สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 16 ตอนที่ 466 คนหลอกลวง เขาเป็นสตรี
ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีถอดเสื้อของมู่หรงฉีเพื่อทายาให้เขา ทว่ายาขี้ผึ้งยังไม่ทันแห้ง นางจึงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าให้
อีกทั้งระหว่างที่ซูจิ่นซียื้อยุดอยู่กับมู่หรงฉี เสื้อผ้าของนางก็ถูกกระชากจนฉีกขาด
เมื่อนางถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของมู่หรงฉี ร่างที่นอนเอนกายของนางดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก ทั้งยังเผยให้เห็นหน้าอกขาวนวลที่อยู่ภายในเสื้อผ้าขาดวิ่น ซึ่งสามารถดึงดูดทำให้เกิดจินตนาการอันเกินขอบเขต
ผิวขาวนวลนั้นแทงทะลุเข้าไปในดวงตาของหลิงเซียวจวิ้นจู่ราวกับเมล็ดข้าวสาลีที่แหลมคม ดั่งก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอ
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ผลักมู่หรงฉีออกไปด้วยแรงมหาศาล นางรีบจัดเสื้อผ้าของตนเอง และเดินจากไปยังสวนด้านหลังที่พักของตนอย่างรวดเร็ว กระทั่งลืมทำความเคารพหลิงเซียวจวิ้นจู่
ซูจิ่นซีเดินอย่างเร่งรีบ โดยไม่ทันสังเกตเห็นตอนที่หลิงเซียวจวิ้นจู่มีท่าทีประหลาดใจอย่างมาก นางชี้นิ้วไปที่หน้าอกขาวนวลของซูจิ่นซี ทั้งไม่เห็นยามที่ดวงตาของหลิงเซียวจวิ้นจู่ปรากฏความตื่นตระหนก
ซูจิ่นซีผลักมู่หรงฉีไปกระแทกผนังอย่างแรง พละกำลังมากมายถึงเพียงนั้น มู่หรงฉีก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาหมดสติล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
สาวใช้ที่ติดตามปรนนิบัติหลิงเซียวจวิ้นจู่มีท่าทีประหลาดใจเช่นเดียวกัน
“จวิ้นจู่! ”
สาวใช้ผู้นั้นเป็นฝ่ายได้สติก่อน นางระงับความตกใจไว้ และหันไปมองหลิงเซียวจวิ้นจู่ที่อยู่ด้านข้างราวกับต้องการพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับถูกหลิงเซียวจวิ้นจู่ยกมือห้ามไว้
จากนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็เดินไปที่ข้างเตียงและตรวจชีพจรให้มู่หรงฉี เพื่อยืนยันว่าสารพิษในร่างกายของมู่หรงฉีได้รับการบรรเทา ทั้งยังไม่มีสิ่งผิดปกติหรือปัญหาร้ายแรงใดๆ ในช่วงเวลาต่อจากนี้ ก่อนจะเดินออกจากประตูไป
หลิงเซียวจวิ้นจู่กำชับผู้ดูแลและสาวใช้ที่เฝ้าอยู่ตรงประตูทางออก “ดูแลท่านอ๋องให้ดี! ”
“เพคะ! ”
หากเป็นเมื่อก่อน จากสถานการณ์ของมู่หรงฉีในตอนนี้ หลิงเซียวจวิ้นจู่ต้องมาอาศัยอยู่ในจวนฉีอ๋องสักระยะหนึ่ง เพื่อให้สะดวกต่อการดูแลมู่หรงฉี เมื่อมู่หรงฉีฟื้นขึ้นมาและร่างกายฟื้นฟูดีแล้ว นางจึงค่อยกลับจวนจวิ้นจู่ กระทั่งมู่หรงฉีก็ไม่อาจขับไล่นางได้
ทว่าวันนี้ หลังออกมาจากห้องของมู่หรงฉี หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็รีบออกจากประตูจวน นางออกคำสั่งให้คนเตรียมรถม้าและกลับจวนจวิ้นจู่ทันที
เมื่อกลับถึงจวน หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็ขว้างปาชุดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ
นางรู้สึกโกรธอย่างมาก จึงทุบแจกันจนแตกละเอียด
อย่างไรก็ตาม นางยังไม่คลายความโกรธ จึงหยิบแส้ที่วางอยู่ด้านหลังฉากกั้นมาหวดบ่าวรับใช้และสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะโยนแส้ลงพื้นอย่างแรงและกระทืบเท้าอย่างหนัก
“คนหลอกลวง คนหลอกลวง ทั้งหมดเป็นการหลอกลวง! ข้าหลงเชื่อนางถึงเพียงนั้น คิดว่านางเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่านางจะตั้งใจหลอกลวงข้า ทำให้ข้าโกรธอย่างมาก! ”
สาวใช้ที่ติดตามหลิงเซียวจวิ้นจู่ออกมาจากจวนฉีอ๋องก่อนหน้านี้ โชคดีที่นางไม่ถูกแส้ของหลิงเซียวจวิ้นจู่ ทว่านางยังคงไม่กล้าบุ่มบ่าม ทำเพียงเดินมาด้านหน้าอย่างระมัดระวัง และยืนอยู่ด้านข้างหลิงเซียวจวิ้นจู่
“จวิ้นจู่ เมื่อครู่บ่าวเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านหมอซูผู้นั้นเป็นสตรี จากที่บ่าวเห็น นางเป็นหญิงที่ปลอมเป็นชาย ทั้งยังเข้าไปในจวนฉีอ๋อง นางอยู่ข้างกายฉีอ๋อง พยายามยั่วยวนพระองค์”
“ต้องให้เจ้าพูดด้วยหรือ? ข้าไม่ได้ตาบอด สิ่งที่เจ้าเห็น ข้าก็เห็นเช่นกัน! ”
เสียงต่อว่าของหลิงเซียวจวิ้นจู่ทำให้สาวใช้ผู้นั้นตกใจจนถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว
จากนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่พบซูจิ่นซีเป็นครั้งแรก ดวงตาของนางค่อยๆ หรี่ลง
“เดิมที ตอนนั้นข้าไม่ได้มองผิด เพียงแต่… ถูกคำพูดหว่านล้อมของนางหลอกลวง ไม่รู้ว่าพี่ฉีจะรู้เรื่องของนางหรือไม่ หากรู้แล้ว… ”
สาวใช้ผู้นั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเพื่อทำให้หลิงเซียวจวิ้นจู่พอใจ นางจึงก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย แม้จะเสี่ยงต่อการถูกตำหนิอีกครั้งก็ตาม
“จวิ้นจู่ บ่าวคิดว่ามีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วนที่ฉีอ๋องไม่ทรงทราบเรื่องนี้ บ่าวเคยได้ยินคนในจวนฉีอ๋องพูดกันว่า ครั้งแรกที่ท่านหมอซูเข้าไปในจวนฉีอ๋อง ฉีอ๋องเป็นผู้พานางเข้าไปด้วยตนเอง อีกทั้งฉีอ๋องยังจัดที่อยู่อาศัยให้นางอีกด้วย จากความรักที่ฉีอ๋องมีต่อกุ้ยเฟย หากรู้ว่าท่านหมอซูเป็นสตรีแล้ว พระองค์จะต้องหลีกเลี่ยงอย่างแน่นอน! เหตุใดจึงต้องทำดีกับนางด้วย? ”
สาวใช้พูดถึงผู้ใดไม่พูด กลับพูดถึงจงจื่อเยียน
เดิมทีจงจื่อเยียนเป็นหนามยอกอกของหลิงเซียวจวิ้นจู่มานานหลายปี ตอนนี้นางยังถูกกล่าวถึงอีก ราวกับเป็นการเทน้ำมันลงในอ่างไฟที่กำลังลุกโชนบนศีรษะของหลิงเซียวจวิ้นจู่ ทำให้นางยิ่งเกิดบันดาลโทสะ
ทันใดนั้น หลิงเซียวจวิ้นจู่ก็หยิบแส้ขึ้นมาหวดสาวใช้ผู้นั้นสองทีอย่างรุนแรง
“ใครใช้ให้เจ้าพูด! ใครใช้ให้เจ้าพูด! ใครให้เจ้าพูดถึงนางแพศยาจงจื่อเยียนผู้นั้น หากเจ้ายังพูดถึงนางอีก ข้าจะตีคนชั้นต่ำอย่างเจ้าให้ตาย ตีเจ้าคนทรยศให้ตาย! ”
สาวใช้ที่ถูกเฆี่ยนหมอบคลานอยู่บนพื้น ผ่านไปไม่นาน ร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าหลิงเซียวจวิ้นจู่กลับไม่ยอมลดละ นางหวดแส้ในมืออย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง จนสาวใช้แทบขาดใจ
ผู้ดูแลและเหล่าสาวใช้ที่เหลือล้วนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเขาต่างคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้น ไม่กล้าส่งเสียง
หลิงเซียวจวิ้นจู่แทบเอาความโกรธทั้งหมดจากจวนฉีอ๋องมาโยนไว้ที่ตัวของสาวใช้ผู้นี้ หลังจากที่หลิงเซียวจวิ้นจู่โยนแส้ในมือทิ้ง นางก็เดินออกไปเพื่อไปตามหาซูจิ่นซี
ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าวก็หยุดฝีเท้า ไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดสิ่งใด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงหันหลังกลับมา
ดวงตาของนางฉายแววอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งไม่เข้ากับท่าทางไร้เดียงสาของนางแม้แต่น้อย
“ไม่… ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว ใช่ ต้องวางแผนระยะยาว! ต้องคิดหาวิธีให้รอบคอบ… ข้าต้องคิดให้รอบคอบ… คิดให้รอบคอบ”
หลังจากที่ซูจิ่นซีกลับถึงที่พักของตน นางก็ไม่ก้าวออกจากประตูอีกเลยเป็นระยะเวลาหลายวันติดต่อกัน
วันนั้นนางกลับมาอย่างรีบร้อน พวกบ่าวรับใช้ในเรือนไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ต่อมาเมื่อเห็นประตูห้องของนางปิดสนิท จึงคิดว่านางยังไม่กลับมาและไม่ได้ใส่ใจ
ซูจิ่นซีถอนพิษให้มู่หรงฉี ทำให้อาการของเขาดีขึ้นทุกวัน มู่หรงฉีได้ยินพวกบ่าวพูดกันว่าซูจิ่นซีเป็นคนถอนพิษให้เขา เมื่อสามารถลงจากเตียงได้แล้ว มู่หรงฉีก็รีบตรงไปยังเรือนพักของซูจิ่นซี
มู่หรงฉีเดินเข้าประตูมา บ่าวรับใช้ที่รับผิดชอบการกวาดลานก็รีบทำความเคารพ
“ท่านหมอซูอยู่หรือไม่? ”
“ทูลท่านอ๋อง เมื่อหลายวันก่อน ท่านหมอซูไปเยือนหอโอสถสกุลจงกับหลิงเซียวจวิ้นจู่เพื่อจัดหายาให้พระองค์ บัดนี้ยังไม่กลับมาเพคะ”
ยังไม่กลับมา?
แววตาของมู่หรงฉีเคร่งขรึม เขามองไปรอบเรือน เห็นว่าพวกบ่าวรับใช้ทำการปัดกวาดได้เรียบร้อยดี
“ดูแลท่านหมอซูให้ดี”
“เพคะ! ”
“หลายวันมานี้ท่านหมอซูไม่อยู่ ได้ทำความสะอาดห้องของเขาหรือไม่? ”
“ก่อนหน้านี้ท่านหมอซูได้สั่งไว้ว่าตอนที่เขาไม่อยู่ ไม่อนุญาตให้พวกเราเข้าออกห้องตามอำเภอใจ ดังนั้นพวกบ่าวจึงเข้าไปทำความสะอาดเมื่อตอนที่เขาอยู่เท่านั้น หลายวันมานี้ท่านหมอซูไม่อยู่ พวกบ่าวไม่กล้าเข้าไปโดยพลการ จึงทำความสะอาดอยู่ด้านนอกห้องพักของท่านหมอซู ส่วนห้องที่เหลือได้ทำความสะอาดทุกวันเพคะ”
มู่หรงฉีพยักหน้า “ตั้งใจรับใช้ให้ดี หากท่านหมอซูต้องการสิ่งใด พวกเจ้าก็ทำตามนั้น”
“เพคะ! ”
มู่หรงฉีไม่พูดอันใดอีก ทำเพียงหันหลังเดินจากไป
ทว่าเดินไปได้เพียงสองก้าว ไม่รู้ว่ามู่หรงฉีคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ ท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปในทันที ทั้งยังอุทานขึ้นว่า “แย่แล้ว! ” จากนั้นก็หันหลังกลับและวิ่งไปที่เรือนพักของซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว
เกิดอันใดขึ้น???