สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 15 ตอนที่ 429 เจ้ายังเป็นสตรีของข้าหรือไม่
“ซีซี เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน! ”
เยี่ยโยวเหยาไม่อาจปล่อยให้ซูจิ่นซีจากไป จึงคว้าแขนของนาง
ซูจิ่นซีก้มมองมือที่จับแขนตนเองไว้แน่น มือนั้นกำลังสั่นเทา นางอดกลั้นต่อความสิ้นหวังภายในใจและความเจ็บปวดในแววตา
ซูจิ่นซีเงยหน้าขึ้น ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอ๋องทราบหรือไม่ ผู้คนที่เมืองเจียงหลิงในตอนนั้น มีกู้เหยียนซี มารดาของหม่อมฉันอยู่ด้วย? ”
ซูจิ่นซีจ้องมองดวงตาของเยี่ยโยวเหยา เวลานี้ นางหวังอย่างมากให้เยี่ยโยวเหยาพูดปฏิเสธ
ทว่าความจริงไม่เป็นดั่งที่ปรารถนา
“ข้า… รู้! ”
ซูจิ่นซีไม่อาจแสดงใบหน้าแย้มยิ้มได้อีกต่อไป นางเงยหน้าอย่างสิ้นหวังและหลับตาลง
ที่แท้ เขารู้ทุกอย่าง
ที่แท้เขาหลอกลวงนางจริงๆ
เหตุใดหัวใจของนางจึงเจ็บปวดเช่นนี้…
“ฮ่า เยี่ยโยวเหยา เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว แม่นางพิษน้อย เยี่ยโยวเหยาทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้าจะอยู่กับเขาเพื่ออันใด? ไล่ตะเพิดเขาไปเถิด แล้วมาอยู่กับพี่จุน พี่จุนจะดูแลทะนุถนอมเจ้าอย่างดี! ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่ยืนห่างออกไป ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เขากระโดดไปยืนด้านข้างซูจิ่นซี และดึงแขนอีกข้างของนาง พยายามพานางจากไป
แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันส่องประกาย เขายกฝ่ามือและพุ่งเข้าหาจอมวายร้ายไป๋เฉ่า อย่างไรก็ตาม เยี่ยโยวเหยานึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะรีบเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
ระยะประชิดเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยายั้งมือไม่ทัน เขาทำได้เพียงถอนพลังภายในจากฝ่ามือออกไปเก้าส่วน
ทว่าพลังที่ปล่อยออกไปแล้วจะเรียกกลับมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นหรือ? เกือบครึ่งหนึ่งของพลังเก้าส่วนกลายเป็นพลังโจมตีกลับเข้าสู่ร่างของเขา
เยี่ยโยวเหยาได้รับบาดเจ็บเสียเอง ‘อ้าก’ เขากระอักเลือดออกมา
ซูจิ่นซีตกตะลึงอย่างมาก ก่อนที่แววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“เหมยจวง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหมยจวง? เหมยจวง… พระชายาโยวอ๋อง เหมยจวงถูกพิษจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ท่านรีบมาดูเถิด พระชายาโยวอ๋อง! ”
เสียงของมู่หรงอวิ๋นเกอดังขึ้นจากจุดที่ห่างออกไป
คิดดูแล้ว จงเหมยจวงยังเป็นแม่บุญธรรมของซูจิ่นซี นางไม่อาจละเลยความเป็นความตายของจงเหมยจวงได้
ซูจิ่นซีกำลังจะเอ่ยปากให้เยี่ยโยวเหยารามือ ทันใดนั้นจอมวายร้ายไป๋เฉ่าที่อยู่ด้านหลังก็ใช้มือปัดไปที่มือของเยี่ยโยวเหยาซึ่งจับมือซูจิ่นซีอยู่
“เยี่ยโยวเหยา ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ทว่าเป็นเจ้าเองที่ไม่ดูแลทะนุถนอมแม่นางพิษน้อยให้ดี เรื่องของพวกเจ้าดำเนินมาจนถึงวันนี้ ล้วนเป็นเจ้าที่ทำร้ายตนเองทั้งสิ้น อย่าได้โทษข้า วันนี้แม่นางพิษน้อยต้องไปกับข้า”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดพลางดึงตัวซูจิ่นซีให้เดินจากไป
“ซูจิ่นซี… ”
เยี่ยโยวเหยาดึงมืออีกข้างของซูจิ่นซี พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้า… ยังเป็นสตรีของข้า เยี่ยโยวเหยาอยู่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีมองกลับไป แม้ใบหน้าของนางไม่ปรากฏรอยยิ้มสดใสอีกแล้ว ทว่าท่าทีของนางกลับชัดเจน ไม่เผยให้เห็นความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
นางยกยิ้มมุมปากแผ่วเบา
“เยี่ยโยวเหยา แล้วท่านเล่า ยังเป็นบุรุษของหม่อมฉัน ซูจิ่นซีอยู่หรือไม่? ”
แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความตื่นตระหนก
ครู่หนึ่ง เขากำลังจะเอ่ยปาก ทว่าเสียงร้อนรนของมู่หรงอวิ๋นเกอกลับดังขึ้นอีกครั้ง “เหมยจวง… เหมยจวง… อดทนอีกหน่อย เหมยจวง… ”
แม้ระยะทางจะไกลออกไป ทว่าระบบถอนพิษสามารถตรวจสอบส่วนประกอบของสารพิษได้ในทันที มันเป็นพิษที่รุนแรงและสามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างรวดเร็ว จงเหมยจวงไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป
ซูจิ่นซีเป็นกังวล นางรีบหันหลังเดินไปยังทิศทางของเสียงนั้น
ขณะเดียวกัน เยี่ยโยวเหยายื่นมือออกไปในอากาศเพื่อคว้ามือซูจิ่นซี มือของเขาค้างอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน ไม่ยอมวางลง
เสียงบางอย่างพังทลายดัง ‘ครืน’ ราวกับแยกเขาและนางออกจากกัน
เยี่ยโยวเหยามองร่างผอมเพรียวของซูจิ่นซีอย่างสิ้นหวัง มองนางค่อยๆ เดินไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ …
แต่ละย่างก้าวของนาง ประหนึ่งเหยียบย่ำลงบนหัวใจที่อ่อนโยนและเย็นชาของเขาจนแตกสลาย ดั่งเหยียบย่ำบนโลหิตที่พลุ่งพล่านของเขา และเหมือนเหยียบย่ำชีวิตของเขา
ซูจิ่นซี หากไม่มีเจ้าแล้ว ชีวิตที่เหลือของเยี่ยโยวเหยาจะอยู่อย่างไร?
จะมีชีวิตอยู่อย่างไร?
จะมีชีวิตอยู่อย่างไร?
เสียงร้องเรียกอันสิ้นหวังดังก้องอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ ดุจปีศาจในกรงขังที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนและถูกผนึกควบคุม มันดิ้นรนเพื่อต้องการอิสรภาพ
ราวกับพลังสองสายต่อต้านกัน มันฉีกกระชากหัวใจของเขา ร่างของเขา ชีวิตของเขา และจิตวิญญาณของเขาในทิศทางตรงกันข้าม
“อ้าก… ”
ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้นฟ้าและตะโกนก้อง เกิดลำแสงสีแดงขึ้นโดยรอบ แสงนั้นเจิดจ้ายิ่งกว่าท้องฟ้า สว่างยิ่งกว่าเปลวเพลิงบนเสาหิน
ซูจิ่นซีที่กำลังเตรียมยาถอนพิษให้จงเหมยจวง เมื่อได้ยินเสียงนั้นจึงรีบหันไปมอง นางเห็นแสงสีแดงเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเยี่ยโยวเหยาลุกโชนอย่างทรงพลัง
นางเห็นไม่ชัดนักว่าเกิดอันใดขึ้นที่นั่น ทั้งไม่อาจสงบอารมณ์ลงได้ เพียงรู้สึกว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นซูจิ่นซีจึงรวบรวมสมาธิ รีบปรุงยาถอนพิษอย่างรวดเร็วและยัดใส่ในมือมู่หรงอวิ๋นเกอ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปทางลำแสงสีแดงเพลิงนั้น
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ารั้งแขนซูจิ่นซีไว้
“แม่นางพิษน้อย เยี่ยโยวเหยาบ้าไปแล้ว เจ้าเองก็บ้าไปด้วยอีกคนหรือ? เขาทำกับเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้ายังจะกลับไปหาเขาอีกหรือ? ”
ซูจิ่นซีหันไปพูดอย่างหนักแน่น “ไม่ว่าเยี่ยโยวเหยาจะเป็นเช่นไร ชั่วชีวิตนี้เขาก็เป็นสามีของข้าตลอดไป ข้าไม่อาจละเลยเขาได้ เจ้าปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้! ”
“ไม่ปล่อย! ”
“ปล่อยมือ! ”
ท่าทางของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าดูแน่วแน่และดึงดัน ไม่คิดปล่อยมือซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีพลิกฝ่ามืออีกข้าง หยิบเข็มเงินโปร่งใสออกมาสามเล่ม
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเห็นเข็มเงินก็ตกใจยิ่งนัก ไม่คิดขัดขวางอีก ทำได้เพียงปล่อยมือซูจิ่นซีเพื่อหลีกเลี่ยง
เมื่อซูจิ่นซีเก็บเข็มพิษทั้งสามเล่มแล้ว ก็หันหลังเดินจากไป
“เข็มเหมันต์เทวะ? ” จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเลิกคิ้วอย่างดุดัน พลางพูดบ่นอย่างหมดหนทาง “เพื่อเยี่ยโยวเหยา เจ้าถึงกับใช้เข็มเหมันต์เทวะจัดการพี่จุน แม่นางพิษน้อย เจ้าช่างทิ้งกันได้ลงคอ! ”
ซูจิ่นซีหวนกลับมาอีกครั้ง เยี่ยโยวเหยาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น แสงสีแดงโดยรอบล้วนเปล่งออกมาจากร่างกายเขา ดวงตาของเขาก็เป็นสีแดงเช่นกัน
รอบตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด ซูจิ่นซีตกใจเมื่อเห็นคราบเลือดที่มุมปากของเยี่ยโยวเหยา
เลือดที่อยู่โดยรอบทั้งหมดเป็นเลือดที่เยี่ยโยวเหยาอาเจียนออกมา
เกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ซูจิ่นซีวิตกกังวล รีบวิ่งเข้าไปหาเยี่ยโยวเหยา ทว่านางยังไม่ทันเข้าใกล้เขา จู่ๆ ก็มีลมกระโชกแรงพัดร่างของนางให้ถอยออกไปไกล
ซูจิ่นซียืนขึ้นและหันไปทางเยี่ยโยวเหยา ท่ามกลางลำแสงสีแดงนั้น นางเห็นฮูหยินปิงจีผู้สูงศักดิ์และสง่างามค่อยๆ ลอยลงมาข้างกายเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา”
ซูจิ่นซีวิ่งไปหาเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง ทว่าขณะที่นางอยู่ห่างจากเยี่ยโยวเหยาเพียงไม่กี่ก้าว นางกลับหยุดชะงัก
อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ได้รับการฟื้นฟูแล้ว แม้เมื่อครู่จะเป็นอาการกำเริบของพลังภายใน ทว่าเยี่ยโยวเหยาไม่ควรตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หรือว่า…
ซูจิ่นซีรีบก้าวไปข้างหน้า และดึงแขนเยี่ยโยวเหยาขึ้นมาตรวจดูชีพจร
สีหน้าของนางปรากฏความตกตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่น นางมองเยี่ยโยวเหยาราวกับมองดูก้อนเมฆหนาทึบบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไป
“เยี่ยโยวเหยา ท่าน… คิดจะทำอันใดกันแน่? ยาวิเศษของจิ่วหรงไม่ได้ถอนพิษหมุดกร่อนรักในร่างของท่าน ทั้งท่านยังไม่คิดจะบอกหม่อมฉัน”