สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 15 ตอนที่ 423 พลังยุทธ์จิ่วเซียวเป็นอย่างนี้เอง!!
ทันใดนั้น… ร่างของเยี่ยโยวเหยาก็เปล่งประกายรัศมี
แสงระยิบระยับนั้นสาดส่องไปทั่วทั้งเรือนชิงโยว สว่างไสวยิ่งกว่าแสงจันทรา เจิดจ้าจนคนที่อยู่บริเวณนั้นไม่อาจลืมตาได้
หลังจากนั้น แสงสว่างก็ค่อยๆ สงบลงและหมุนวนอยู่รอบตัวเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซี หมอเทวดาหวา ซูอวี้ และคนอื่นๆ ที่มีท่าทีเป็นกังวลในคราแรก ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
เกิด… เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
สายตาของซูจิ่นซีหันไปมองหมอเทวดาหวาอย่างเชื่องช้า เพื่อสอบถาม
หมอเทวดาหวาเดินมาด้านข้างซูจิ่นซี และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเยี่ยโยวเหยา เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเล็กน้อย
“ทูลพระชายา หากกระหม่อมมองไม่ผิด แสงสว่างเมื่อครู่ที่ส่องประกายอยู่รอบตัวท่านอ๋อง คงมาจากการฝึกฝนพลังยุทธ์จิ่วเซียว อีกทั้ง… ยังเป็นการฝึกฝนขั้นสูง”
“พลังยุทธ์จิ่วเซียว? หมอเทวดาหวา เจ้าแน่ใจหรือ? ”
เมื่อซูจิ่นซีถามเช่นนี้ หมอเทวดาหวาจึงตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “กระหม่อม… กระหม่อมก็ไม่กล้ายืนยัน ทว่าในตำราได้บันทึกไว้เช่นนั้นจริงๆ ทั้งยังเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อีกด้วย”
หมอเทวดาหวาไม่มั่นใจ ทว่าซูจิ่นซีเชื่อมั่นในตัวเยี่ยโยวเหยาอย่างแท้จริง
ถูกต้องแล้ว มันคงเป็นพลังยุทธ์จิ่วเซียวจริงๆ
เขาพูดว่าให้นางเชื่อมั่นในตัวเขา
บุรุษผู้นี้ เขาไม่เคยมองสิ่งใดผิดพลาด ยิ่งไม่เคยทำให้นางผิดหวัง
หากไม่มีพลังยุทธ์จิ่วเซียวอยู่กับตัว หากไม่มีความมั่นใจในการสลายยาวิเศษเพื่อเปิดผนึกหมุดกร่อนรัก เยี่ยโยวเหยาจะนำตนเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทั้งหางตาและมุมปากของซูจิ่นซีพลันเผยให้เห็นรอยแย้มยิ้ม
นางยืนอยู่ตรงนั้น ยืนห่างจากเยี่ยโยวเหยาไม่ถึงสามจั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ แววตาของซูจิ่นซีที่มองเยี่ยโยวเหยาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่คุ้นเคย
ราวกับ… แฝงไว้ด้วยความโลภและความปรารถนาเล็กน้อย
หากใช้ภาษาปัจจุบัน ชายผู้นี้ไม่เพียงมีหน้าตาที่ดีเป็นเลิศเท่านั้น เขายังมีความสามารถระดับสูงอีกด้วย
ซูจิ่นซีมองอยู่นาน ทั้งยังมองโดยไม่ละสายตา!
ทว่า เยี่ยโยวเหยาเริ่มฝึกพลังยุทธ์จิ่วเซียวตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เหตุใดนางที่อยู่ข้างกายเขาจึงไม่รู้
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็คิดขึ้นได้ว่า การฝึกฝนพลังยุทธ์จิ่วเซียวต้องได้รับความทุกข์ทรมาน แววตาที่มีความสุขพลันเลือนหายไปไม่น้อย นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตารักใคร่และหวงแหน
ครู่หนึ่ง ลำแสงเปล่งประกายที่อยู่รอบตัวเยี่ยโยวเหยาก็ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของเขา เดิมที เนื่องจากเยี่ยโยวเหยาได้รับบาดเจ็บภายใน ทำให้ใบหน้าขาวซีดค่อยๆ กลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เยี่ยโยวเหยาประสานมือหมุนเป็นวงกลม จากนั้นจึงลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องที่ฝึกฝนพลังยุทธ์จิ่วเซียวได้สำเร็จ ทั้งยังสลายยาถอนพิษหมุดกร่อนรักได้อีกด้วย” หมอเทวดาหวาหันไปโค้งคำนับแสดงความยินดีกับเยี่ยโยวเหยา
ซูจิ่นซีรีบเดินไปหาเยี่ยโยวเหยาโดยไม่พูดอันใด ทำเพียงจับแขนเยี่ยโยวเหยาและเริ่มตรวจชีพจร
ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามเยี่ยโยวเหยาว่า “ท่านอ๋องรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่? ”
แม้นางจะรู้ดีว่า เมื่อครู่เยี่ยโยวเหยาเดินพลังยุทธ์จิ่วเซียว ทว่านางยังคงไม่วางใจ
เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยแววตาเย็นชา โดยไม่กล่าวอันใด
ซูจิ่นซีรีบพูด “ท่านอ๋องจ้องหม่อมฉันทำไมเพคะ? พูดออกมาเถิด ไม่สบายตรงไหนเพคะ? ”
เยี่ยโยวเหยาจับมือซูจิ่นซีและพูดอย่างสงบว่า “ร่างกายข้าแข็งแรงดี ไม่มีจุดใดที่ไม่สบาย ซีซีไม่ต้องกังวล”
ซูจิ่นซียังคงไม่วางใจ นางหันไปมองซูอวี้ ซูอวี้จึงรีบก้าวมาข้างหน้าและตรวจชีพจรให้เยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง
ครู่หนึ่งจึงกล่าว “เมื่อครู่ ขณะที่ท่านอ๋องเดินพลังลมปราณ รู้สึกอึดอัดไม่สบายบ้างหรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาส่ายศีรษะ
“เช่นนั้น ตอนนี้เล่า? ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า
ซูอวี้ปล่อยแขนเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและพูดกับซูจิ่นซีที่จับจ้องเขาอยู่ตลอดว่า “ท่านพี่วางใจได้ ท่านอ๋องไม่ได้รับอันตรายใดๆ ชีพจรที่ติดขัดจากหมุดกร่อนรักก่อนหน้านี้ก็ไม่มีแล้ว คงเป็นเพราะยาวิเศษของคุณชายจิ่วได้ถอนพิษของหมุดกร่อนรักออกไป ไม่เพียงเท่านั้น อาการบาดเจ็บภายในของท่านอ๋องก่อนหน้านี้ยังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว จากการประเมินของข้า อีกสองสามวัน ท่านอ๋องก็จะฟื้นตัวเป็นปกติ”
แท้จริงแล้ว ตอนที่ซูจิ่นซีตรวจชีพจรให้เยี่ยโยวเหยา นางสัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ราบรื่นเกินไป ให้ความรู้สึกราวกับไม่เป็นความจริง นางจึงไม่อยากจะเชื่อ
“ยินดีกับท่านอ๋อง ยินดีกับพระชายา! ”
“ยินดีกับท่านอ๋อง ยินดีกับพระชายา! ”
“ยินดีกับท่านอ๋อง ยินดีกับพระชายา! ”
……
ขณะนั้น ทุกคนในเรือนชิงโยวต่างคุกเข่าลงบนพื้น และส่งเสียงแสดงความยินดีกับเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียังคงมึนงงอยู่บ้าง ทว่าเยี่ยโยวเหยาหันมาจูงมือซูจิ่นซีพาเดินไปทางตำหนักฝูอวิ๋น
“พ่อบ้านและจิ้นหนานเฟิงไปเตรียมการ ข้าต้องการทำพิธีเข้าหอกับพระชายา! ”
เข้าหอ???
แม่นมฮวาดีใจมากเมื่อได้ยินคำพูดสองคำนี้ ทว่าทันใดนั้น นางก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ใช้เวลานานกว่าจะตั้งสติได้
ท่านอ๋องเข้าหอกับพระชายามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?
ถึงเวลานี้แล้ว ยังต้องเข้าหออันใดอีก?
“รับทราบ! ”
จิ้นหนานเฟิงกับพ่อบ้านส่งเสียงตอบรับพร้อมกัน แต่ละคนต่างแยกกันไปจัดการงานของตนเอง
แม่นมฮวาที่ยังคงสงสัย รีบไล่ตามพ่อบ้านไปและพยายามเอ่ยถามจากทางด้านหลัง “พ่อบ้าน เกิดอันใดขึ้นกันแน่? ”
“ตอนนี้ท่านอ๋องกับพระชายาจะเข้าหอ เป็นเรือนหอแบบใดกัน? ”
“เจ้าบอกข้ามาสิ! ”
……
แม่นมฮวาคาดหวังให้พระชายาทรงพระครรภ์ท่านอ๋องน้อยให้เยี่ยโยวเหยามาโดยตลอด พ่อบ้านก็ทราบเรื่องนี้ดี ทว่า “เรื่องนี้ท่านอ๋องทรงมีพระบัญชาแล้ว ข้าเป็นบ่าวจะกล้าพูดได้อย่างไร? ไม่สิ… นี่คือพระบัญชาของท่านอ๋อง เมื่อวานนี้ท่านอ๋องรับสั่งให้ข้ากับจิ้นหนานเฟิงเตรียมการ เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้อาจเลื่อนไปอีกสองสามวัน คาดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ในวันนี้ แม่นมฮวา ท่านก็อย่าวุ่นวายไป รีบมาช่วยกันเถิด! ”
พ่อบ้านพูดพลางหยิบรายการคำสั่งให้แม่นมฮวาดู
เมื่อแม่นมฮวาเปิดดูก็ถึงกับตกตะลึง
สิ่งของมากมายที่เขียนในใบรายการ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการเตรียมพิธีอภิเษกสมรสของเชื้อพระวงศ์ และยังมีสิ่งของอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ใช้ในพิธีของเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นจงหนิง แม้กระบวนการและพิธีการบางอย่างจะถูกลดขั้นตอนลงไปบ้างแล้ว ทว่าสิ่งของล้ำค่าที่เชื้อพระวงศ์จำเป็นต้องใช้ เยี่ยโยวเหยาได้เขียนกำกับไว้ทั้งหมด
นอกจากนั้น ตัวอักษรที่เขียนล้วนเป็นลายมือของเยี่ยโยวเหยา กล่าวได้ว่า สิ่งของที่จำเป็นเหล่านี้ เยี่ยโยวเหยาเขียนออกมาทีละอย่าง ทีละอย่างด้วยตนเอง
แม่นมฮวาอดมองไปทางตำหนักฝูอวิ๋นไมได้ ท่านอ๋องช่างใส่พระทัยพระชายามากจริงๆ !
แท้จริงแล้ว ไม่ได้มีเพียงแม่นมฮวาผู้เดียวที่ตกตะลึงกับคำว่า ‘เข้าหอ’ ทว่ายังมีซูจิ่นซีอีกคน
ซูจิ่นซีรู้สึกราวกับภาพลวงตา คิดว่าตนเองฟังผิด นางมองเยี่ยโยวเหยาที่เดินอยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาประหลาดใจ
ซูจิ่นซีคิดเดินหนี ทว่าเยี่ยโยวเหยาจับมือนางไว้แน่น จะหนีก็หนีไม่ได้ ทำได้เพียงยอมให้เยี่ยโยวเหยาดึงรั้งนางไว้ เยี่ยโยวเหยาผลักประตูตำหนักฝูอวิ๋น เปิดผ้าม่านออกทีละชั้น และเดินไปที่ห้องบรรทมในตำหนัก
เข้าหอ!!!