สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 14 ตอนที่ 407 ให้อวิ๋นจิ่นกับจิ่วหรงมาพร้อมกัน
ทันใดนั้น ตำแหน่งบั้นท้ายแนวกระดูกสันหลังของซูจิ่นซีก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น แสงนั้นเจิดจ้ายิ่งนัก เดิมทีตำแหน่งนี้จะมีลวดลายรูปกิเลนเหยียบดอกปี่อั้น ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดจึงปรากฏแสงเจิดจ้าในตำแหน่งนี้
เยี่ยโยวเหยาหรี่ตามอง
ปกติแล้วลวดลายจะไม่เปล่งแสงสว่าง
ครั้งสุดท้ายที่มันส่องแสง คือตอนที่หยกกิเลนแตกละเอียดและไปปรากฏเป็นลวดลายรูปกิเลนบนแผ่นหลังของซูจิ่นซี
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
“ท่านอ๋อง หมอเทวดาหวามาถึงแล้วเพคะ ฮูหยินปี้กับผู้นำซูก็มาด้วยเพคะ”
แม้หมอเทวดาหวาจะเคยเป็นคนข้างกายของเขา ทว่าเรื่องลวดลายกิเลนบนตัวซูจิ่นซีนั้น เกี่ยวพันถึงชาติกำเนิดของนาง
เขาไม่ต้องการให้คนรู้เรื่องชาติกำเนิดของซูจิ่นซีมากเกินไป และไม่ต้องการให้หมอเทวดาหวารับรู้เรื่องนี้
ส่วนฮูหยินปี้…
แท้จริงแล้ว เยี่ยโยวเหยาไม่เชื่อใจนางเท่าใดนัก
“ซูอวี้ ลวี่หลี เข้ามา! ”
ซูอวี้รับคำและเดินเข้าไปพร้อมลวี่หลี
ลวี่หลีน้ำตาไหลอาบสองแก้ม เมื่อเห็นซูจิ่นซี นางยิ่งอดกลั้นไม่อยู่ แต่นางกลัวว่าจะทำให้เยี่ยโยวเหยาขุ่นเคือง จึงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ส่งเสียงออกมาให้เป็นที่รำคาญ
แม้ซูอวี้จะรู้สึกตกใจไม่น้อย ทว่าตอนนี้เขาเป็นถึงผู้นำสกุลซู ทั้งยังทำงานด้านการแพทย์จนเคยชิน จึงสงบนิ่งกว่าลวี่หลีมากนัก
ขณะที่เดินเข้ามา ซูอวี้ก็เหลือบไปเห็นลวดลายรูปกิเลนภายใต้เสื้อผืนบางที่ปกปิดแผ่นหลังซูจิ่นซี มันมีแสงสว่างทะลุออกมา ทันใดนั้น ซูอวี้ก็เข้าใจเจตนาที่เยี่ยโยวเหยาเลือกตนเองเข้ามาในห้อง ทว่าไม่เรียกหมอเทวดาหวาหรือฮูหยินปี้ เขาจึงละสายตาจากลวดลายนั้น
ซูอวี้ทำความเคารพเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะเดินไปข้างเตียงเพื่อตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี
ครู่หนึ่ง ซูอวี้ก็หันไปพูดกับเยี่ยโยวเหยา “ท่านอ๋อง กระหม่อมขอดูบาดแผลของพี่จิ่นซีได้หรือไม่? ”
บาดแผลของซูจิ่นซีอยู่ที่แผ่นหลัง และอยู่ในตำแหน่งสงวนของสตรี ตามอุปนิสัยของเยี่ยโยวเหยาแล้ว เขาไม่มีทางยอมให้บุรุษอื่นได้เห็นอย่างแน่นอน แม้บุรุษผู้นั้นจะเป็นซูอวี้ น้องชายของซูจิ่นซีก็ตาม
ทว่าตอนนี้ เมื่อเห็นซูจิ่นซีได้รับความเจ็บปวด ทั้งหมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งก็มีอยู่ไม่กี่คนและส่วนใหญ่ยังเป็นบุรุษ หมอหญิงที่มีอยู่ทั่วไปก็ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นจึงต้องให้ซูอวี้เข้ามาดูอาการ
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ปริปากอันใด ทำเพียงหันไปมองลวี่หลีที่น้ำตาไหลอาบสองแก้มด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ลวี่หลีเข้าใจในทันที นางพยายามกลั้นน้ำตาและดึงผ้าม่านลงเพื่อปิดบังสายตาซูอวี้ จากนั้นจึงปลดเสื้อผ้าของซูจิ่นซีออก
เมื่อผ้าม่านเปิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงซูอวี้ แม้แต่เยี่ยโยวเหยาก็ตกตะลึงอย่างมาก
แผ่นหลังของซูจิ่นซีปรากฏต่อสายตา นอกจากส่วนที่ถูกผ้าห่มปกปิดไว้ ไม่มีผิวหนังส่วนใดที่ไม่มีบาดแผล ทุกจุดล้วนเป็นแผลบวมพุพอง บางจุดบวมพองเกือบเท่าฝ่ามือด้วยซ้ำ
“ว้า! ”
ลวี่หลีไม่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้อีกต่อไป นางคุกเขากับพื้นร้องไห้โฮ
บรรยากาศเย็นชารอบตัวเยี่ยโยวเหยา ช่างน่าหวาดกลัวจนทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจ มันแทบกลายเป็นกระบี่คมกริบที่สังหารผู้คนได้
ใบหน้าซูอวี้เต็มไปด้วยความตกตะลึงและความเจ็บปวด เขาเดินเข้าไปตรวจดูบาดแผลของซูจิ่นซี ครู่หนึ่งก็หันกลับมาด้วยความตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
“ท่านอ๋อง บาดแผลของพี่จิ่นซีไม่ธรรมดา มีคนวางแผนไว้ล่วงหน้า แอบใส่กรดกำมะถันลงไปในน้ำพ่ะย่ะค่ะ”
กรดกำมะถัน?
ซูอวี้มีท่าทีเคร่งขรึม เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดข้อสงสัยของตนอย่างหนักแน่น “หากกรดกำมะถันถูกใส่ลงไปในน้ำตั้งแต่แรก ตามความสามารถของพี่จิ่นซี นางต้องทราบอย่างแน่นอน นอกจากว่า… ”
“นอกจากอะไร? ” น้ำเสียงของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชา
“นอกจากว่า มีคนแอบใส่กรดกำมะถันลงไปตอนที่กำลังจะราดน้ำใส่พี่จิ่นซี ทั้งวิธีการวางยาพิษเช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่สามารถทำได้”
ใช่ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่ทำได้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งอีกด้วย สามารถใส่กรดกำมะถันลงไปในน้ำอย่างไร้ร่องรอย และทำให้เยี่ยโยวเหยาที่รออยู่ด้านนอกไม่สามารถรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
ผู้ที่สามารถกระทำเช่นนี้ได้ ในอาณาจักรเทียนเหอมีเพียงไม่กี่คน
ดวงตาดำขลับลึกล้ำของเยี่ยโยวเหยา ยิ่งปรากฏความเคร่งขรึมน่าหวาดกลัว
ซูอวี้ไม่พูดให้มากความ เตรียมทำแผลให้ซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว
“ลวี่หลี รีบไปเอาน้ำแข็งมา! ”
ลวี่หลีหยุดร้องไห้ นางลุกขึ้นจากพื้นพลางเช็ดคราบน้ำตา และเดินออกไปจากห้องทันที
เมื่อลวี่หลีเตรียมน้ำแข็งพร้อมแล้ว ซูอวี้จึงเปิดกระเป๋ายา เขาหยิบม้วนผ้าสะอาดออกมาตัดเป็นแผ่น และห่อน้ำแข็งกับผงยาบางอย่างลงไป จากนั้นจึงนำไปทาบที่บาดแผลพุพองของซูจิ่นซีด้วยความระมัดระวัง
แท้จริงแล้ว วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับแผลพุพองที่ยังไม่ปริแตก ทว่าเมื่อนำมาใช้ในเวลานี้ มันเพียงช่วยลดอุณหภูมิบนบาดแผลเท่านั้น ไม่มีผลในการรักษามากนัก
หลังจากทำขั้นตอนแรกเสร็จสิ้น ซูอวี้ก็หยิบเข็มเงินออกมา ทว่าเขานั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงซูจิ่นซีด้วยความลังเลอยู่นาน
ทันใดนั้น ซูอวี้ก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ เขากัดฟันพูดกับซูจิ่นซีที่ยังคงไม่ได้สติว่า “พี่จิ่นซี พี่ต้องอดทน เจ็บเพียงนิดเดียว อวี้เอ๋อร์จะทำอย่างระมัดระวังที่สุด”
เยี่ยโยวเหยาพูดด้วยเสียงเย็นชา “จะทำอันใด? ”
“ท่านอ๋อง แผลพุพองบนตัวของพี่จิ่นซีต้องใช้เข็มเจาะให้แตก จากนั้นจึงจะสามารถทายาและพันแผลได้พ่ะย่ะค่ะ มิฉะนั้น ไม่เพียงแผลจะไม่หายดี มันยังสามารถติดเชื้อเป็นหนองได้อีกด้วย ถึงเวลานั้นจะยิ่งอันตราย”
ใช้เข็มเจาะแผลให้แตก?
ไม่ต้องพูดถึงหมอเลย แม้แต่ลวี่หลีที่เป็นคนนอกสายอาชีพก็รู้ดีว่าเมื่อใช้เข็มเจาะแผลพุพองให้แตก ผิวหนังบริเวณบาดแผลจะปวดแสบปวดร้อนเข้าไปถึงกระดูก
ลวี่หลีร้องไห้พลางอ้อนวอนซูอวี้ “ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่? คุณหนูจะทนต่อความเจ็บปวดถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? หากเจาะแผลพุพอง คุณหนูคงเจ็บปวดอย่างมาก! ”
ซูอวี้ก็มีท่าทีลำบากใจเช่นกัน
แท้จริงแล้ว หากใช้วิธีอื่นได้ ต่อให้มีความมั่นใจเพียงหนึ่งส่วน เขาก็ไม่ใช้วิธีนี้แน่นอน เขาไม่มีทางทำให้ซูจิ่นซีได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้
ทว่ามันไม่มีวิธีอื่น!
แม้ซูอวี้ไม่ได้พูดอันใด ทว่าการแสดงออกของเขาได้บอกทุกอย่างแก่ลวี่หลีแล้ว
ลวี่หลีปิดปากร้องไห้โฮ
ซูอวี้ไม่ได้ลงมือในทันที ทว่าหันไปมองเยี่ยโยวเหยาเพื่อสอบถามความคิดเห็น
เยี่ยโยวเหยาจับจ้องใบหน้าของซูจิ่นซีด้วยความสับสน เขาไม่มองซูอวี้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยโยวเหยาก็ตะโกนออกไปด้านนอก “ไปตามอวิ๋นจิ่นมาเดี๋ยวนี้”
ซูอวี้ขมวดคิ้วและพูดแนะนำว่า “ท่านอ๋อง กระหม่อมคิดว่า คุณชายจิ่วอาจมีวิธีที่ดีกว่าหมอหลวงอวิ๋น อย่างไรเสีย คุณชายจิ่วก็เป็นถึงเจ้าสำนักแพทย์เทียนอี บางทีเขาอาจมีวิธีพิเศษอื่นๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ความสามารถของสำนักแพทย์เทียนอีนั้น ได้รับการยอมรับจากวิชาแพทย์ทั่วทั้งใต้หล้า นอกจากนั้น วิชาแพทย์ของจิ่วหรงยังมหัศจรรย์ดั่งเทพเซียนและยากหยั่งถึง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนในใต้หล้าต่างรู้ดี
แม้ซูอวี้จะรู้ถึงสาเหตุที่เยี่ยโยวเหยาไม่ได้เชิญจิ่วหรงมา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าจิ่วหรงอยู่ในเมืองตี้จิงแคว้นจงหนิง ทว่าตอนนี้ซูจิ่นซีได้รับบาดเจ็บสาหัส ซูอวี้จำเป็นต้องเสนอความคิดนี้
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองซูอวี้ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด ทันใดนั้นก็พูดเสียงดังว่า “ไปเชิญจิ่วหรงกับอวิ๋นจิ่นทั้งสองคนมาเดี๋ยวนี้! ”
“รับทราบ! ” ฮูหยินปี้กับพ่อบ้านตอบรับพร้อมกัน
ฮูหยินปี้ไปเชิญจิ่วหรง ส่วนพ่อบ้านพาองครักษ์เงาไปเชิญอวิ๋นจิ่น
ให้จิ่วหรงกับอวิ๋นจิ่นมาพร้อมกัน?
นี่เป็นครั้งแรกที่ทำเช่นนี้!!!