สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 14 ตอนที่ 401 ระบบถอนพิษมีความลึกลับที่คาดไม่ถึง
สัตว์เทพกิเลนนึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะกวักมือเรียก ทั้งในมือของซูจิ่นซียังถือดอกโบตั๋นแดงกับอวิ๋นกุ้ย สมุนไพรที่มันนึกอยากได้อยู่ในใจมานานแล้ว
ฮิ ฮิ คือว่า แม่จิ่นซี มันจะดีหรือ!
คือว่า… ท่านไม่เคยลืม แหะ แหะ!
คือว่า… หนูหิวมาก! แม่จิ่นซี ในเมื่อท่านมอบให้อย่างใจกว้าง เช่นนั้นหนูก็ไม่เกรงใจแล้ว!
สัตว์เทพกิเลนส่ายหางด้วยความเป็นมิตร มันดีใจอย่างถึงที่สุดจนหางแทบชี้ขึ้นฟ้า ก่อนจะค่อยๆ เดินไปหาซูจิ่นซีทีละก้าว และรับยาสมุนไพรทั้งสองชนิดจากมือของซูจิ่นซี
“กินสิ! เหตุใดจึงยังไม่กินเล่า? เจ้าท้องร้องแล้ว ต้องหิวมากแน่ๆ !”
ซูจิ่นซีเห็นสัตว์เทพกิเลนกอดสมุนไพรด้วยน้ำตาไหลพราก ทั้งยังไม่ยอมกิน นางจึงลูบไล้ศีรษะของมันอย่างอ่อนโยน
แม่จิ่นซี ท่านไม่รู้หรอก หนูรอยาสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้มานานแสนนาน รอจนดอกไม้บานแทบเหี่ยวแล้ว
ฮิ ฮิ…
ซูจิ่นซีหัวเราะและแย้มยิ้มอย่างสดใส
ดวงตาของสัตว์เทพกิเลนเปล่งประกายอีกครั้ง มันคิดว่าในที่สุดซูจิ่นซีก็เข้าใจคำพูดของมันแล้ว
กลับนึกไม่ถึงว่า ซูจิ่นซีจะลูบศีรษะของมันแล้วพูดว่า “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าอายุเท่าไร ทว่ามองจากสภาพร่างกายของเจ้า คงโตพอสมควรแล้ว ต่อไปอย่าได้สร้างปัญหาเหมือนเมื่อครู่นี้อีก หากมีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข ก็ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหา เข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาได้! ”
แม่จิ่นซี…
ไม่มีทาง ไม่มีทาง!
“พอแล้ว เจ้ากินเถิด! ข้าไปจัดระเบียบระบบถอนพิษก่อน หากข้ายังไม่ออกไปเสียที เยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านนอกอาจเป็นกังวลได้”
สัตว์เทพกิเลนมองเรือนร่างที่งดงามของซูจิ่นซีค่อยๆ เดินจากไป แม้ไม่มีแสงสว่างสาดส่องเป็นฉากหลัง แต่มันรู้สึกว่าร่างของซูจิ่นซีทอประกายแสงบางอย่าง
ในใจของสัตว์เทพกิเลนรู้สึกซับซ้อนยิ่งนัก
แม่จิ่นซีก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเช่นกัน!
ในใจของแม่จิ่นซีมีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่มีความสุขอันใดบ้างหรือไม่?
แม้เยี่ยโยวเหยาจะดุไปบ้าง เย็นชาไปบ้าง ทว่าเขาก็ดีกับแม่จิ่นซีอย่างมาก
เรื่องที่แม่จิ่นซีไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข ไม่สามารถพูดคุยกับเยี่ยโยวเหยาได้เลยหรือ?
เช่นนั้นต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นแน่!
สัตว์เทพกิเลนครุ่นคิดกับตนเองครู่หนึ่ง มันค่อยๆ นอนลงบนขั้นบันไดที่ซูจิ่นซีนั่งลงเมื่อครู่นี้ และแทะสมุนไพรในมือคำหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเหนือศีรษะด้วยท่าทางไม่พอใจ
หนูจะพยายาม หนูต้องพยายามให้ได้
หนูต้องฝึกฝนให้เร็วที่สุดเพื่อพัฒนาตนเอง จากนั้นหนูจะได้พูดในสิ่งที่แม่จิ่นซีเข้าใจ
ถึงเวลานั้น หากแม่จิ่นซีมีเรื่องอันใดที่ไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข ก็สามารถพูดคุยกับหนูได้
เมื่อระบบถอนพิษยกระดับเป็นขึ้นที่สอง ทำให้มีพื้นที่ว่างกว้างใหญ่ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
นอกจากระบบการรักษาที่มีอยู่แล้ว ยังมีห้องเก็บยาอีกหนึ่งห้อง ซูจิ่นซีได้ทำการจัดระเบียบไปครั้งหนึ่งแล้ว
อีกทั้งในระบบถอนพิษยังมีแปลงปลูกสมุนไพรที่พัฒนาขึ้นมาใหม่
เพียงใส่เมล็ดพันธุ์สมุนไพรเข้าไปในระบบถอนพิษ ระบบถอนพิษก็จะหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในแปลงปลูกสมุนไพรด้วยตัวมันเอง
แท้จริงแล้ว พื้นที่ในระบบถอนพิษก็เหมือนกับโลกภายนอก มีโรงเรือนที่เป็นระบบระเบียบ ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาว มีคลองสำหรับแปลงเพาะปลูก มีสะพานที่มีน้ำไหลผ่าน ทั้งยังมีเสียงนกร้องและดอกไม้ผลิบานงดงาม
ยิ่งไปกว่านั้น วิวทิวทัศน์ที่นี่ยังสวยงามยิ่งกว่าโลกภายนอกมากนัก
ซูจิ่นซีมาที่แปลงปลูกสมุนไพร
ทุ่งสมุนไพรกว้างไกลสุดสายตาส่งกลิ่นหอมของยาสมุนไพรหลากหลายชนิด ใบไม้สีเขียวอ่อนพลิ้วไหวไปตามลม
ยาสมุนไพรที่ปลูกในระบบถอนพิษสามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็วยิ่งกว่ายาสมุนไพรที่ปลูกอยู่ด้านนอก ซูจิ่นซีเพิ่งลงแปลงปลูกไปไม่กี่วัน สมุนไพรบางส่วนก็เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แล้ว และระบบถอนพิษก็ได้ทำการเก็บรวบรวมเข้าคลังยาสมุนไพร ดูจากอัตราการเจริญเติบโต ยาสมุนไพรที่เหลือก็จะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ในไม่ช้า
ด้วยอัตราความเร็วนี้ เพียงเก็บเมล็ดพันธุ์สมุนไพรให้มากพอ ระบบถอนพิษของนางก็จะสามารถรวบรวมยาสมุนไพรจำนวนมากในใต้หล้าไว้ได้ไม่ใช่หรือ?
หุบเขาร้อยบุปผา หุบเขาเทพโอสถ เมื่อถึงเวลานั้นก็ไร้ความหมาย
ซูจิ่นซีคิดพลางยิ้มเยาะอยู่ในใจ
ทว่าในขณะเดียวกัน ความคิดของนางก็พลันปรากฏเรื่องหนึ่งขึ้นมา ซูจิ่นซีรีบเดินกลับไปยังสถานที่ที่สัตว์เทพกิเลนอยู่ก่อนหน้านี้
แต่สัตว์เทพกิเลนไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว
ซูจิ่นซีมองไปรอบๆ ด้วยท่าทางสับสนเล็กน้อย
ที่นี่คือระบบถอนพิษ สัตว์เทพกิเลนควรอยู่ในอาคมกำไลปี่อั้นถึงจะถูก มันมาที่ระบบถอนพิษได้อย่างไร?
นอกจากยาสมุนไพรแล้ว ระบบถอนพิษไม่สามารถเก็บสิ่งอื่นได้
ซูจิ่นซีตั้งใจทบทวนความจำครู่หนึ่ง นางมั่นใจว่าครั้งสุดท้ายที่เรียกสัตว์เทพกิเลนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น คือตอนที่อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองตี้จิง นางกำลังต่อสู้กับอนุซุนและหลานอวี่เจ้าสำนักห้าพิษ ต่อมานางก็นำสัตว์เทพกิเลนเก็บไว้ในอาคมกำไลปี่อั้น ไม่ผิดพลาดแน่นอน
เป็นไปได้หรือไม่ที่สัตว์เทพตัวนี้สามารถเข้าออกมิติทั้งสองได้ หรือยังมีความลึกลับอย่างอื่นอีก?
ซูจิ่นซีไม่สามารถอธิบายได้
นางพยายามเรียกสัตว์เทพกิเลนกลับมา ทว่าทดลองอยู่หลายครั้งก็พบกับข้อจำกัดของมิติเวลา ไม่สามารถเรียกสัตว์เทพกิเลนจากอาคมกำไลปี่อั้นมายังระบบถอนพิษได้โดยตรง
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงทำได้เพียงเรียกสัตว์เทพกิเลนออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อซูจิ่นซีตั้งสมาธิเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น นางก็เห็นสัตว์เทพกิเลนนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดแท่นบูชา กำลังแทะอวิ๋นกุ้ยและดอกโบตั๋นแดงอย่างมีความสุข
ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นสัตว์เทพกิเลนที่ตัวโตและดุร้าย ทว่าหลังจากกลายร่างเป็นขนาดเล็กแล้วกลับมีลักษณะของสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ารักเช่นนี้ นางจึงไม่ต้องการเข้าไปรบกวน
ช่างเถิด แม้ซูจิ่นซีจะถามมัน ทว่าภาษามนุษย์กับภาษาสัตว์เทพนั้นไม่อาจสื่อสารกันอย่างเข้าใจได้ สุดท้ายซูจิ่นซีก็คงไม่ได้คำตอบอันใดจากปากของสัตว์เทพกิเลน
นางจึงออกจากอาคมกำไลปี่อั้น
เนื่องจากความสามารถของอาคมกำไลปี่อั้นที่ถูกปรับระดับให้เป็นความถี่สูงสุด เมื่อจิตของซูจิ่นซีกลับคืนสู่ร่าง นางจึงได้ยินเสียงบางอย่างดังชัดเจน เสียงนั้นดังมาจากด้านนอกเรือนชิงโยว
“พวกเจ้าถอยออกไป ถอยไป ข้ามีเรื่องต้องพูดกับเสด็จพี่ ถอยไป! ”
“คุณหนูมีเรื่องอันใด ท่านสามารถบอกบ่าวได้เช่นกัน บ่าวจะนำความไปทูลท่านอ๋องโดยมิให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว นิสัยของท่านอ๋องเป็นอย่างไร ท่านก็รู้ดี ที่นี่เป็นเรือนชิงโยวของท่านอ๋อง หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง พวกบ่าวย่อมไม่กล้าปล่อยคุณหนูเข้าไปหรอกขอรับ! ”
“พ่อบ้าน ยามนี้เจ้าไม่เห็นคุณหนูอย่างข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่หรือไม่? ตระกูลฮั่วตกต่ำ แม้เสด็จป้าจะปกป้องคุ้มครองข้า ทว่าตอนนี้ ฐานะของข้าในเมืองตี้จิงนั้นไม่เหมือนเดิม ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างหัวเราะเยาะข้า ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา นึกไม่ถึงว่ากระทั่งพวกเจ้าก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเช่นกัน”
“คุณหนู พวกบ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น ยิ่งไม่กล้าทำเป็นอันขาด หากท่านไม่มีเรื่องสำคัญอันใด ขอเชิญท่านกลับไปก่อนเถิด! ท่านอ๋องกับพระชายากำลังพักผ่อน หากท่านส่งเสียงรบกวนพวกเขา พวกบ่าวอาจตกที่นั่งลำบากได้ขอรับ”
ไม่ทราบว่าเว่ยเหม่ยเจียคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อพ่อบ้านพูดประโยคนี้จบ นางก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ร้องไห้คร่ำครวญและส่งเสียงตะโกนเรียก “เสด็จพี่… เสด็จพี่… เสด็จป้าล้มป่วย นางแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ท่านใจแข็งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? แม้นางจะป่วยหนัก ท่านก็ไม่เหลียวแลใช่หรือไม่? ”
เฉินไท่เฟยล้มป่วย?
เรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?
ป้าหลานสองคนนี้คงไม่ได้วางอุบายอันใดกระมัง?