สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 16 ตอนที่ 476 มีวิธีหนึ่งอาจลองดูได้
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอู๋จุน ในใจของซูจิ่นซีทั้งรู้สึกหนักหน่วงและสับสน ยิ่งเขาแย้มยิ้มเท่าไร ซูจิ่นซีก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้นเท่านั้น นางจึงหันหลังเดินออกจากประตูไป
มู่หรงฉีเดินไปด้านหน้าและตบไหล่อู๋จุนแผ่วเบา เพื่อให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วง ต้องมีวิธี! ” จากนั้นเขาก็ไม่รอให้อู๋จุนพูดสิ่งใด และเดินหันหลังออกจากประตูไปเช่นกัน
“ฮือ… ”
ในที่สุด ถังเสวี่ยก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ นางเดินมาข้างหน้าและโอบกอดอู๋จุนไว้
“พี่จุน ต้องมีวิธี ต้องมีวิธีฟื้นฟูจุดตันเถียนของเจ้า ฟื้นฟูพลังยุทธ์ของเจ้า ข้าจะพาเจ้าไม่พบท่านแม่ของข้า ข้าจะพาเจ้ากลับหุบเขาร้อยบุปผา นางจะต้องมีวิธี นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่… ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด พวกเรากลับสำนักถังเหมินเถิด… สำนักถังเหมิน… สำนักถังเหมินจะต้องมีวิธี… ”
ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘สำนักถังเหมิน’ สีหน้าของอู๋จุนก็ดูไม่ดีอย่างมาก เขาผลักถังเสวี่ยออกไป
“ชั่วชีวิตนี้ ข้าไม่มีทางกลับไปยังสำนักถังเหมิน”
“ทว่า… ทว่าการบาดเจ็บของเจ้า… ”
“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่กลับไป”
ถังเสวี่ยทราบเกี่ยวกับเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างอู๋จุนและสำนักถังเหมินดี
อู๋จุนพูดว่าแม้ตายก็ไม่กลับไป เช่นนั้นเขาคงไม่กลับไปจริงๆ ไม่ได้พูดล้อเล่นอย่างแน่นอน
ใบหน้าของนางปรากฏความขมขื่น หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม
เมื่อเห็นน้ำตาของถังเสวี่ย อู๋จุนก็รู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“ร้องไห้อันใดกัน? ข้ายังไม่ตาย รอวันใดที่ข้าตาย เจ้าค่อยร้องไห้ก็ยังไม่สาย”
“พี่จุน… ”
ถังเสวี่ยเปิดปาก เหมือนต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดสิ่งใด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นอวิ๋นจิ่นก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่นางถังอย่าได้หมดกำลังใจ สิ่งต่างๆ ในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หลายสิ่งหลายอย่างก็พูดได้ไม่ชัดเจน บางที… ไม่แน่ว่าจุดตันเถียนของเจ้าหุบเขาอู๋ยังสามารถรักษาได้ ข้าทุ่มเทวิจัยวิชาแพทย์มาหลายปี ทั้งยังมีพระชายาและสำนักแพทย์สกุลจง ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อย พวกเราก็จะไม่ยอมแพ้ และคิดหาวิธีฟื้นฟูจุดตันเถียนของเจ้าหุบเขาอู๋ ช่วยเขาฟื้นฟูพลังภายใน”
ถังเสวี่ยมองอวิ๋นจิ่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า “หมอหลวงอวิ๋น ท่านพูดความจริงใช่หรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นแสดงท่าทางจริงจัง “เป็นความจริง”
“หมอหลวงอวิ๋น พวกท่านต้องหาวิธีช่วยพี่จุน หากต้องการยาสมุนไพรใดก็บอกข้า แม้หุบเขาเทพโอสถไม่มี ข้าก็สามารถไปค้นหาที่หุบเขาร้อยบุปผา หากหุบเขาร้อยบุปผาไม่มี ข้าสามารถกลับไปยังสำนักถังเหมิน ให้ท่านพ่อของข้าช่วยค้นหา”
อวิ๋นจิ่นพยักหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉย
อู๋จุนมองถังเสวี่ยอย่างหมดความอดทน “นางเด็กบ้า กังวลเกินไปแล้ว พูดมากเพื่ออันใด? พี่จุนต้องการนอนแล้ว ออกไป ออกไป อย่ารบกวนข้า”
ถังเสวี่ยต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่านางเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาอู๋จุน นางรู้ว่าตอนอยู่ในถ้ำก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงไม่รบกวนเขาอีก
“พี่จุน ถังเสวี่ยอยู่ด้านนอก พวกเราไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใดก็ตะโกนบอกข้า ข้าจะรีบเข้ามาทันที”
ท่าทางของอู๋จุนยังคงแสดงออกอย่างหมดความอดทน “ไสหัวไป! ”
ถังเสวี่ยมองหมอหลวงอวิ๋นด้วยแววตาเศร้าหมอง ก่อนจะเดินออกจากประตูไป
อวิ๋นจิ่นและจงรุ่ยอันสองพ่อลูกก็ตามถังเสวี่ยออกไปข้างนอกเช่นกัน
เมื่อห้องที่เงียบสงบเหลืออู๋จุนเพียงผู้เดียว สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ หม่นหมองลง เขามองเพดานอย่างเงียบงัน ทันใดนั้น เสียงผิวปากด้วยความสบายใจก็ดังขึ้น อู๋จุนรองสองมือไว้ใต้ศีรษะต่างหมอนด้วยความผ่อนคลายและหลับตาทั้งคู่ลง
หลังจากที่อวิ๋นจิ่นให้ยาบางอย่างแก่อู๋จุนเพื่อช่วยปรับสมดุลร่างกายของเขา ซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่น และจงรุ่ยอันพ่อลูกก็อยู่ในห้องเดียวกันตลอดเวลา พวกเขาค้นหาตำราวิชาแพทย์ เพื่อหาวิธีฟื้นฟูจุดตันเถียนให้อู๋จุน
พวกเขาทั้งสี่ไม่ออกจากห้องเลยตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน
เรื่องที่เกี่ยวกับวิชาแพทย์นั้น มู่หรงฉีไม่อาจช่วยสิ่งใดได้ ทำได้เพียงให้ความร่วมมือกับซูจิ่นซีและพรรคพวก หากพวกเขาต้องการสิ่งใด มู่หรงฉีก็จะให้คนช่วยเสาะหาอย่างเต็มกำลัง
แม้ไม่มีวรยุทธ์แล้ว ทว่าอู๋จุนยังชอบอยู่บนชายคา
บนหลังคาที่สูงที่สุดของจวนฉีอ๋อง ห้องที่ซูจิ่นซีและพรรคพวกอยู่นั้น อู๋จุนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะไม่มีวรยุทธ์ อู๋จุนจึงไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปได้ เขาจึงให้มู่หรงฉีหาบันไดมาให้เขาปีนขึ้นไป
อู๋จุนยังคงสวมชุดสีแดงงามสง่าราวกับดอกไม้ผลิบาน งดงามเหนือทิวทัศน์ทั้งหมดในใต้หล้า
เขารองสองมือไว้ใต้ศีรษะต่างหมอน นอนเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่บนชายคา ดวงตาหม่นหมองเฝ้ามองซูจิ่นซีผ่านทางบานหน้าต่างที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งขณะนี้นางกำลังยุ่งอยู่กับบางสิ่ง
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย ยามนี้เจ้าคงมีเพียงพี่จุนอยู่ในใจใช่หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นจริง การสูญเสียวรยุทธ์ก็ไม่แย่เท่าใดกระมัง? ขอเพียงในใจของแม่นางพิษน้อยมีพี่จุน แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม อย่าว่าแต่ต้องสูญเสียวรยุทธ์ไปทั้งชีวิต ต่อให้ต้องตัดมือตัดเท้า พี่จุนก็ยอม”
พระอาทิตย์ขึ้นและตก เวลาผ่านไปอีกวันหนึ่ง ทว่ายังไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย
ใบหน้าซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความอ่อนล้า นางใช้มือรองศีรษะกับโต๊ะและเผลอหลับไป อวิ๋นจิ่นกับจงรุ่ยอันพ่อลูกก็มีใบหน้าเหนื่อยล้าเช่นกัน แม้พวกเขาจะมองตำราแพทย์ที่อยู่ในมือ ทว่าสายตากลับพร่ามัว ในที่สุดก็อ่านไม่เข้าใจ
เมื่อได้ยินเสียงตีฆ้องบอกเวลายามค่ำคืน อวิ๋นจิ่นก็วางหนังสือในมือลง และหยิบผ้ามาคลุมให้ซูจิ่นซี
ทว่าทันทีที่ผ้าห่มแนบร่าง ซูจิ่นซีก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา
อวิ๋นจิ่นรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว “พระชายา พระองค์ตื่นบรรทมแล้วหรือ? ”
ซูจิ่นซีหาวแล้วพูดว่า “ข้าหลับไปได้อย่างไร ตอนนี้ยามใดแล้ว? ”
“พระชายา พระองค์ไม่ได้บรรทมมาหลายวันแล้ว หากยังทำเช่นนี้ต่อไป พระวรกายจะทนได้อย่างไร? ที่นี่มอบให้กระหม่อมและคนอื่นๆ จัดการเถิด! ส่วนพระองค์ก็กลับไปพักผ่อนก่อน”
ซูจิ่นซีมองจงรุ่ยอันพ่อลูก
แม้ในมือของสองพ่อลูกจะถือตำราวิชาแพทย์ ทว่าศีรษะกลับสัปหงกไม่หยุดจนจะกระแทกพื้นอยู่แล้ว
“ทุกคนไปพักผ่อนเถิด! เรื่องนี้ไว้ค่อยจัดการ จุดตันเถียนที่ถูกทำลายย่อมฟื้นฟูได้ยาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ภายในวันสองวัน ไม่อาจรีบร้อนได้ ทั้งยังต้องวางแผนในระยะยาว”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
ซูจิ่นซีพูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากประตู
อวิ๋นจิ่นปลุกจงรุ่ยอันพ่อลูก พวกเขาทั้งสองจึงออกไปพักผ่อนเช่นกัน
แม้ดวงตาของอวิ๋นจิ่นจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทว่าเขายังคงอยู่ที่นั่น พยายามศึกษาตำราวิชาแพทย์ต่อไป
ซูจิ่นซีและจงรุ่ยอันพ่อลูก นอนพักผ่อนถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน
ซูจิ่นซีเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับถูกทุบตี เมื่อร่างกายสัมผัสเตียงนอน นางก็หลับลึกไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อซูจิ่นซีตื่นนอนและเปิดประตูออกไป นางก็เห็นอวิ๋นจิ่นมารออยู่ที่เรือนพักของตนแล้ว
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหา “หมอหลวงอวิ๋น เช้านี้มีอันใดคืบหน้าหรือไม่? ”
แม้เรื่องที่อยู่ในใจจะเร่งด่วน ทั้งอวิ๋นจิ่นยังมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เขารอซูจิ่นซีมาหนึ่งชั่วยามแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นซูจิ่นซี อวิ๋นจิ่นยังคงแย้มยิ้มให้นางอย่างอบอุ่น
“พระชายา อรุณสวัสดิ์! ”
ซูจิ่นซีส่งยิ้มให้หมอหลวงอวิ๋นเช่นกัน
อวิ๋นจิ่นพูดว่า “พระชายา เรื่องการฟื้นฟูจุดตันเถียนของเจ้าหุบเขาอู๋ มีความคืบหน้าใหม่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้? ” ซูจิ่นซีพลันรู้สึกยินดี
อวิ๋นจิ่นพูดต่อ “ปกติแล้ว หากจุดตันเถียนถูกทำลายย่อมไม่อาจฟื้นฟูได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนกระหม่อมเปิดดูตำราทางการแพทย์เล่มหนึ่งที่ฉีอ๋องเพิ่งส่งเข้ามา ทันใดนั้นก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ บางที… อาจต้องลองดูสักครั้ง”
ใบหน้าของซูจิ่นซีปรากฏความยินดีอย่างมาก “หมอหลวงอวิ๋น วิธีใด ท่านรีบพูดเร็ว! ”