สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 18 ตอนที่ 530 เส้นตายคือหนึ่งเดือน
เดิมที ซูจิ่นซีคิดว่าคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่นางต้องกล้ำกลืนฝืนทน อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่าคืนนี้เยี่ยโยวเหยาจะไม่ทำสิ่งใด เขาเพียงนอนกอดนางและผล็อยหลับไปอย่างเงียบงัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เหล่าขุนพลผีและองครักษ์ต่างเฝ้ารออยู่ด้านนอกหุบเขา พร้อมออกเดินทาง
ซูจิ่นซีรู้ดีว่าสิ่งที่ควรมา อย่างไรก็ต้องมาถึง
เดิมที เมื่อคืนเยี่ยโยวเหยาควรออกจากแคว้นหนานหลีและมุ่งหน้าไปยังแคว้นซีอวิ๋น ทว่าเขายืดเวลาออกไปหนึ่งวันเต็มๆ กระทั่งวันนี้จึงออกเดินทาง นับว่ายืดเวลาออกไปเต็มที่แล้ว
แม้หัวหน้าผู้รับผิดชอบการเดินทางจะเตรียมสิ่งของที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทางไว้แล้ว ทั้งแม่นมฮวายังเตรียมเสื้อผ้าและอาหารสำหรับเยี่ยโยวเหยาโดยเฉพาะ ทว่าซูจิ่นซียังตรวจสอบสิ่งของที่พวกเขาเตรียมไว้ให้เยี่ยโยวเหยาด้วยตนเองอีกครั้ง และเพิ่มเติมสิ่งของอีกหลายชิ้น
ก่อนออกเดินทาง นางปรนนิบัติแต่งตัวให้เยี่ยโยวเหยาด้วยตนเอง
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังผูกเสื้อคลุมให้เยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาก็กุมมือนาง
“จิ่นซี การเดินทางไปแคว้นหนานหลี เจ้านำองครักษ์เงาสี่คนที่ข้ามอบให้เจ้าก่อนหน้านี้ไปด้วย นอกจากนั้น ข้าจะเหลือขุนพลผีให้เจ้า เวลาหนึ่งเดือน ข้าให้เวลาเจ้าเพียงหนึ่งเดือน หากหลังจากหนึ่งเดือนแล้ว เจ้ายังจัดการไม่สำเร็จ ข้าจะนำทหารมาบุกแคว้นหนานหลี และรับเจ้ากลับบ้านด้วยตนเอง”
เยี่ยโยวเหยาเน้นย้ำเป็นครั้งที่สอง
ซูจิ่นซีระงับอารมณ์สับสนไว้ภายในใจ และยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“หนึ่งเดือนก็พอแล้วเพคะ! ”
ซูจิ่นซีครุ่นคิดอีกครั้ง “ในเมื่อท่านอ๋องพาพวก JX มาด้วย เช่นนั้นก็ดีมากแล้วเพคะ ต่อให้ท่านทิ้งขุนพลผีไว้ให้ หม่อมฉันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใด ท่านอ๋องพาพวกเขาไปด้วยเถิด”
พวก JX ซูจิ่นซีจะพาไปด้วยตนเอง พวกเขาแต่ละคนสามารถโจมตีด้วยทักษะพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหาร ลอบแทง ลอบโจมตี ลอบยิง นอกจากนั้น พวกเขาเพียงหนึ่งคนสามารถรับมือศัตรูได้ถึงสิบคน
ซูจิ่นซีเชื่อมั่นในพวกเขา ทหารดีไม่ต้องมีมาก บางครั้งคนมากกลับเป็นการสร้างปัญหา
ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับไม่ยอมให้ซูจิ่นซีปฏิเสธ
เขามองซูจิ่นซีด้วยสายตาเย็นชาและไม่พูดอันใด
ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงยอมตกลง “ในเมื่อท่านตั้งใจให้พวกเขาอยู่ต่อ เช่นนั้นก็ให้อยู่ต่อเถิด ไม่แน่ว่าอาจใช้ประโยชน์ได้ในบางเวลา”
“นอกจากนั้น ข้ายังมีสิ่งของบางอย่างมอบให้เจ้า! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดพลางจูงมือซูจิ่นซีไปที่โต๊ะและยื่นหนังสือเล่มเล็กให้นาง
ซูจิ่นซีเปิดดู ดวงตาพลันเปล่งประกาย
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ไม่มีอันใดเลย นอกจากรายละเอียดทางการทหารของแคว้นหนานหลี ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าข้อมูลที่ซูจิ่นซีเคยศึกษามาก่อน เนื้อหาแต่ละบรรทัดสามารถใช้งานได้จริง
นอกจากนั้นยังมีการเคลื่อนไหวในแต่ละช่วงเวลาของกองกำลังต่างๆ ในแคว้นหนานหลี
ซูจิ่นซีพลิกดูทีละหน้า เมื่อเห็นข้อมูลที่สำคัญมากในหน้าสุดท้าย ดวงตาของนางก็ทอประกายความเย็นชา
เยี่ยโยวเหยาเห็นเช่นนั้นจึงกุมมือซูจิ่นซีแน่น
“ซูจิ่นซี ข้าขอเตือนเจ้า หนึ่งเดือนต่อจากนี้ เจ้าต้องมอบตัวของเจ้าที่สมบูรณ์ครบถ้วนให้ข้า หากขาดเส้นผมแม้เพียงเส้นเดียว ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า”
ซูจิ่นซีคิ้วกระตุกอย่างแรง
บุรุษผู้นี้ แม้คำพูดแสดงความห่วงใยยังพูดได้โหดร้ายเช่นนี้ ช่าง… เกินไปแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ นางแย้มยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอันใด นับเป็นการตกลงอย่างเงียบงัน
“นอกจากนี้ ข้ายังมีสิ่งของที่สร้างความประหลาดใจให้เจ้า ทว่าซูจิ่นซี เมื่อเจ้าได้รับของขวัญชิ้นนั้นของข้าแล้ว เจ้าต้องขอบคุณข้า”
เยี่ยโยวเหยาผู้ที่ไม่ชอบพูดมาก วันนี้ดูจะพูดมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีสิ่งที่ทำให้ซูจิ่นซีประหลาดใจ ทำให้นางไม่อาจคาดเดาได้เลย
ซูจิ่นซียกยิ้มเล็กน้อย “เช่นนั้นต้องดูว่าท่านอ๋องเตรียมความประหลาดใจใดให้หม่อมฉัน”
“ซูจิ่นซี เจ้าบอกข้าก่อนว่าจะมอบสิ่งใดให้ข้าแทนคำขอบคุณ”
นี่มันจับเสือมือเปล่ากระมัง?
มีที่ใดกัน ยังไม่เห็นว่าเป็นสิ่งใด ก็วางเงินเดิมพันไปก่อนแล้ว! ซูจิ่นซีจะยอมทำการค้าที่ไม่คุ้มค่าเช่นนั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ซูจิ่นซียื่นมือไปทางเยี่ยโยวเหยา ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันชาญฉลาด
“ท่านอ๋องเพียงนำสิ่งที่น่าประหลาดใจออกมา หม่อมฉันต้องเห็นสิ่งของนั้นก่อน จึงจะมอบของขวัญแทนคำขอบคุณได้ ไม่มีเหตุผลให้ต้องวางเดิมพันก่อน ทั้งที่ยังไม่เห็นสิ่งของ”
เยี่ยโยวเหยาเห็นท่าทางของซูจิ่นซี มุมปากพลันยกยิ้ม
“เกี่ยวกับดอกไม้ปีศาจในเทศกาลร้อยบุปผาวันนั้น ข้าให้คนนำไปส่งที่จวนฉีอ๋องแล้ว”
ซูจิ่นซีดีใจจนดวงตาเปล่งประกาย นางแทบกระโดดด้วยความยินดี
เดิมที นางคิดว่าคงหมดหวังกับการตามหาดอกไม้ปีศาจ กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะนำมันส่งไปที่จวนฉีอ๋องแล้ว
เมื่อมีมู่หรงฉีอยู่ เขาจะไม่ปล่อยให้ดอกไม้ปีศาจกลายเป็นยาพิษอย่างสูญเปล่า เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูพลังภายในของอู๋จุน
เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดใจสำหรับซูจิ่นซี
เพียงแต่…
ไม่รู้ว่าดอกไม้ปีศาจนั้นจะได้ผลมากเพียงใด พวกจงรุ่ยอันจะสามารถใช้ประโยชน์จากดอกไม้ปีศาจเพื่อฟื้นฟูพลังภายในของอู๋จุนได้หรือไม่ หากยามนี้อวิ๋นจิ่นอยู่ที่จวนฉีอ๋องก็ดีสิ
อวิ๋นจิ่น…
ทันใดนั้น ในความคิดของซูจิ่นซีก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ลูกธนูทั้งห้าดอกถูกยิงออกมาพร้อมกันและพุ่งตรงไปทางอวิ๋นจิ่น ท่ามกลางความเงียบสงบ ซูจิ่นซียืนนิ่ง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
เมื่อเห็นซูจิ่นซีเหม่อลอย ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ยื่นมือออกมาเชยคางของนาง ทั้งดวงตายังฉายแววตักเตือน “ข้าส่งดอกไม้ปีศาจไปที่จวนฉีอ๋อง เป็นเพราะข้าไม่ชอบให้สตรีของข้าติดหนี้บุญคุณชายอื่น ดังนั้น เรื่องนี้ต้องสะสางแยกแยะความสัมพันธ์กับอู๋จุนให้ชัดเจน ซูจิ่นซี เจ้าได้ยินหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีเห็นท่าทางของเยี่ยโยวเหยาแล้ว นางอยากจะกลั้นหัวเราะจริงๆ
ทว่าความเย็นชาและคำเตือนบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยา ดูเหมือนมีความ ‘หึงหวง’ อยู่เล็กน้อย
“โอ้… ” ซูจิ่นซีชี้ไปที่เยี่ยโยวเหยา “เยี่ยโยวเหยา อาหารเช้าวันนี้ ลวี่หลีไม่ได้ใส่น้ำส้มสายชู! ทว่าเหตุใดหม่อมฉันจึงได้กลิ่นเหมือนน้ำส้มสายชูเล่า? ”
สตรีนางนี้!
ปัญหาที่จริงจังเช่นนี้ นางยังหัวเราะออกมาได้อีก?
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วแน่นด้วยใบหน้าดุดัน ทันใดนั้น เขาก็โน้มตัวลงมากัดริมฝีปากของซูจิ่นซีอย่างแรง
ซูจิ่นซีหยุดหัวเราะทันที นางเบิกตากว้าง และทำตัวเรียบร้อยเชื่อฟัง
เยี่ยโยวเหยาใช้กำลังเล็กน้อยเพื่อเป็นการลงโทษ แม้รอยกัดจะไม่มีเลือดออก ทว่าทำให้ซูจิ่นซีจดจำไปอีกนาน หลังจากนั้น เขาก็สอดลิ้นเข้าไปพัวพันในปากของซูจิ่นซี ก่อนจะปล่อยตัวนางไป
แม้ซูจิ่นซีจะไม่หัวเราะแล้ว ทว่าแก้มของนางกลับแดงระเรื่อ นางหันหน้าหนีพลางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่พูดสิ่งใด
“ซูจิ่นซี ข้าต้องไปจริงๆ แล้ว! ”
“เพคะ! ”
“มีเวลาจำกัดหนึ่งเดือน! ”เยี่ยโยวเหยาเน้นย้ำอีกครั้ง
“เพคะ! ”
หลังจากนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ปล่อยซูจิ่นซีและหันหลังเดินออกจากประตูไป
เห็นได้ชัดว่าในห้องไม่มีลม ทว่าซูจิ่นซีกลับรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอย่างชัดเจน เสื้อผ้าของเขาที่โบกสะบัดก่อให้เกิดลมหนาว ทำให้หัวใจของนางเย็นยะเยือก รอยยิ้มที่มุมปากพลันเลือนหาย แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกขมขื่นและห่วงหาอาวรณ์
เยี่ยโยวเหยาเดินออกมา ฉินเทียนและองครักษ์ข้างกาย หลายสิบนายต่างยืนรออยู่ที่ประตูแล้ว ทั้งเหล่าขุนพลผีก็เตรียมพร้อมเดินทางออกจากหุบเขา
ฉินเทียนยื่นแส้ม้าให้เยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยากำลังจะปีนขึ้นไปบนหลังม้า ทันใดนั้น เสียงของซูจิ่นซีก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เยี่ยโยวเหยา! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ร่างเล็กๆ ของซูจิ่นซีก็วิ่งเข้ามาโอบกอดเยี่ยโยวเหยา เมื่อเยี่ยโยวเหยาหันกลับไป ริมฝีปากของนางก็บรรจงจูบลงมาที่ริมฝีปากของเขา