สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 18 ตอนที่ 520 สัมผัสรัก รอคำตอบจากท่าน
เยี่ยโยวเหยาจ้องมองซูจิ่นซีด้วยแววตาเคร่งขรึม ทว่าไม่พูดอันใด
ซูจิ่นซีตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางรีบกระโดดออกจากอ้อมแขนของเยี่ยโยวเหยา พลางก้าวถอยหลังและกุมเสื้อที่หน้าอกไว้แน่น
เมื่อถอยหลังจนถึงขอบสระและไม่สามารถหลบหนีได้อีก ซูจิ่นซีจึงหดตัว พยายามรักษาระยะห่างจากเยี่ยโยวเหยาให้มากที่สุด และพาตนเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
มุมปากของซูจิ่นซีกระตุกอย่างแรง ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความสงสัย
“คืนหนึ่งเจ็ดครั้ง ต้องใช้เวลาหกสิบปี… ท่าน… ท่านทำไหวหรือ? ”
มือข้างหนึ่งของเยี่ยโยวเหยาถือไหสุรา มืออีกข้างถือจอกสุรา เขาค่อยๆ เทสุราใสเย็นในไหลงไปในจอก
“ทำไหวหรือไม่ วันนี้ซีซีลองแล้วมิใช่หรือ? ”
ขณะที่พูด เยี่ยโยวเหยาก็ราวกับคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงหยุดการเคลื่อนไหว เขาเลิกคิ้วและมองใบหน้าของซูจิ่นซี
“หรือ… เจ้ากำลังสงสัยว่าข้าจะโปรดปรานเจ้าไม่ถึงหกสิบปี? ”
คำพูดนี้ เหตุใดฟังดูอันตรายยิ่งนัก?
ซูจิ่นซีไม่กล้าท้าทายความอดทนของเยี่ยโยวเหยา นางรีบโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอนเพคะ”
เยี่ยโยวเหยายกจอกสุราในมือแตะริมฝีปากและจิบแผ่วเบา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“หากเจ้ารังเกียจว่าหกสิบปีนานเกินไป ข้าสามารถคำนวณอีกหนึ่งวิธี ยังคงเป็นสามสิบห้าตำลึงต่อหนึ่งครั้ง คืนหนึ่งสิบครั้ง หนึ่งปีหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันครั้ง ใช้เวลาสี่สิบสองปีสามเดือน”
หนึ่งคืนสิบครั้ง?
ซูจิ่นซีตัวสั่นเทาด้วยความตกใจ เท้าของนางลื่นไถล บั้นท้ายกระแทกพื้นอย่างแรง
โชคดีที่มีหมอนหยกรองอยู่ข้างใต้ นางจึงไม่ตกลงไปในน้ำ
ทว่า เจ็บมาก!
เจ็บปวดเหมือนกระดูกจะแตก ทว่าซูจิ่นซีเขินอายเกินกว่าจะใช้มือลูบบั้นท้าย
เยี่ยโยวเหยาเหลือบมองท่าทางเจ็บปวดของซูจิ่นซี พลางขมวดคิ้วแน่น
“ใช้แผนเจ็บตัวไม่ได้ผลหรอก นี่เป็นการคำนวณหลังหักส่วนลดแล้ว ไม่อาจน้อยไปกว่านี้ได้อีก”
ซูจิ่นซีแหงนหน้ามองท้องฟ้าโดยไม่พูดสิ่งใด ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำดั่งผลึกแก้ว นางมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบงัน
ชีวิตที่เป็นดั่งปาฏิหาริย์ปรากฏอยู่ทุกที่ ความเศร้าโศกเปล่าเปลี่ยวก็มีอยู่ทุกหนแห่งเช่นกัน
ผ่านไปชั่วครู่ เยี่ยโยวเหยาหยิบจอกสุราอีกใบ และรินสุรายื่นให้ซูจิ่นซี
“หากยังรังเกียจว่านานเกินไป เช่นนั้น ทุกคืนข้าจะโปรดปรานเจ้าเหมือนดั่งคืนนี้ ทว่า… ข้าเกรงว่าร่างกายของเจ้าจะรับไม่ไหว”
หัวใจของซูจิ่นซีเจ็บปวด!
ชีวิตยังอีกยาวไกล ผู้ที่รู้จักข้า เจ้าอยู่ที่ใด?
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นทันที นางมองสุราในจอกที่อยู่ตรงหน้า และมองเยี่ยโยวเหยาทั้งน้ำตา ทว่านางกลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาจึงไหลลงไปในจอกสุรา
“เอ่อ… เยี่ยโยวเหยา… ”
ซูจิ่นซีกำลังจะพูด ทว่ายังพูดไม่ทันจบ เยี่ยโยวเหยาก็เอ่ยปากขึ้นก่อน
“หลังจากชำระหนี้แล้ว เวลาที่เหลือ ผู้ที่ควรได้รับความโปรดปรานก็ควรได้รับ ผู้ที่ควรปรนนิบัติถวายตัวก็ควรปรนนิบัติ”
ซูจิ่นซีกัดริมฝีปากแน่น มือทั้งสองกำหมัดอยู่ข้างลำตัว ครู่หนึ่งจึงยื่นมือออกไปคว้าจอกสุราที่เยี่ยโยวเหยายื่นให้เบื้องหน้า และเงยศีรษะยกสุราขึ้นดื่มทันที
นางพูดกับเยี่ยโยวเหยาด้วยใบหน้ามุ่งมั่นแน่วแน่ และไม่หวาดกลัวความตาย “เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันขอพูดบางสิ่งได้หรือไม่? ”
“พูด! ”
เยี่ยโยวเหยาหยิบจอกสุราจากมือซูจิ่นซี ก่อนจะรินสุราให้ตนเองและยกขึ้นจิบอย่างเชื่องช้า
ซูจิ่นซีเช็ดจมูกเพื่อทำให้ตนเองดูกล้าหาญมากขึ้น มีอำนาจมากขึ้น นางกำก้อนหินริมสระด้วยมือทั้งสอง ก่อนจะเดินไปยังเบื้องหน้าของเยี่ยโยวเหยา
“ให้ตายเถิด หม่อมฉันเสียใจไม่ได้หรือ? หม่อมฉันหย่าสามีไม่ได้หรือ? หม่อมฉันแยกจากท่านไม่ได้หรือ? ตอนนี้ เดี๋ยวนี้? ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้ว พลางมองซูจิ่นซีที่มีท่าทางเกรี้ยวกราดดั่งเสือน้อย
ดวงตาของซูจิ่นซีจ้องมองดั่งไก่ชน เมื่อนางทำตัวดุร้ายต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา นางไม่มีแม้แต่พลังทำลายล้างใดๆ กอปรกับแก้มที่มีรอยแดงระเรื่อ ท่าทางเช่นนั้นของนาง ไม่เพียงไม่น่ากลัว กลับทำให้เกิดความสงสารอีกด้วย
เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใดเป็นเวลานาน ซูจิ่นซีจึงกัดฟันกรอด “เยี่ยโยวเหยา ท่านเป็นสัตว์ร้ายหรือ? ”
ซูจิ่นซีไม่เคยสงสัยในคำพูดของเยี่ยโยวเหยา ยิ่งไม่เคยสงสัยในความสามารถของเขา
ต่อหน้าบุรุษผู้นี้ บางเรื่องไม่อาจอธิบายด้วยความคิดของคนทั่วไป ไม่สามารถใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาโต้แย้งได้ สำหรับเยี่ยโยวเหยา สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ล้วนกลายเป็นความจริง
ดังนั้น ซูจิ่นซีผู้น่าสงสาร ชีวิตช่างยุ่งเหยิง ทั้งยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ นางคาดการณ์ไว้แล้วว่าอีกหกสิบปีข้างหน้า นางต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร ต้องถูกกระทำอย่างคนไร้มนุษยธรรมอย่างไร
ไม่ว่าซูจิ่นซีจะแสร้งทำเป็นโกรธเคืองเพียงใด เยี่ยโยวเหยาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เขาเงยศีรษะขึ้น ก่อนจะโอบเอวเรียวบางและรั้งนางมาไว้ในอ้อมแขนของตน
ซูจิ่นซีคิดจะหลบหนีตามสัญชาตญาณ ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับใช้กำลังเพียงเล็กน้อยดึงเสื้อของซูจิ่นซี และรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด
หลังจากนั้น เยี่ยโยวเหยาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ใบหน้าพลันเผยให้เห็นรอยยิ้มสดใส ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความสำเร็จ
ซูจิ่นซี สตรีโง่ เหตุใดจึงโง่เพียงนี้?
เหตุใดจึงเชื่อคำพูดของเขาทุกอย่าง?
นอกจากนั้น ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่ควรเชื่อกลับไม่เชื่อ สิ่งที่ไม่ควรเชื่อกลับเชื่อ ทั้งยังเชื่ออย่างจริงจังและโง่เขลา
เยี่ยโยวเหยาถอนหายใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ซูจิ่นซีเคยพูดกับเขาอย่างหนักแน่นและจริงจัง
เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันเชื่อท่าน ไม่ว่าเวลาใด หม่อมฉันเชื่อท่านทุกอย่าง ท่านมีเรื่องปิดบังหม่อมฉันได้ ทว่าท่านไม่อาจหลอกลวงหม่อมฉัน หากท่านหลอกลวงหม่อมฉันหนึ่งครั้ง หม่อมฉันจะตอบแทนท่านเป็นสิบเท่า
จากนั้น เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่วิหารวิญญาณเมื่อหลายเดือนก่อน เหตุการณ์ที่เรื่องราวในอดีตของเมืองเจียงหลิงถูกเปิดเผย ยามที่ซูจิ่นซีมองเขาด้วยแววตาตกตะลึงและสิ้นหวัง
ยังมีเทศกาลร้อยบุปผาเมื่อคืนวาน ตอนที่ซูจิ่นซีพบเขา นางแสดงออกอย่างซับซ้อน ทั้งยังทดสอบเขาด้วยวิธีต่างๆ
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาขี่ม้าด้วยกัน ขณะที่ม้ากำลังห้อตะบึง นางต้องการควักหัวใจของเขาออกมาสอบถามให้แน่ชัด เพื่อให้เข้าใจความเจ็บปวดและความจริงจัง
ดังนั้น เขาจึงรู้ว่า แท้จริงแล้ว วันเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ต้องทนอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดและความคะนึงหาอย่างไร้ที่สิ้นสุด สตรีที่ปากไม่ตรงกับใจผู้นี้ก็เป็นเหมือนเขา นางไม่เคยหลุดพ้นจากความขมขื่นและความปรารถนาสักเสี้ยววินาที ไม่เคยหลุดพ้นจากการรอคอยอย่างเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานสักเสี้ยววินาที
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เยี่ยโยวเหยาก็จับแขนซูจิ่นซีไว้แน่น
สายลมพัดผ่านแผ่วเบา ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยดอกไม้สีแดงดั่งเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน ช่างงดงามตระการตา
ซูจิ่นซีราวกับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลึกซึ้งในหัวใจของเยี่ยโยวเหยา นางยื่นมือออกมาโอบรอบเอวของเยี่ยโยวเหยา และถูไถศีรษะของตนกับหน้าอกของเขา
“เยี่ยโยวเหยา… ”
“หืม? ”
“ตอนนั้นที่ฮูหยินปิงจีนำตัวท่านไป นางบอกหม่อมฉันว่าหมุดกร่อนรักในร่างของท่าน ทำจากหนามของสัตว์เทพมังกรเก้าเศียรแห่งทะเลตงไห่ หลอมรวมกับหนามเหมันต์หมื่นปีแห่งเขาคุนหลุน ก่อนจะฝังเข้าไปในเส้นเอ็นและแก่นกระดูก หากต้องการปลดผนึกพันธะ ต้องใช้วิชาลับเฉพาะของตำหนักเสวียนปิง ผนึกรวมกับพลังเทพจิ๋วหยางของสำนักกระบี่คุนหลุน ถ่ายเทพลังเข้าไปในร่างกายของท่านและดึงหนามออกมาทีละแท่ง เมื่อทำเช่นนี้แล้ว ท่านจะลืมหม่อมฉัน ลืมเรื่องราวความรักระหว่างเราทั้งหมด เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ”
“ท่านจดจำหม่อมฉันได้อย่างไร? ”
“อืม! ”
ซูจิ่นซีเงยหน้ามองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาจริงจัง และเฝ้ารอคำตอบด้วยความคาดหวัง