สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 14 ตอนที่ 414 เหมาะสมหรือไม่ ตนเองย่อมรู้ดี
ที่ห้องโถงด้านใน ซูอวี้ยืนหันหลังให้ประตู พลางเงยหน้ามองผนังที่แขวนภาพจุดฝังเข็มบนร่างกายมนุษย์
หลานเยวี่ยหลีเดินเข้าประตูมาเห็นซูอวี้บังเอิญยื่นมือไปหยิบหนังสือแพทย์ที่นางอ่านอยู่ประจำ หัวใจที่สั่นไหวราวกับมีคลื่นซัดเป็นระลอกพลันพลุ่งพล่านและตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
หลานเยวี่ยหลีอดกังวลไม่ได้ เขาหยิบขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือ… เป็นเพราะตนเองกันแน่?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ แก้มของนางก็แดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว
ซูอวี้หันกลับมา “แม่นางเยวี่ยหลี วันนี้ซูอวี้มาหาท่าน เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากท่าน”
หลานเยวี่ยหลีก้มหน้าด้วยความเขินอายอย่างมาก “ผู้นำอวี้มีเรื่องอันใด รีบพูดมาเถิด ไม่จำเป็นต้องขอร้อง หากเยวี่ยหลีสามารถช่วยได้ ก็จะช่วยท่านอย่างเต็มกำลัง! ”
ซูอวี้จึงพูดไปตามตรง “ไม่รู้ว่ายาเม็ดอี้กู่ที่ข้าให้จี้เหยียนส่งคืนให้แม่นางเยวี่ยหลีก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังอยู่ในมือของแม่นางเยวี่ยหลีหรือไม่? ตอนนี้ข้ามีผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังรอการรักษา จำเป็นต้องใช้ยานั้นเพื่อช่วยชีวิต ขอร้องแม่นางเยวี่ยหลีโปรดมอบยานั้นให้ข้าด้วยเถิด! ”
หลานเยวี่ยหลีหยุดชะงักเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าซูอวี้มาหานางเพราะต้องการยาเม็ดอี้กู่
ก่อนหน้านี้ จี้เหยียนส่งยาเม็ดอี้กู่คืนมา นางยังครุ่นคิดว่าเหตุผลที่ซูอวี้ไม่ยอมรับ เพราะต้องการใช้วิธีนี้เพื่อเว้นระยะห่างจากนาง
บัดนี้แม้จะทำเพื่อช่วยชีวิตคน แต่เมื่อคนที่ตนเองตกหลุมรักเอ่ยขอร้อง ไม่ว่าอย่างไร ภายในใจของหลานเยวี่ยหลีก็รู้สึกดีใจและมีความสุขมาก
“อยู่ที่เยวี่ยหลีเจ้าค่ะ ผู้นำอวี้รอสักครู่ เยวี่ยหลีจะไปนำมาให้ท่าน! ”
หลานเยวี่ยหลีพูดพลางเดินออกจากประตูและตรงไปทางเรือนพักของตนอย่างรวดเร็ว
หลังจากจี้เหยียนคืนยาเม็ดอี้กู่ให้ในวันนั้น เนื่องจากความเสียใจ หลานเยวี่ยหลีจึงเก็บยาไว้ในตู้ของตนและไม่แตะต้องอีกเลย กอปรกับที่ทุกคนในหอโอสถเย่าอันต่างเป็นคนที่อยู่ในกฎเกณฑ์ ทุกคนล้วนซื่อสัตย์ไว้ใจได้ ดังนั้นนางจึงวางใจ ไม่จำเป็นต้องย้ายยาไปไว้ที่อื่น
ด้วยเหตุนี้ ยาเม็ดอี้กู่จึงยังอยู่ในหอโอสถเย่าอัน
ผ่านไปไม่นาน หลานเยวี่ยหลีก็ถือกล่องเดินเข้าประตูมา ซูอวี้คุ้นเคยกับกล่องใบนี้อย่างดี มันคือกล่องที่หลานเยวี่ยหลีใช้บรรจุยาเม็ดอี้กู่และมอบให้เขาด้วยตนเอง
ในใจของหลานเยวี่ยหลีรู้สึกยินดีที่ได้มอบกล่องใบนี้ให้ซูอวี้ นางเอ่ยปากถามว่า “ไม่รู้ว่าผู้นำซูต้องการนำยานี้ไปช่วยผู้ใด? ”
ซูอวี้รู้ดีว่ายาเม็ดอี้กู่ล้ำค่ามาก ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดหลานเยวี่ยหลี เขาตอบนางตามความจริงว่า “นำไปช่วยพี่จิ่นซีของข้า! ”
หลังสิ้นเสียงคำพูดของซูอวี้ หลานเยวี่ยหลีพลันตกตะลึงราวกับถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง มือของนางสั่นเทา ทำให้กล่องที่ใส่ยาเม็ดอี้กู่ตกลงบนพื้น
ซูอวี้ตอบสนองอย่างว่องไว เขาเอนตัวไปด้านหน้าและรับกล่องไว้ ทว่าแรงส่งทำให้เขาล้มลงบนพื้น กระทั่งหลานเยวี่ยหลีก็ถูกล้มทับไปด้วย
ช่วงเวลานั้น ซูอวี้ล้มทับร่างของหลานเยวี่ยหลีเข้าพอดี ปากต่อปาก จมูกต่อจมูก สายตาสบกันแฝงความนัย
หลานเยวี่ยหลีมองเห็นทุกอย่างชัดเจน เนื้อตัวของนางร้อนผ่าวอย่างรุนแรงดั่งกุ้งต้มสุก
ซูอวี้ตระหนักได้ว่ากำลังทำอันใด จึงเด้งตัวขึ้นมาราวกับติดสปริง เขาหันหลังกลับและพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ขอ… ขออภัย ข้า… ข้าเพียงต้องการก้มไปรับกล่อง นึก… นึกไม่ถึง… นึกไม่ถึงว่าจะ… ”
“ไม่เป็นไร! ”
หลานเยวี่ยหลีระงับเสียงหัวใจที่เต้นรัว นางลุกขึ้นยืนจัดระเบียบเสื้อผ้า “ผู้นำอวี้ รีบนำยาไปช่วยคนเถิด! ท่านมาขอยาด้วยตนเอง คิดว่าพระชายาคงบาดเจ็บไม่น้อย ไม่ควรปล่อยให้ล่าช้า! ”
ซูจิ่นซีบาดเจ็บไม่น้อยจริงๆ
ซูอวี้ถือกล่องยาไว้โดยไม่พูดอันใด เขาหันไปพยักหน้าให้หลานเยวี่ยหลีและเดินออกจากประตูทันที
เดินไปได้เพียงสองก้าว ทันใดนั้นซูอวี้ก็หยุดชะงักและหันกลับมาพูดว่า “วันนี้ถือว่าซูอวี้ติดค้างบุญคุณแม่นางเยวี่ยหลีหนึ่งครั้ง วันหน้าหากมีโอกาส จะต้องไม่ลืมบุญคุณในวันนี้แน่นอน”
หลานเยวี่ยหลีพลันรู้สึกเจ็บปวด
ต้องแบ่งแยกชัดเจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
อย่างไรก็ตาม… เช่นนี้ถึงจะเป็นอุปนิสัยของซูอวี้
หลานเยวี่ยหลีเก็บซ่อนอารมณ์สับสนไว้ภายในใจ นางพยายามแย้มยิ้มมุมปากที่มองไม่เห็นถึงความผิดหวัง “หากผู้นำอวี้ต้องการตอบแทนบุญคุณในวันนี้ เช่นนั้นก็นำปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะท่านมอบให้เยวี่ยหลีเป็นอย่างไร? ”
นำปิ่นปักผมมอบให้หลานเยวี่ยหลี?
ทำเช่นนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?
ซูอวี้แทบไม่ต้องครุ่นคิด เขากำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ทว่าหลานเยวี่ยหลีกลับฉลาดรู้ทันท่าทีของซูอวี้ นางเข้าใจความรู้สึกของเขาดี
“ผู้นำอวี้วางใจเถิด เยวี่ยหลีไม่ได้หมายความเป็นอื่น เพียงปิ่นปักผมนี้ เยวี่ยหลีจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่ในอนาคต ผู้นำอวี้จะได้ปฏิบัติตามคำสัญญา อย่างไรเสีย… เพียงคำพูดปากเปล่าของผู้นำอวี้ หากเวลาผ่านไปนานเข้าคงยากจะบอกได้ว่าท่านจะทำได้ตามคำพูดนี้หรือไม่ เมื่อมีสิ่งนี้เป็นหลักฐานแทนคำพูด ท่านย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้”
ท่านอย่าคาดเดาความคิดของสตรี!
ต่อให้เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างต่อหน้าท่าน ท่านก็ไม่อาจมองได้อย่างเข้าใจ
คำกล่าวเช่นนี้ บางทีควรพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าหลานเยวี่ยหลีกับซูอวี้
ซูอวี้ประเมินคุณค่าของยาเม็ดอี้กู่ที่อยู่ในมือ และความจริงใจของหลานเยวี่ยหลีขณะที่นางพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอันใดมาก
ซูอวี้ยกมือขึ้น ดึงปิ่นปักผมบนศีรษะตนเองยื่นให้หลานเยวี่ยหลี
หลานเยวี่ยหลีมองดูแล้วไม่นับว่าเป็นของชั้นเลิศอันใด มันเป็นเพียงปิ่นหยกสีขาวที่ไม่เลว ทว่านางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม… นี่เป็นสิ่งที่นางทำด้วยความเต็มใจ นางควรยอมรับมัน
หลานเยวี่ยหลีเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่งและรับปิ่นปักผมจากมือซูอวี้ มือทั้งคู่จับปิ่นปักผมไว้แน่น ขณะที่เงยหน้ามองซูอวี้ นางยังคงแย้มยิ้มด้วยท่าทางเข้มแข็ง
“เยวี่ยหลีรับปิ่นปักผมนี้ไว้แล้ว ต้องเก็บรักษาไว้อย่างดี ผู้นำอวี้รีบไปเถิด! พระชายายังรอท่านอยู่! ”
ซูอวี้กำลังก้าวเท้าเดินออกไป หลานเยวี่ยหลีก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่มีปิ่นปักผมแล้ว มวยผมของผู้นำอวี้คงยุ่งเหยิง เช่นนั้น… เยวี่ยหลีหาปิ่นปักผมอื่นหรือผ้ามัดผมมาจัดแต่งทรงผมให้ผู้นำอวี้ก่อนดีหรือไม่? ”
“ไม่เป็นไร! ”
ซูอวี้ยังคงมีท่าทางเมินเฉย เขาตอบรับแผ่วเบาคำหนึ่ง ก่อนจะเดินถือกล่องออกจากประตูไป
เงาร่างของคนที่นางรอคอยและเฝ้าคะนึงหาได้เดินจากไปนานแล้ว หลานเยวี่ยหลีกุมปิ่นปักผมที่อยู่ในมือวางลงตรงหน้าอก และยืนอยู่ตรงจุดเดิมไม่ขยับเขยื้อน
ครู่หนึ่ง สาวใช้ข้างกายของหลานเยวี่ยหลีก็เดินเข้าประตูมา เมื่อเห็นท่าทางของหลานเยวี่ยหลีและปิ่นปักผมที่อยู่ในมือของนาง จึงถอนหายใจยาว
“คุณหนู บ่าวไม่รู้จะเตือนท่านอย่างไรดี แม้รองเท้าบางคู่จะดูดี แต่เมื่อสวมใส่กลับไม่พอดีเท้า เช่นนั้น เหตุใดท่านยังดึงดันจะใส่อีกเล่า? ”
‘ติ๋ง ติ๋ง… ’
หยาดน้ำตาไหลรินจากหางตาของหลานเยวี่ยหลีและตกกระทบลงบนปิ่นปักผมในมือนาง
หลานเยวี่ยหลีรีบใช้มือเช็ดออกด้วยความเจ็บปวด
“เหมาะสมหรือไม่ ตนเองย่อมรู้ดี ผู้อื่นจะรู้ได้อย่างไร? ”
เวลาผ่านไป สาวใช้ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “คุณหนู เช่นนั้น… พวกเรากลับจวนกันเถิด! ท่านอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์! ”
หลานเยวี่ยหลีไม่พูดอันใด ทำเพียงหันหลังเดินไปนั่งบนตั่งผ้าไหม
สาวใช้รินน้ำชาให้หลานเยวี่ยหลี จากนั้นเมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่ารอบๆ บริเวณไม่มีผู้อื่น และไม่มีผู้ใดเดินเข้ามาในเวลานี้ นางจึงโน้มตัวเข้ามาใกล้หูของหลานเยวี่ยหลี
“คุณหนู ไม่ใช่ว่าบ่าวพูดมาก บ่าวรู้สึกว่าหากท่านเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจทำให้ตนเองลำบาก ช่วงนี้บ่าวได้ยินคนของจวนสกุลซูพูดกันว่า ตั้งแต่ผู้นำสกุลซูได้รับตำแหน่ง บรรดาแม่สื่อต่างตบเท้าเข้าไปในจวนสกุลซูอย่างไม่ขาดสายเพื่อทาบทามเรื่องคู่ครอง ทว่าที่น่าแปลกคือผู้นำอวี้ไม่ตอบรับผู้ใดเลย ทั้งยังขับไล่คนเหล่านั้นออกไป พวกเขาต่างพูดกันว่า… ”
สาวใช้หยุดชะงักอย่างจงใจและมองไปที่ประตูอีกครั้ง
นางพูดเรื่องการจับคู่ให้ซูอวี้ ซึ่งเป็นอุปสรรคในใจของหลานเยวี่ยหลี
“พูดอันใด? ”
“พวกเขาต่างพูดกันว่า มีความเป็นไปได้แปดส่วนที่ผู้นำอวี้อาจมีใจให้พี่สาวของเขา หรือก็คือพระชายาโยวอ๋องในขณะนี้”