สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 14 ตอนที่ 420 ความขุ่นเคืองเล็กๆ ของสตรีผู้ทะนงตนและเผด็จการ
- Home
- สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน
- เล่มที่ 14 ตอนที่ 420 ความขุ่นเคืองเล็กๆ ของสตรีผู้ทะนงตนและเผด็จการ
ทว่าแม่นมฮวากับลวี่หลีไม่คาดคิดว่า ซูจิ่นซีจะไม่พูดกับพวกนางแม้แต่คำเดียว และเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่แม่นมฮวากับลวี่หลีคิดว่าคงไม่มีเรื่องอันใด ภายในห้องพลันมีเสียงตะโกนด้วยความโมโห
“ลวี่หลี ไปตามซูอวี้มาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ”
“คุณชายน้อยอวี้? ”
ลวี่หลีตอบสนองช้าไปชั่วครู่ เนื่องจากไม่เข้าใจว่า เหตุใดเวลานี้ซูจิ่นซีถึงไม่ลงโทษนางกับแม่นมฮวาโทษฐานปกปิดความลับ ทว่ากลับให้นางไปตามตัวซูอวี้ เพื่ออันใดกัน
ลวี่หลีตอบรับด้วยใบหน้างงงวย ก่อนจะออกจากจวนไปตามซูอวี้ทันที
แม่นมฮวาส่ายศีรษะอย่างเสียไม่ได้ นางมองไปทางตำหนักฝูอวิ๋นด้วยท่าทีเป็นกังวล ก่อนจะคุกเข่าลงและเช็ดคราบเลือดต่อ
แท้จริงแล้ว ตอนนี้แม่นมฮวารู้สึกผิดและเสียใจยิ่งนัก
ทุกอย่างต้องตำหนินาง
ช่วงเวลาที่ผ่านมา พระชายาได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักฝูอวิ๋น นางจึงแอบขี้เกียจ ไม่ไปทำความสะอาดที่เรือนอวิ๋นไค ลวี่หลีก็เป็นกังวลกับอาการบาดเจ็บของเจ้านายเช่นกัน นางเฝ้าแต่หวาดกลัวและเสียใจ ทำให้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
หากรู้เสียแต่ทีแรก พวกนางคงมาทำความสะอาดคราบเลือดเหล่านี้นานแล้ว และเรื่องวุ่นวายก็จะไม่เกิดขึ้น
แท้จริงแล้ว แม่นมฮวาไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ซูจิ่นซีเดือดดาล คือบาดแผลบนร่างกายของเยี่ยโยวเหยา
ครั้งนี้แม่นมฮวาก็ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาบาดเจ็บสาหัสเพียงไร หากนางที่เป็นทั้งบ่าวและแม่นม ล่วงรู้ถึงอาการบาดเจ็บของเยี่ยโยวเหยาที่มีบาดแผลทั่วร่างกาย ไม่มีพื้นที่ใดบนผิวหนังที่เป็นปกติเลย ไม่รู้ว่านางจะเป็นเช่นไร?
แม่นมฮวารีบทำความสะอาดจนแล้วเสร็จ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่กล้ากล่าวอันใดกับซูจิ่นซีแม้แต่น้อย
ผ่านไปไม่นาน เยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในเรือนอวิ๋นไค เพื่อไปตามหาซูจิ่นซีด้วยตนเอง
ซูจิ่นซีนั่งพิงกำแพงอยู่บนเตียงโดยไม่พูดอันใด ไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดเรื่องใดอยู่
เยี่ยโยวเหยานั่งลงข้างเตียง พลางดึงมือซูจิ่นซีมากุมไว้อย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นนางน้ำตาคลอ จึงช่วยเช็ดคราบน้ำตาให้
“อย่าเสียใจ เป็นข้าที่ไม่ดีเอง ข้าไม่ควรปิดบังเจ้า! ไม่ควรเกรงกลัวว่าเจ้าจะเป็นกังวล ควรบอกเจ้าเสียแต่ทีแรก และปล่อยให้เจ้าเป็นห่วงข้ามากถึงเพียงนี้! ”
ซูจิ่นซีฟังออกว่าเยี่ยโยวเหยาตั้งใจพูดจาเย้าหยอก ทว่านางไม่อาจแย้มยิ้มได้
นางขยับตัวโผเข้าอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยา กอดเอวของเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น
“เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันไม่ได้โกรธ ทว่าเสียใจมากเพคะ ท่านอ๋องปิดบังเรื่องทุกอย่างกับหม่อมฉัน และปกป้องหม่อมฉันจากทุกสิ่ง หม่อมฉันรู้สึกว่า… ตนเองไร้ประโยชน์ยิ่งนักเพคะ”
เยี่ยโยวเหยาชะงักเล็กน้อย ก่อนตระหนักได้ว่าตนเฝ้าปกป้องนางจนลืมไปเสียสนิทว่า นางเป็นสตรีที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเช่นกัน
ขณะที่เยี่ยโยวเหยากำลังครุ่นคิด ซูจิ่นซีก็พูดสำทับอีกครั้งว่า “เยี่ยโยวเหยา ท่านจำได้หรือไม่ หม่อมฉันเคยบอกท่านแล้ว ท่านสามารถปกปิดบางเรื่องไม่ให้หม่อมฉันรู้ได้ ทว่าท่านไม่อาจหลอกลวงหม่อมฉัน! หากท่านอ๋องหลอกลวงหม่อมฉัน หม่อมฉันจะตอบแทนท่าน ร้อยเท่าพันเท่า”
คำพูดนี้ ซูจิ่นซีไม่ได้กล่าวเพียงครั้งเดียว และไม่ได้เอ่ยเตือนเยี่ยโยวเหยาเป็นครั้งแรก ทุกครั้งเยี่ยโยวเหยาจะรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ครั้งนี้เขากลับหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก และพูดตอบรับได้ไม่ราบรื่นเท่าไรนัก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เยี่ยโยวเหยาจึงตอบรับคำอย่างแผ่วเบา “ข้าจำได้! ”
ซูจิ่นซีใช้มือปาดน้ำตาและลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง นางจ้องมองดวงตาทั้งคู่ของเยี่ยโยวเหยาด้วยความจริงจัง
“เยี่ยโยวเหยา ท่านต้องเชื่อใจหม่อมฉัน หม่อมฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ แข็งแกร่งจนสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ท่าน แข็งแกร่งจนคู่ควรกับฐานะพระชายาโยวอ๋อง”
เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยแววตาลึกซึ้งและประทับใจ เขาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มของซูจิ่นซีด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ซูจิ่นซี เจ้าคงไม่รู้ว่า เจ้าในเวลานี้แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว!
และคู่ควรกับฐานะพระชายาโยวอ๋อง!
ซูจิ่นซี แท้จริงแล้วเจ้าคงไม่รู้ สิ่งที่ข้าปรารถนานั้นมีไม่มาก ข้าไม่ต้องการให้เจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ ข้าต้องการให้เจ้าเป็นดั่งลูกนกนางแอ่นน้อยในรัง ไม่ต้องการให้เจ้าแสดงความสามารถและสติปัญญาของตนเอง ปรารถนาเพียงให้เจ้าอยู่ใต้ปีกของข้า คอยให้ข้าปกป้อง จับมือข้าและอยู่กับข้าไปจนแก่เฒ่า รักกันไม่เสื่อมคลาย
ทว่าความเป็นจริง ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนไม่มีสิ่งใดที่เป็นดั่งใจปรารถนา
สิ่งที่เยี่ยโยวเหยาปรารถนาและสิ่งที่ซูจิ่นซีคาดหวังนั้น ล้วนไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากโชคชะตาฟ้าลิขิต
วันหนึ่ง ซูจิ่นซีจะต้องแข็งแกร่งตามที่นางปรารถนา มากพอที่จะทำให้ผู้คนยำเกรง เพียงพอที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เยี่ยโยวเหยา เวลานี้พวกเขายืนอยู่ตรงข้ามกันอย่างไม่เต็มใจ ทว่าต้องมีสักวันที่ได้ยืนเผชิญหน้ากับคนที่รักอย่างสุดซึ้งและไม่อาจลืมเลือน
ช่วงเวลานั้น เมื่อซูจิ่นซีมองดูบุรุษผู้สูงศักดิ์เย็นชา และนึกถึงคำสาบานของตนเองในวันนี้ ทุกอย่างก็ราวกับความฝัน ไร้รักไร้ชัง
“เยี่ยโยวเหยา ตอนที่ท่านกลับมา จิ่วหรงได้มอบเทียบยาหรือสมุนไพรอันใดบ้างหรือไม่? ”
“ไม่มี! ” เยี่ยโยวเหยาตอบแผ่วเบา
“เขาไม่ได้บอกว่าท่านควรดูแลอาการและบาดแผลอย่าง
ไร ต้องพักผ่อนเป็นเวลานานเท่าไรหรือ? ”
เรื่องเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยาไม่มีทางหลอกซูจิ่นซีได้ จึงพูดว่า “จิ่วหรงบอกว่ากระดูกของข้าแข็งแรง อาการบาดเจ็บเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่ต้องเป็นกังวล พักผ่อนเพียงเจ็ดแปดวันก็ดีขึ้นแล้ว”
“หม่อมฉันไม่เชื่อ! ” ซูจิ่นซีพูด “เมื่อกลับไป หม่อมฉันจะไปถามจิ่วหรงด้วยตนเอง”ซูจิ่นซีแสดงท่าทีไม่เชื่ออย่างชัดเจน
ทันทีที่พูดจบ ซูจิ่นซีก็รู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยามีบางอย่างผิดปกติ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจะพูดบางอย่างกับเยี่ยโยวเหยา
กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะดึงรั้งศีรษะของนาง และก้มหน้าลงมาจุมพิตอย่างดุดัน
เหมือนเป็นการลงโทษ เยี่ยโยวเหยาไม่ปล่อยให้ซูจิ่นซีปฏิเสธหรือหลบเลี่ยง
เยี่ยโยวเหยาจุมพิตอยู่นานจนซูจิ่นซีแทบหายใจไม่ออก เมื่อใบหน้าของนางแดงก่ำ เยี่ยโยวเหยาถึงได้รามือ
ซูจิ่นซีเช็ดคราบน้ำลายที่เยี่ยโยวเหยาหลงเหลือไว้ที่ริมฝีปาก
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคิดจะทำอันใด? บาดเจ็บถึงเพียงนี้ยังกล้าหื่นกามอีกหรือ หม่อมฉันสำลักแทบตาย ท่านไม่ได้บ้วนปากมากี่วันแล้วเพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยานอนไม่ได้สติอยู่ที่เรือนรับรองของจิ่วหรงถึงสามวัน เมื่อฟื้นขึ้นก็รีบกลับจวนโยวอ๋องเพื่อมาพบหน้านาง เขาจะมีเวลาบ้วนปากได้อย่างไร?
เขาไม่ได้บ้วนปากมาสามวันแล้ว!
ทว่าเวลานี้ เยี่ยโยวเหยาไม่คิดอธิบายเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย
เขาค่อยๆ ดึงซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอด พลางโอบกอดนางแน่น
“ซูจิ่นซี ต่อไปเจ้าอยู่ให้ห่างจากจิ่วหรง! ”
“หืม? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วทันที
“อยู่ให้ห่างจากจิ่วหรง! ได้ยินหรือไม่? ”
“ฮ่า ฮ่า… ” ซูจิ่นซีอดหัวเราะไม่ได้
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วมุ่นและจับคางของนาง บังคับให้มองหน้าเขาตรงๆ
“ทำไม? เจ้าคิดว่าข้ากำลังพูดเรื่องน่าขันหรือ? ”
ซูจิ่นซีหลบสายตา ไม่กล้าหัวเราะอีก แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อ
นางพยายามสงบอารมณ์ชั่วครู่ จากนั้นจึงจ้องเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางยื่นมือออกไปจับคางของเยี่ยโยวเหยาและพูดว่า
“ท่านอ๋อง หากหม่อมฉันมองไม่ผิด ใบหน้าขุ่นเคืองของท่านเช่นนี้ คือใบหน้าหึงหวงใช่หรือไม่เพคะ? ” แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันขึงขัง เขาชักสีหน้าใส่ซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี หากข้ามองไม่ผิด ท่าทางทะนงตนและเผด็จการของเจ้าเช่นนี้ คงขาดการอบรมเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็ได้กลิ่นอันตรายที่กำลังจะมาเยือน นางรีบเก็บมือและพยายามหลบหนี
ทว่า… ไม่ทันเสียแล้ว!