สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 13 ตอนที่ 381 ให้เจ้าอบอุ่นร่างกาย
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาก็สบตากัน
เยี่ยโยวเหยาใช้มือข้างเดียวจับกูสือซานเหมือนหิ้วกระสอบป่าน ส่วนอีกมือหนึ่งโอบเอวซูจิ่นซีไว้ พาเหาะออกจากหอเซียงฟาง
ภายนอกยังมีหมอกสีแดงกระจายอยู่ทั่วไป ไอพิษหนาแน่น ไร้ซึ่งชีวิตชีวา
ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีแสงสว่างเจิดจ้า ลำแสงของกระบี่พุ่งเข้ามาหาซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา ขวางเส้นทางพวกเขาไว้
เยี่ยโยวเหยาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว พาซูจิ่นซีกับกูสือซานที่ถูกสกัดจุดร่อนลงสู่พื้น แววตาเย็นชาและดุดันจ้องมองไปที่เจ้าของกระบี่ผู้นั้น
คนผู้นั้นไม่ได้ใส่ใจเยี่ยโยวเหยา นึกไม่ถึงว่านางจะเอ่ยปากพูดกับซูจิ่นซีว่า “จิ่นซี สุขสบายดีหรือ? ”
“อนุซุน? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าไม่นานสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นชา “ไม่สิ! เจ้าไม่ใช่อนุซุน ข้ายังรู้สึกสงสัยว่าเจ้าเป็นเหมือนซิ่งหลิวหลีที่ก่อนหน้านี้สังหารอนุซุนและแสร้งทำตัวเป็นนางใช่หรือไม่? หรือตั้งใจเป็นอนุของซูจ้งเพื่อต้องการเข้ามายังแคว้นจงหนิง? หากเป็นกรณีหลัง… เจ้าช่างมีความพยายามมากจริงๆ ! ”
แม้ซูจิ่นซีจะบอกว่าประหลาดใจ ทว่าท่าทางของนางกลับไม่ได้แสดงถึงการรอคอยคำตอบของอนุซุนแม้แต่น้อย
อนุซุนไม่คิดจะพูดกับซูจิ่นซีให้มากความ “ข้าคือผู้คุมกฎ ไม่สำคัญว่าข้าเข้าไปในจวนสกุลซูได้อย่างไร ที่สำคัญคือ… ซูจิ่นซี วันนี้ข้าต้องช่วยราชครูกูให้ได้ เจ้าและโยวอ๋องได้รับพิษแคว้นจงหนิงของข้าไปแล้ว ข้าขอเตือนพวกเจ้า อย่าพยายามดิ้นรนให้เสียเวลา ส่งตัวราชครูกูคืนมา ข้าอาจทบทวนทิ้งยาถอนพิษให้พวกเจ้าก่อนจะจากไป”
“ผู้คุมกฎหรือ? ดูแล้วเจ้าคงมีตำแหน่งใหญ่โตในแคว้นไหวเจียง! ” ซูจิ่นซีแย้มยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ผู้คุมกฎซุน ดูเหมือนเจ้าจะชอบใช้ยาพิษเช่นกัน เช่นนั้นวันนี้เจ้ามาเล่นเป็นเพื่อนข้าสักครั้งดีหรือไม่? เจ้าเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อมายังแคว้นจงหนิง ข้าจะเป็นเจ้าบ้านที่เสียมารยาทได้อย่างไร? วางใจเถิด ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี! ”
ดวงตาของซูจิ่นซีเปล่งประกาย รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปาก นิ้วทั้งห้ากางออกดุจกรงเล็บปีศาจและพุ่งตรงไปคว้าอนุซุน
แม้อนุซุนจะไม่เคยปะทะกับซูจิ่นซีซึ่งหน้า ทุกครั้งล้วนเป็นการลอบทำร้าย ทว่านางรู้ดีถึงความสามารถด้านวิชาพิษของซูจิ่นซี จึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
อนุซุนเก็บกระบี่ รวบรวมสมาธิไปที่การกระทำของซูจิ่นซี หมอพิษวางยาอย่างไร้ร่องรอย ไม่อาจผิดพลาดทุกรายละเอียด
ใบหน้าของซูจิ่นซีไร้ซึ่งรอยยิ้ม ทำให้คาดการณ์ได้ยาก
ในด้านพละกำลัง ซูจิ่นซีเหนือกว่าอนุซุน
“พระชายาโยวอ๋อง ระวังให้ดี! ”
อนุซุนมองท่าทางของซูจิ่นซีพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา นางยกข้อมือซ้ายและพลิกกลับอย่างรวดเร็ว บนข้อมือปรากฏกระดิ่งทองพวงหนึ่งซึ่งส่งเสียงกังวาลไพเราะ
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าพลังงานสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากทิศทางใด มันพุ่งเข้าจู่โจมซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างดูหมิ่น “เป็นมดพิษอีกแล้ว ลูกไม้เก่าๆ ! ใช้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีพูดพลางหันไปมองเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้าง เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะขึ้น ซูจิ่นซีสาดผงพิษสีขาวไปหนึ่งกำมือ มดพิษที่บินมาเต็มท้องฟ้าจึงร่วงหล่นลงพื้นราวกับหิมะ
ก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่หุบผาราชันพิษและหุบเขาร้อยบุปผา ซูจิ่นซีได้พบกับมดพิษเช่นนี้หลายครั้ง ทว่าไม่ได้สนใจ
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีจัดการกับมดพิษ เมื่อกลับลงมายืนที่จุดเดิม หูของซูจิ่นซีพลันกระดิกสองครั้ง นางจับเสียงการเคลื่อนไหวของบางสิ่งได้อย่างว่องไว มุมปากจึงยกยิ้มเล็กน้อย
ไม่นานนักก็มีเสียง ‘หึ่ง หึ่ง หึ่ง’ ดังขึ้น
ผึ้งพิษโลหิตบินมาทางพวกเขาทั้งสองราวกับก้อนเมฆหลากสี
การรับมือผึ้งโลหิตกับการรับมือมดพิษนั้นย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา
เดิมทีในตัวของมดพิษนั้นไม่มีพิษ คนเลี้ยงมดต้องฝังพิษไว้ในร่างกายของมัน ดังนั้นมดจึงมีพิษ
ทว่าผึ้งโลหิตไม่เหมือนกัน ในตัวของผึ้งเหล่านี้มีพิษอยู่แล้ว กอปรกับที่มันถูกเลี้ยงด้วยพิษ ตัวของมันจึงกลายเป็นสีแดงโลหิตอย่างที่เห็น
สารพิษในตัวของมันคาดเดาได้ยาก
ซูจิ่นซีหลับตาลงด้วยเหตุผลบางอย่าง นางไม่ได้พูดอันใด เยี่ยโยวเหยาไม่รู้ว่าซูจิ่นซีคิดจะทำสิ่งใด จึงทำได้เพียงพาซูจิ่นซีกระโดดหมุนตัวถอยหลังไปสองก้าว ทว่าทันใดนั้น… ซูจิ่นซีก็เอียงตัวนอนตะแคง ในมือพลันปรากฏสมุนไพรชนิดหนึ่ง นางยกมือขึ้น สาดสมุนไพรไปทางผึ้งพิษโลหิตที่ไล่ตามมา ทันใดนั้นผึ้งพิษฝูงแรกที่พุ่งเข้ามาก็กลายเป็นสีทอง
จากกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยในอากาศ เหล่าผึ้งพิษที่กลายเป็นสีทองราวกับต้องเวทมนตร์ มันหันหลังกลับไปรุมกัดเหล่าผึ้งโลหิตที่เหลืออยู่อย่างบ้าคลั่ง
ซูจิ่นซีใช้สิ่งใดกันแน่?
อนุซุนและกูสือซานที่ถูกสกัดจุดไว้ไม่ให้ขยับตัว มองกลุ่มผึ้งสีแดงและกลุ่มผึ้งสีเหลืองทองต่อสู้กัน จากนั้นจึงขมวดคิ้วมองไปที่ซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีหรี่ตาลง จ้องตอบอนุซุนอย่างยั่วยุ
อนุซุนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นฉากที่อยู่เบื้องหน้า นางยิ่งไม่กล้าละเลยซูจิ่นซี ทว่าสีหน้ายังคงแสดงออกถึงความดูหมิ่นเย้ยหยันซูจิ่นซี
“วิธีการเล็กน้อยนี้ เพื่อให้พระชายาโยวอ๋องได้อบอุ่นร่างกาย”
“ใช่หรือ? ” ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏรอยยิ้มซับซ้อน ยิ่งทำให้ผู้คนหยั่งความคิดในใจนางได้ยาก “ผู้คุมกฎซุน การต้อนรับเช่นนี้ ข้าจะไม่ตอบแทนท่านได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีพูดพลางกางกรงเล็บทั้งห้าพุ่งเข้าจู่โจมอนุซุน ทั้งยังเผยรอยยิ้มยากคาดเดา
เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซีทันที และด้วยความเร็วดุจเงาปีศาจ เพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็มาถึงข้างกายของอนุซุนแล้ว
อนุซุนพยายามหลบหนี ทว่าวิชาตัวเบาของนางสู้เยี่ยโยวเหยาไม่ได้จึงหลบไม่พ้น ซูจิ่นซีแทงเข็มเงินไปที่แก้มซ้ายและขวาของอนุซุน โดยที่มือของนางได้รับการถ่ายเทพลังจากเยี่ยโยวเหยา อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้แทงทะลุผิวหนังของอนุซุนแม้แต่น้อย
หลายต่อหลายครั้งที่เข็มเงินเกือบแทงใบหน้าอนุซุน ทว่าซูจิ่นซีกลับดึงมือกลับได้ทันเวลา
ผ่านไปครู่ใหญ่ เยี่ยโยวเหยาก็พาซูจิ่นซีออกมายืนด้านข้าง
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความพึงพอใจอย่างมาก นางหันไปทางอนุซุนและโบกมือไปมา เพื่อแสดงว่าตนไร้บาดแผล ไม่ได้รับความเสียหายอันใด ทั้งยังถือเข็มเงินที่มีพิษรุนแรงไว้ในมืออีกด้วย
“ซูจิ่นซี เจ้าล้อเลียนข้า! ” อนุซุนเดือดดาลขึ้นมาทันที นางจ้องหน้าซูจิ่นซีเขม็ง
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน
“เจ้ากับข้านับเป็นศัตรู เมื่อข้าต่อสู้กับศัตรู เหตุใดยังต้องรักษาคำมั่นสัญญาของวิญญูชนเล่า? ข้าเพียงใช้วิธีการเล็กน้อย เพื่อให้ผู้คุมกฎซุนได้อบอุ่นร่างกายบ้าง”
อนุซุนพูดว่าต้องการให้ซูจิ่นซีอบอุ่นร่างกาย ทว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นฝีมือที่แท้จริง แม้มดพิษและผึ้งพิษจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับซูจิ่นซี แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของอนุซุนคือเพื่อทดสอบความสามารถของซูจิ่นซีอีกครั้ง
ทว่าซูจิ่นซีนั้นไม่เหมือนกัน!
เมื่อครู่นี้อนุซุนคิดว่าความเร็วของนางเทียบเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ หลังจากที่ซูจิ่นซีถือเข็มเงินซึ่งมีพิษรุนแรงแทงเข้าที่แก้มนาง นางต้องเสียโฉมเป็นแน่ จึงหลบหลีกอย่างสุดความสามารถ
ทว่า… ซูจิ่นซีไม่ได้คิดทำร้ายนาง เพียงต้องการหยอกล้อนางเท่านั้น
เวลานี้ ซูจิ่นซีได้เรียนรู้วิธีการพูดเยาะเย้ยเหมือนอนุซุนก่อนหน้านี้ โดยพูดว่าให้อนุซุนอบอุ่นร่างกาย
การล้อเล่นเช่นนี้ทำให้อนุซุนอับอายขายหน้า นางจะยอมรับได้อย่างไร?
แววตาของอนุซุนแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน นางกำหมัดแน่นพลางเดินกำลังภายในไปที่ฝ่ามือ จนเกิดเป็นไอดำ