสกุลจงจึงมีสิ่งเหล่านี้ได้ พวกเขารีบเร่งเปลี่ยนทิศทาง หลบไปทางด้านซ้ายของสมุนไพรกินคนทันที
เยี่ยโยวเหยาเพิ่งโอบกอดซูจิ่นซีให้ล้มกลิ้งลงบนพื้น สมุนไพรที่อยู่ด้านข้างพลันแปรเปลี่ยนเป็นสมุนไพรกินคน มันกระโดดออกมาและเกือบจะเขมือบศีรษะของซูจิ่นซี
ขณะที่ทั้งสองพยายามหลบหลีกอยู่นั้น แผ่นหลังพลันรู้สึกเย็นวาบ
ซูจิ่นซีรีบใช้ระบบถอนพิษค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรกินคน อย่างไรก็ตาม ระบบถอนพิษปรากฏเพียงชื่อของสมุนไพรกินคนเท่านั้น มันเป็นพืชมีพิษที่มนุษย์ทำการศึกษาและทดลองปลูก ทว่าไม่ได้เสนอวิธีจัดการกับมัน