สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 16 ตอนที่ 463 กระตุ้นความสัมพันธ์
หลิงเซียวจวิ้นจู่เห็นซูจิ่นซีเหม่อลอยทอดสายตายาวออกไป นางจึงนิ่งเงียบและไม่พูดอันใด ครู่หนึ่งก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“ท่านหมอซู… ท่านหมอซู… ”
หลิงเซียวจวิ้นจู่ร้องเรียกอยู่พักใหญ่ ซูจิ่นซีก็ไม่ตอบ นางจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูของซูจิ่นซีและตะโกนเสียงดัง “ท่านหมอซู… ”
ซูจิ่นซีฟื้นคืนสติกลับมา นางรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ “จวิ้นจู่! ”
หลิงเซียวจวิ้นจู่ขมวดคิ้วมุ่นและพูดว่า “ท่านหมอซู ท่านกำลังคิดอันใดหรือ? ข้าเรียกท่านอยู่นาน แต่ท่านไม่ตอบสนองอันใดเลย”
“กระหม่อมจิตใจเหม่อลอยไปชั่วขณะ จวิ้นจู่โปรดให้อภัย”
หลิงเซียวจวิ้นจู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ ข้ารู้ดีว่าท่านคงนึกถึงท่านอาซีจือ ทว่าท่านอย่าได้เสียใจไปเลย แม้ข้าจะไม่เคยเห็นท่านอาซีจือกับตาตนเอง ทว่าได้ยินคนในตระกูลหลายคนเคยพูดถึงบ้าง ในยามที่ท่านอาซีจือกำเนิด ขอบฟ้าปรากฏสายรุ้งมงคล ทั้งยังมีนกหลากสีบินวนเวียนบนท้องฟ้าอยู่หลายวัน ทุกคนต่างพูดกันว่าท่านอาซีจือเป็นเทพธิดาลงมาจุติ ชีวิตนี้มีเทพคอยคุ้มครอง แม้นางจะหายสาบสูญไปนานแล้ว ทว่านางต้องไม่เป็นอันใดอย่างแน่นอน”
ซูจิ่นซีทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เรื่องเหล่านี้นางไม่มีทางเชื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามารดาของนางได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว หากเป็นจริงดั่งคำพูดของหลิงเซียวจวิ้นจู่ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าขันยิ่งนัก
“ท่านหมอซู… ”
หลิงเซียวจวิ้นจู่เอียงศีรษะเข้าไปข้างหูและตะโกนเรียกซูจิ่นซีอีกครั้ง
ซูจิ่นซีรีบหันหน้ากลับมามอง
“ท่านหมอซู ท่านจิตใจเหม่อลอยเรื่องอันใดหรือ? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เมื่อครู่จวิ้นจู่พูดอันใดหรือ? ”
“ข้าพูดกับท่านว่า ขอให้ท่านตรึกตรองให้ดี เช่นนั้น ข้าจะไปบอกท่านปู่สักคำ ให้ท่านปู่รับท่านเป็นศิษย์เป็นอย่างไร? ”
ผู้นำสกุล เจ้าสำนักโอสถสกุลจง?
แม้เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ต้องการเป็นศิษย์ของเขา นางจึงใช้คำพูดรื่นหูในการปฏิเสธ
“กระหม่อมขอบพระทัยในเจตนาดีของจวิ้นจู่ อย่างไรก็ตาม กระหม่อมได้ตั้งปณิธานไว้แล้ว ชั่วชีวิตนี้ต้องการเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ซีจือเท่านั้น แม้ยามนี้ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ซีจืออยู่ที่ใด ทว่ากระหม่อมไม่อาจละเมิดคำมั่นสัญญาของตนเอง”
“หากชั่วชีวิตนี้ท่านอาซีจือไม่ปรากฏตัวจะทำอย่างไร? ท่านหมอซู หรือท่านจะรออย่างไร้ค่าไปทั้งชีวิต? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางทอดสายตาออกไปมองทิวทัศน์งดงามด้านนอกหน้าต่าง ร่างเพรียวบางตั้งตรงแน่วแน่ มองดูแล้วแข็งแกร่ง ไม่อาจสั่นคลอน
“ขุนเขาสูงตระหง่าน ทิวทัศน์โดดเด่น แม้นมิได้ดั่งใจหวัง ทว่าจิตใจยังอาวรณ์”
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าประโยคที่ซูจิ่นซีพูดหมายความว่าอย่างไร ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้ว่าในใจของนางกำลังคิดสิ่งใด
โดยเฉพาะหลิงเซียวจวิ้นจู่
หลิงเซียวจวิ้นจู่ขมวดคิ้วมุ่น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ท่านหมอซู ท่านก็เป็นเหมือนกับพี่ฉี ชอบพูดคำที่ผู้อื่นฟังไม่เข้าใจ ข้าฟังคำพูดวกไปวนมาของพวกท่านไม่เข้าใจ และไม่อยากเข้าใจ ช่างเถิด ท่านไม่ต้องการคำนับท่านปู่เป็นอาจารย์ก็ไม่เป็นไร! ทว่าท่านเป็นคนดีเช่นนี้ ทั้งพรสวรรค์ทางด้านวิชาแพทย์ก็ไม่เลว น่าเสียดายจริงๆ ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่พูดอันใด
ครู่หนึ่ง ผู้ดูแลหอโอสถสกุลจงก็กลับมา ในมือถือเทียบยาที่หยิบไปก่อนหน้านี้
“ทูลจวิ้นจู่ เทียบยานี้ กระหม่อมให้บรรดาหมอในร้านยาตรวจดูแล้ว ไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ นอกจากนั้น ตามคำอธิบายเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของฉีอ๋อง ใช้เทียบยานี้เหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ตรวจดูละเอียดแล้วใช่หรือไม่? ”
“จวิ้นจู่โปรดวางพระทัย เรื่องที่จวิ้นจู่รับสั่งมานั้น กระหม่อมไม่กล้าละเลย ยิ่งไปกว่านั้น เทียบยานี้ใช้กับฉีอ๋อง ย่อมไม่อาจเกิดข้อผิดพลาด กระหม่อมให้ท่านหมอตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว รับรองว่าไม่มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็จัดสมุนไพรตามเทียบยานี้เถิด! เร็วเข้า! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ผู้ดูแลตอบรับ ทว่าไม่ได้เดินออกไปนอกประตูทันที เขาหันหน้ามามองซูจิ่นซี ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด แววตาราวกับกำลังค้นหาความจริง ทั้งยังสังเกตซูจิ่นซีอยู่พักใหญ่
“ยังมีสิ่งใดหรือ? ” หลิงเซียวจวิ้นจู่ถาม
“ไม่… ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ! ”
แววตาของผู้ดูแลทอประกาย ปากเหมือนต้องการพูดสิ่งใดบางอย่าง แต่ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินออกจากประตู หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ จึงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “มีเรื่องอันใดก็พูดออกมาตามตรง กระทั่งอยู่ต่อหน้าข้า เจ้ายังกล้ามีความลับอีกหรือ? ”
ผู้ดูแลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พลางมองซูจิ่นซีด้วยสายตาชื่นชม
“ขอสอบถามท่านหมอซู ท่านเป็นคนเขียนเทียบยานี้ใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีแสดงท่าทีเรียบเฉย “ข้าเป็นผู้เขียนเอง ท่านให้หมอตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือ? ทั้งยังบอกว่าเทียบยานี้ไม่มีปัญหา? เช่นนั้นมีเรื่องอันใด? ”
ผู้ดูแลแย้มยิ้มและรีบพูดว่า “ท่านหมอซูอย่าได้เข้าใจผิด เทียบยานี้ไม่มีปัญหาอันใด ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาหมอในหอโอสถยังยืนยันว่าตามอาการบาดเจ็บของฉีอ๋องนั้น เทียบยานี้ยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนผสมของสมุนไพรในเทียบยา อาทิ ตังกุย เห็ดหางไก่งวง ฟู๋เสวี่ย ลูกเทียนหมา ลูกหลงสวี”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่พลันมองซูจิ่นซีด้วยความประหลาดใจ
ทว่าใบหน้าซูจิ่นซียังคงสงบนิ่ง ไม่ใส่ใจกับคำชื่นชมหรือคำดูแคลน
ผู้ดูแลลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามหยั่งเชิงว่า “อย่างไรก็ตาม… เทียบยาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านหมอซู วางแผนจะปรุงสมุนไพรเหล่านี้อย่างไร? ”
คำถามนี้เพื่อสอบถามปัญหาทางด้านกลวิธีกับซูจิ่นซี
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ยากคาดเดา
“ท่านต้องการทราบจริงๆ หรือ? ”
แววตาของผู้ดูแลเปล่งประกาย “หากได้รับคำแนะนำจากท่านหมอซู นับว่าเป็นวาสนาของข้าแล้ว”
“แหะ แหะ!” ซูจิ่นซีแย้มยิ้มสดใส นางใช้นิ้วกวักเรียกผู้ดูแล
ผู้ดูแลรีบเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีทันที และเอียงศีรษะเข้าไปใกล้ๆ นาง
ซูจิ่นซีเอียงศีรษะกระซิบข้างหูผู้ดูแล นางพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เป็นทักษะลับเฉพาะตัว ไม่อาจบอกผู้อื่นได้! ”
ผู้ดูแลฟังแล้วตกตะลึง สีหน้ามึนงง
ทว่าซูจิ่นซีลุกขึ้นยืนแล้ว ทั้งใบหน้ายังเผยให้เห็นรอยยิ้มลึกซึ้งยากคาดเดา
“ท่านผู้ดูแล วิธีนี้ข้าพูดกับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ท่านอย่านำความนี้ไปบอกผู้อื่นเล่า”
มุมปากของผู้ดูแลกระตุกอย่างรุนแรง เครายาวที่ปลายคางสั่นไหว
เขารู้อยู่เต็มอกว่าถูกซูจิ่นซีกลั่นแกล้งเข้าแล้ว ทว่าจากท่าทางและคำพูดของซูจิ่นซี รวมถึงด้านข้างยังมีหลิงเซียวจวิ้นจู่อีกคน เขาจึงไม่อาจบันดาลโทสะ
หลิงเซียวจวิ้นจู่ดึงซูจิ่นซีเข้ามาหา เดิมทีนางไม่เชื่อมั่นในความสามารถด้านการเขียนเทียบยาของซูจิ่นซีเท่าใดนัก จึงต้องการให้หมอที่ร้านยาสกุลจงตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
กลับไม่คิดว่าผู้ดูแลจะพูดชมเชยการเขียนเทียบยาของซูจิ่นซีต่อหน้านาง ทั้งสิ่งที่ทำให้นางต้องประหลาดใจก็คือ ความสามารถในการเขียนเทียบยาและวิชาแพทย์ของซูจิ่นซีนั้นสูงส่งจริงๆ
นอกจากนั้น ภายในห้องมีคนเพียงสามคน ทว่าซูจิ่นซีกลับกระซิบข้างหูผู้ดูแลเพียงคนเดียว เห็นได้ชัดว่าต้องการปิดบังนาง
มองดูแล้วขัดหูขัดตายิ่งนัก
หลิงเซียวจวิ้นจู่ถลึงตามองผู้ดูแล และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “ดูท่าทางของเจ้าสิ ยังไม่รีบไปจัดสมุนไพรอีก”
ผู้ดูแลรีบพยักหน้า และเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว “พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้! ”
ทั้งสองต่างนิ่งเงียบรอสมุนไพร ซูจิ่นซีไม่พูดอันใด หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็ไม่ได้หาประเด็นมาเปิดบทสนทนา
แท้จริงแล้ว เมื่อครู่ซูจิ่นซีไม่ได้มีเจตนาแกล้งผู้ดูแล ทว่านางกำลังกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับหลิงเซียวจวิ้นจู่