สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 14 ตอนที่ 418 ท่านอ๋องเกิดเรื่องอีกแล้ว
จิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกประคองเยี่ยโยวเหยาเข้าไป เด็กจัดยาผู้นั้นตรวจดูอาการอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้น้ำร้อนเช็ดล้างบาดแผล และใส่ยาที่เป็นสูตรลับเฉพาะของสำนักแพทย์เทียนอี
เมื่อจิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกมั่นใจว่าเยี่ยโยวเหยาพ้นขีดอันตรายแล้ว จึงวางใจ
ในที่สุด เวลาผ่านไปราวสองชั่วยาม จิ่วหรงก็หลอมยาแล้วเสร็จ เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยา จิ่วหรงพลันขมวดคิ้วมุ่น
หลังจากตรวจดูบาดแผลของเยี่ยโยวเหยาอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงพูดว่า “โชคดีที่บาดแผลได้รับการรักษามาก่อน จึงไม่เกิดการติดเชื้อ นับว่าพ้นขีดอันตรายแล้วจริงๆ ทว่าอาการของโยวอ๋องราวกับผีซ้ำด้ำพลอย อาการบาดเจ็บภายในก่อนหน้านี้ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด ตอนนี้กลับเพิ่มแผลใหม่เข้าไปอีก เกรงว่าภายในสามถึงห้าปี ร่างกายคงยากฟื้นคืนเป็นปกติ”
จิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกต่างก้มหน้าสำนึกผิด ท่าทีเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
โชคดีที่ท่านอ๋องพ้นวัยเบญจเพสแล้ว ทว่าปีนี้กลับแย่ยิ่งกว่าปีชงเสียอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล็กเรื่องใหญ่มากมายที่ถาโถมเข้ามา ทั้งยังได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง
เฮ้อ…
จิ้นหนานเฟิงและองครักษ์เงาจำนวนหนึ่งอดทอดถอนใจไม่ได้
“พวกเจ้าออกไปข้างนอกก่อนเถิด! อาการบาดเจ็บภายในของโยวอ๋องสาหัสนัก จำเป็นต้องใช้พลังภายในรักษาโดยเร็ว นอกจากนั้น เขายังได้รับพิษอีกด้วย จำเป็นต้องถอนพิษทันที ไม่เช่นนั้น แม้อาการบาดเจ็บภายในและภายนอกจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม หากพิษลุกลามไปทั่วร่างกาย เขาจะตายเพราะพิษได้”
ยังได้รับพิษอีกด้วย?
จิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกต่างตกตะลึง
ทว่าเมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจอันใด เดิมทีแคว้นไหวเจียงก็เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยพิษ เมื่อไปเยือนแคว้นไหวเจียง ท่านอ๋องก็อยู่แนวหน้าตลอด หากไม่ถูกพิษคงเป็นเรื่องแปลก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ซูอวี้กับเด็กจัดยาได้ตรวจอาการให้ท่านอ๋อง ทว่าพวกเขาทั้งสองต่างตรวจไม่พบว่าท่านอ๋องได้รับพิษ สุดท้ายเป็นจิ่วหรงที่ตรวจพบ มันต้องเป็นพิษที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนี้ จิ้นหนานเฟิงยิ่งมีสีหน้าเศร้าหมอง และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนจิ่วหรงที่ทำการรักษาบาดแผลและถอนพิษให้ท่านอ๋อง ทุกคนจึงรีบเดินออกไป
เวลาผ่านไปราวสองชั่วยาม จิ่วหรงก็เดินออกมา
จิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่กล้าซักถามให้มากความ ทำเพียงเดินไปยังด้านหน้าจิ่วหรง และชะเง้อมองเข้าไปภายในห้อง
จิ่วหรงในชุดสีขาว ท่าทางดูมีสง่าราศีดั่งเทพเซียน
“วางใจได้ บาดแผลบนร่างกายของโยวอ๋องไม่เป็นอันใดแล้ว พิษก็ถูกกำจัดเรียบร้อย ทว่าโยวอ๋องได้รับบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้ง ทำให้กระทบกระเทือนไปถึงแก่นพลัง จำเป็นต้องพักฟื้นร่างกายอย่างน้อยหนึ่งเดือน จึงสามารถลงจากเตียงได้”
“ดีมาก ดีมาก! ”
จิ้นหนานเฟิงกับพรรคพวกต่างดีใจและแย้มยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาช่างไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย
“รีบเข้าไปดูอาการท่านอ๋องของพวกเจ้าเถิด! ” จิ่วหรงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ขอรับ… ”
จิ้นหนานเฟิงตอบรับและเดินนำเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
ทว่าเมื่อเดินถึงประตู เขาก็หันหลังกลับมาและประสานมือโค้งคำนับจิ่วหรง “ขอบคุณคุณชายจิ่วที่ถอนพิษให้ท่านอ๋อง พวกเราขอขอบคุณคุณชายจิ่ว! ”
องครักษ์เงาที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างโค้งคำนับขอบคุณจิ่วหรงตามจิ้นหนานเฟิง
จิ่วหรงรับการคำนับจากจิ้นหนานเฟิงและพรรคพวกโดยไม่รังเกียจ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง
เดิมทีจิ่วหรงคาดการณ์ว่า แม้เยี่ยโยวเหยาจะพ้นขีดอันตราย ทว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวันจึงจะรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเพียงสามวัน เยี่ยโยวเหยาก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังรีบลุกออกจากเตียงทันที
จิ้นหนานเฟิงกับเด็กจัดยาที่คอยดูแลอยู่ด้านข้างต่างตกตะลึง เข้าไปขัดขวางเยี่ยโยวเหยาไว้
“ท่านอ๋อง คุณชายจิ่วบอกว่าท่านอ๋องไม่ควรลุกออกจากเตียง ต้องพักฟื้นอย่างน้อยหนึ่งเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งเดือน?
นานเช่นนี้อาจทำให้เสียงานใหญ่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น มีเรื่องที่สำคัญมากกำลังรอเขาอยู่ เขาไม่มีทางอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนได้อย่างแน่นอน
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดอันใดมาก ทำเพียงเอ่ยเสียงต่ำ “เปลี่ยนชุด! ”
“ท่านอ๋อง! ”
จิ้นหนานเฟิงค้านด้วยใบหน้าเป็นกังวลและอับจนหนทาง
“เปลี่ยนชุด! ”
เยี่ยโยวเหยามีท่าทางเด็ดเดี่ยว ไม่อนุญาตให้ผู้ใดขัดขืนหรือโต้แย้ง
จิ้นหนานเฟิงอับจนหนทาง ทำได้เพียงกัดฟันช่วยเยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนชุด
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เยี่ยโยวเหยาก็เดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว จิ้นหนานเฟิงรีบเดินตามไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล แม้เยี่ยโยวเหยาจะได้รับบาดเจ็บ ทว่าปัญหานั้นไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วของเขาแม้แต่น้อย
จิ้นหนานเฟิงเพิ่งเดินถึงหน้าประตู เสียงม้าห้อตะบึงก็ดังขึ้น เยี่ยโยวเหยาควบม้าออกไปแล้ว
“ท่านอ๋อง ท่านยังลุกจากเตียงไม่ได้ ท่านจะขี่ม้าได้อย่างไร? ท่านไม่รักชีวิตแล้วหรือ? ”
จิ้นหนานเฟิงถอนใจอย่างอับจนหนทาง เบื้องหน้าไม่มีม้าให้ขี่ตามไปแม้แต่ตัวเดียว เขาทำได้เพียงใช้วิชาตัวเบาไล่ตามเยี่ยโยวเหยา โดยมีองครักษ์เงาที่เหลือไล่ตามมาด้านหลัง
เด็กจัดยาในห้องที่จิ่วหรงสั่งให้มาดูแลเยี่ยโยวเหยาพร้อมกับจิ้นหนานเฟิง พลันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เมื่อเดินออกมาจากห้องก็พบว่าเยี่ยโยวเหยา จิ้นหนานเฟิง และเหล่าองครักษ์เงาได้หายตัวไปแล้ว
เขารู้สึกไม่สบายใจจึงเดินไปหาจิ่วหรงที่กำลังนั่งพักดื่มชาอยู่ในเรือนด้วยความสบายใจ
“เจ้าสำนัก ท่านว่า… ”
“ให้พวกเขาไป! ”
จิ่วหรงตอบกลับแผ่วเบาโดยไม่เงยหน้ามองเด็กจัดยาแม้แต่น้อย ‘แป๊ะ’ เสียงเม็ดหมากรุกในมือกระทบกระดานเดินหมาก
เยี่ยโยวเหยาขี่ม้าออกจากเรือนรับรองของจิ่วหรง ตรงมาทางจวนโยวอ๋องอย่างรวดเร็ว
พ่อบ้านกำลังสะสางเรื่องบางอย่างอยู่ด้านหน้าประตู เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาก็ตกตะลึงและรีบเข้าไปต้อนรับ
“ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบรับของเยี่ยโยวเหยา เมื่อเขาพูดจบและเงยหน้าขึ้นมาจากท่าโค้งคำนับ เยี่ยโยวเหยาก็หายเข้าไปในจวนแล้ว
หากไม่ได้พบกับจิ้นหนานเฟิงและพรรคพวกที่ติดตามมาด้านหลัง พ่อบ้านคงนึกสงสัยว่าตนเองตาฝาด
เหตุใดท่านอ๋องถึงได้เร่งรีบเช่นนั้น?
“องครักษ์จิ้น เกิดเรื่องอันใดขึ้น? การเดินทางราบรื่นดีหรือไม่? ”
พ่อบ้านรั้งตัวจิ้นหนานเฟิงไว้และสอบถามด้วยความกังวลใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของจิ้นหนานเฟิงราวกับคนอมทุกข์ จึงรีบถามว่า “หลายวันก่อน ท่านอ๋องสั่งให้คนนำสมุนไพรมาส่ง คุณชายน้อยอวี้กับหมอหลวงอวิ๋นจึงมอบให้พระชายาเสวย เวลานี้พระชายาปลอดภัยแล้ว ทว่าท่านอ๋องเสียเวลาไปมาก ระหว่างทางเกิดเรื่องอันใดหรือไม่? ”
จิ้นหนานเฟิงได้ยินคำพูดของพ่อบ้านก็ทราบว่าเกิดอันใดขึ้น และไม่ได้เปิดเผยเรื่องซูอวี้
ทว่าสาเหตุที่ทำให้เยี่ยโยวเหยาต้องเสียเวลามาจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร
จิ้นหนานเฟิงทำได้เพียงถอนหายใจยาว
“พ่อบ้าน ท่านจัดการเรื่องภายในจวนให้ดีก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล! ส่วนท่านอ๋อง… เกรงว่าเรื่องของพระชายาหาใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป ความทุกข์ทรมานของเขากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง”
จิ้นหนานเฟิงพูดจบโดยไม่รอให้พ่อบ้านได้ครุ่นคิดถึงคำพูดแปลกประหลาดเหล่านั้น เขารีบเดินเข้าไปภายในเรือนชิงโยวทันที
พ่อบ้านยืนอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เข้าใจความหมายเหล่านั้นของจิ้นหนานเฟิง
ทว่ามีจุดหนึ่งที่เขามั่นใจ ท่านอ๋องต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เขากังวลใจมากเท่าไร ก็เป็นการกระทำที่สูญเปล่า
เพราะเขาทำอันใดไม่ได้
พ่อบ้านส่ายศีรษะอย่างจนใจและเดินเข้าไปภายในจวน
ต้องพูดว่าวิธีการรักษาของจิ่วหรงมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
ใช้ยาไปเพียงสามวัน ซูจิ่นซีก็สามารถลุกจากเตียงได้ ทั้งสีหน้ายังดูดีขึ้นมาก แผลพุพองที่ด้านหลังค่อยๆ ผสานกันเป็นอย่างดี
อวิ๋นจิ่นกับซูอวี้เคยพูดไว้ว่า ขอเพียงใช้ยาอย่างต่อเนื่อง รอจนแผลตกสะเก็ดและใช้ยาต่ออีกสักระยะ บาดแผลบริเวณผิวหนังจะกลับมาเป็นปกติ ไม่หลงเหลือรอยแผลเป็นใดๆ
ภายในตำหนักฝูอวิ๋น แม่นมฮวากับลวี่หลีกำลังปรนนิบัติซูจิ่นซีรับประทานอาหารเช้า