สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 12 ตอนที่ 351 เหยียบหุบเขาเทพโอสถให้ราบเป็นหน้ากลอง
“เจ้าก็รู้จักอั้นหรานเซียวหุนหรือ? ”
“แค่บังเอิญ… เคยได้ยินมาเท่านั้น”
เคยได้ยินมาอย่างนั้นหรือ เวลานี้อั้นหรานเซียวหุนซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของซูจิ่นซี
อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เยี่ยโยวเหยามอบให้นาง ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าต่างแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับมอบให้นางเพียงผู้เดียว เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเยี่ยโยวเหยาเชื่อใจนางมากเพียงใด ดังนั้นนางไม่มีทางบอกจงเหมยจวงว่าอั้นหรานเซียวหุนอยู่ที่ใดเป็นอันขาด
ครู่เดียว สีหน้าของจงเหมยจวงก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “สิ่งของอัปมงคลเช่นนั้น หากไม่ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้ก็คงจะดี ผู้คนจำนวนมากทั่วทั้งใต้หล้าต่างพลัดพรากจากครอบครัวและสิ้นเนื้อประดาตัวก็เพราะมัน การปรากฏตัวของมันอาจทำให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นอย่างต่อเนื่อง”
ซูจิ่นซีมีความเข้าใจเกี่ยวกับอั้นหรานเซียวหุนอย่างจำกัด นางรับรู้จากคำพูดของเยี่ยโยวเหยากับจงเหมยจวงเท่านั้น เมื่อมีข้อมูลจำกัด นางจึงไม่มีความคิดเห็นใดๆ
“ในปีนั้น ที่เมืองเจียงหลิงเกิดอันใดขึ้นกันแน่? การตายของมารดาข้าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเมืองเจียงหลิงหรือไม่? ”
ซูจิ่นซียังคงดึงดันต้องการรู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในเมืองเจียงหลิง ทั้งความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของมารดานาง
แววตาของจงเหมยจวงเคร่งขรึม นางทอดสายตาออกไปไกล “เมืองเจียงหลิงในปีนั้น… ”
ขณะที่จงเหมยจวงกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “พระชายา หมอเทวดาหวามาถึงแล้วเพคะ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว หมอเทวดาหวามาไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย ทว่าเวลานี้ สิ่งสำคัญเบื้องหน้าคืออาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยา
“ข้าจะให้คนจัดเตรียมที่พักให้ท่านก่อน ที่แห่งนี้เป็นคฤหาสน์ในเมืองอวี๋โจวของท่านอ๋อง รอบด้านล้วนเป็นคนของท่านอ๋อง แม้หนานกงหว่านเอ๋อร์และจงจิงเฉินจะมีความสามารถมากเพียงไร ก็ไม่มีทางบุกมาถึงที่นี่ได้ หลังจากให้หมอเทวดาหวาดูอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปหาท่านอีกครั้ง”
“ตกลง” จงเหมยจวงพยักหน้า
ซูจิ่นซีเรียกบ่าวรับใช้พลางกำชับให้ไปจัดเตรียมสถานที่พักและพาจงเหมยจวงไปพักผ่อนก่อน
ขณะที่จงเหมยจวงกำลังจะเดินออกจากประตู ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็พูดขึ้นว่า “ข้ารักเยี่ยโยวเหยา ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดีหรือเลว แต่เพราะเขาคือเยี่ยโยวเหยา แม้เขาจะไม่เพียบพร้อมหรือมีข้อด้อยมากมาย ข้าก็ยังรักเขา ในเมื่อเขาเป็นคนบาปหนา ข้าก็เต็มใจจะแบกรับไปพร้อมกับเขา หากเขาหลอกลวงข้า… ข้าจะตอบแทนเขากลับเป็นร้อยเท่าพันเท่า ทว่าอย่างน้อยข้าก็มีเหตุผลอธิบายให้เขาฟัง”
ในที่สุดซูจิ่นซีก็ตอบคำถามที่จงเหมยจวงถามครั้งแรก จงเหมยจวงหยุดเดินและหันกลับมามองซูจิ่นซีด้วยสายตาชื่นชมโดยไม่ได้พูดอันใดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
เมื่อหมอเทวดาหวามาถึง ก็ทำความเคารพซูจิ่นซี
“ไม่ต้องมากพิธี! ดูอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องเถิดว่าเป็นอย่างไร? ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ” หมอเทวดาหวารีบเข้าไปตรวจดูอาการของเยี่ยโยวเหยา
ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอเทวดาหวาหันกลับมาพร้อมขมวดคิ้วเคร่งเครียด
“เป็นเช่นไร? ” ซูจิ่นซีถาม
“ทูลพระชายา อาการบาดเจ็บของท่านอ๋องไม่สู้ดีนัก ทว่าโชคยังดีที่ก่อนหน้านี้ได้เสวยยารักษาอาการบาดเจ็บไปบ้างแล้ว จึงสามารถรักษาพลังลมปราณกับจุดตันเถียนไว้ได้ มิฉะนั้นหมุด… มิฉะนั้นอาการบาดเจ็บภายใน กอปรกับอาการบาดเจ็บใหม่ นอกจากจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บแล้วยังอาจสูญสิ้นวรยุทธ์ทั้งหมดอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“อาการหนักถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? ”
ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ยารักษาอาการบาดเจ็บชั้นเลิศที่หมอเทวดาหวาพูดถึงนั้นคงเป็นดีงูที่เยี่ยโยวเหยาทานไปก่อนหน้านี้ โชคยังดีที่ก่อนออกเดินทาง ซูจิ่นซีได้นำเอาดีงูติดตัวมาด้วย มิฉะนั้นที่ตัวนางคงไม่มีสมุนไพรชนิดใดที่มีคุณภาพสูงไปกว่าดีงูอีกแล้ว
หากเป็นเช่นนี้จริง ผลลัพธ์ของมัน… ซูจิ่นซีคงไม่อาจคาดเดาได้
ซูจิ่นซีรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ขนลุกชันไปทั้งตัว
“ดูจากอาการของท่านอ๋องในเวลานี้ ต้องพักฟื้นกี่วันจึงจะหายดี? ”
“น้อยสุดสามถึงห้าเดือน มากสุดอาจนานกว่าครึ่งปี ทว่าหากต้องการรักษาให้หายเป็นปลิดทิ้ง เกรงว่าจะไม่ง่ายเช่นนั้น”
“ทำไม? อาการหนักมากหรือ? ” ซูจิ่นซีถามพลางขมวดคิ้วเคร่งเครียด
หมุดกร่อนรักได้เกิดอาการสะท้อนกลับอย่างสมบูรณ์แล้ว หากต้องการดึงหมุดกร่อนรักออกคงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม หมอเทวดาหวารู้ดีว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการให้ซูจิ่นซีทราบเรื่องนี้ เมื่อครู่เขาเกือบพลั้งปากพูดออกไป ทว่ายังเปลี่ยนคำพูดได้ทัน
“อาการบาดเจ็บเก่าของท่านอ๋อง กระหม่อมได้ทำการรักษาให้ท่านอ๋องมานานหลายปีแล้ว หากต้องการรักษาให้หายขาด คงไม่ใช่เรื่องง่าย สามถึงห้าเดือนนี้ท่านอ๋องทำได้เพียงพักฟื้นให้อาการดีขึ้นเท่านั้น และภายในหนึ่งปีนี้ เกรงว่ายังไม่สามารถกลับไปที่แคว้นจงหนิงได้พ่ะย่ะค่ะ”
“กลับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับ เมืองหลวงยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหกกรมและหลานเสวียนหมิงอยู่ พวกเขาสามารถดูแลได้สักระยะหนึ่ง คาดว่าตระกูลอวี่เหวินคงไม่สามารถทำอันใดได้มากนัก เขียนเทียบยาเถิด! เจ้าต้องการสมุนไพรตัวใดก็รีบบอกมา”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
จากนั้น หมอเทวดาหวาจึงเขียนเทียบยาตามอาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยา
หลังจากยื่นเทียบยาแผ่นสุดท้ายให้ซูจิ่นซีแล้ว นางก็อ่านอย่างละเอียดและวิเคราะห์อยู่พักใหญ่ นี่เป็นเทียบยาที่รักษาอาการบาดเจ็บได้ดีมาก
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ระบบถอนพิษได้เก็บรวบรวมสมุนไพรจากแดนต้องห้ามของสกุลจงมาทั้งหมด ในระบบถอนพิษของซูจิ่นซีมีสมุนไพรหลายชนิด สมุนไพรใดที่ไม่มี นางก็ยังมีเมล็ดพันธุ์สมุนไพร ซูจิ่นซีสามารถใช้ระบบถอนพิษเพาะเลี้ยงมันได้ อย่างไรก็ตาม มีสมุนไพรเพียงสองชนิดที่ซูจิ่นซีไม่มี นั่นคือ ฮว้าซงและชวนซี ทว่าซูจิ่นซีเคยพบสมุนไพรสองชนิดนี้ที่หุบเขาเทพโอสถ เนื่องจากระบบถอนพิษเคยบันทึกไว้
“อย่างช้าที่สุด สมุนไพรเหล่านี้จะพร้อมตอนพรุ่งนี้ช่วงสาย ทันหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม
ใบหน้าหมอเทวดาหวาปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย
ต้องรู้ว่า เทียบยาที่เขาเขียนขึ้นนั้น เขาเองยังเป็นกังวลว่าจะหาสมุนไพรทั้งหมดได้ครบหรือไม่! ไม่คิดว่าซูจิ่นซีจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็สามารถหาสมุนไพรทั้งหมดครบได้
หมอเทวดาหวาอดพูดยืนยันกับซูจิ่นซีอีกครั้งไม่ได้ “พระชายา สมุนไพรหลายตัวในเทียบยาหายากยิ่งนัก ท่านมั่นใจหรือว่าพรุ่งนี้จะสามารถรวบรวมมาได้ครบ? ”
ซูจิ่นซีรู้สึกไม่พอใจที่หมอเทวดาหวาสงสัยในความสามารถของนาง “ทำไม? มีปัญหาหรือ? ”
“ไม่… ไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ!”
ใบหน้าหมอเทวดาหวาเผยให้เห็นความดีใจ
ซูจิ่นซีหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งใบและเขียนคำว่าฮว้าซงกับชวนซี ก่อนจะเดินออกไปนอกเรือนเพื่อเรียกองครักษ์เงา นางใช้แขนเสื้อบังขณะแอบหยิบเมล็ดพันธุ์สมุนไพรทั้งสิบสองชนิดที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าต้องการออกมาจากระบบถอนพิษ และมอบให้องครักษ์เงาพร้อมกับกระดาษใบนั้น
“มอบสิ่งเหล่านี้ให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่า เจ้าหุบเขาเทพโอสถ และบอกเขาว่าสิ่งที่เขาต้องการ ข้าหาให้ครบแล้ว ทว่าข้าต้องการสมุนไพรสองชนิดนี้เป็นการด่วน ให้เขารีบนำมาให้ข้าเสีย มิฉะนั้นเรื่องที่เขาหลอกท่านอ๋องกับข้าเข้าไปในแดนต้องห้ามของสกุลจง ข้าจะคิดบัญชีแค้นโดยการเหยียบหุบเขาเทพโอสถให้ราบเป็นหน้ากลอง” ที่ซูจิ่นซีกล่าวคือให้จอมวายร้ายไป๋เฉ่ามอบสมุนไพรให้นาง ไม่ใช่ให้นางไปขอสมุนไพรที่หุบเขาเทพโอสถ
เหยียบหุบเขาเทพโอสถให้ราบเป็นหน้ากลอง?
เป็นครั้งแรกที่องครักษ์เงาได้ยินคำพูดดุดันเช่นนี้จากปากของซูจิ่นซี พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ทว่าไม่กล้าชักช้าเสียเวลา จึงรับของทั้งหมดมาจากซูจิ่นซีและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้องบอกว่า การออกหน้าของซูจิ่นซีในครั้งนี้ ช่างมีอำนาจและได้ผล
ตามกฎของหุบเขาเทพโอสถ หากต้องการขอสมุนไพร ต้องทำตามเงื่อนไขของหุบเขาเทพโอสถให้สำเร็จเสียก่อน ทว่าหลังจากที่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าได้ยินคำพูดของซูจิ่นซีจากองครักษ์เงา เขาก็มอบสมุนไพรทั้งสองชนิดให้ทันที
ทั้งยังส่งมาให้ภายในคืนนี้อีกด้วย ช่างรวดเร็วยิ่งนัก