สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 18 ตอนที่ 531 หมายจับ
ริมฝีปากอ่อนนุ่มของซูจิ่นซีประทับลงบนริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีขวยเขิน
เยี่ยโยวเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทว่าเขาตอบสนองกลับอย่างทันท่วงที วงแขวนกว้างใหญ่ดึงร่างซูจิ่นซีเข้ามาไว้ในอ้อมกอด และตอบรับซูจิ่นซีอย่างร้อนแรง
ฉินเทียนและเหล่าองครักษ์เห็นแล้วรู้สึกอึดอัดจึงหันหลังไปอีกทางหนึ่ง
แม่นมฮวาที่เพิ่งเดินออกมาพร้อมซูจิ่นซีพลันตกตะลึง ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มสุขใจ ทั้งนางยังแย้มยิ้มสดใสยิ่งกว่าผู้อื่น ก่อนจะหันหน้าหนีเช่นกัน
การจุมพิตครั้งนี้ยาวนานยิ่งนัก
แรกเริ่มเป็นการจุมพิตที่อบอุ่น แสดงถึงความรู้สึกที่ไม่ต้องการแยกจากกัน ต่อมากลายเป็นจุมพิตแผ่วเบาด้วยความรู้สึกรักอันลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าซูจิ่นซีเป็นคนเริ่มจูบเยี่ยโยวเหยาก่อน ทว่าสุดท้าย นางกลับล่องลอยอยู่ภายใต้จุมพิตอันเร่าร้อนและอ่อนโยนของเยี่ยโยวเหยา
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาจึงปล่อยซูจิ่นซี สองมือของเขาประคองแก้มซูจิ่นซี และใช้หน้าผากของตนแตะลงไปที่หน้าผากของนาง
จากตำแหน่งนี้ ทำให้ซูจิ่นซีไม่เห็นใบหน้าของเยี่ยโยวเหยา ทั้งไม่เห็นอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของเขา
ครู่หนึ่ง รอจนอารมณ์ของซูจิ่นซีสงบลงบ้างแล้ว นางจึงแย้มยิ้มสดใส
“เยี่ยโยวเหยา นี่เป็นของขวัญให้ท่าน! ”
ของขวัญ?
เยี่ยโยวเหยาแย้มยิ้ม
เดิมทีเขาบอกว่าต้องการสิ่งตอบแทนเป็นของขวัญ เขาเพียงพูดล้อเล่นกับซูจิ่นซีเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการของขวัญอันใดจากนาง อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่านางจะนำมาใส่ใจ ทั้งมันยังเป็นของขวัญสุดพิเศษ
เยี่ยโยวเหยาลูบไล้เส้นผมซูจิ่นซีด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของนาง
“ข้าชอบของขวัญชิ้นนี้! ”
พูดจบ เยี่ยโยวเหยาก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง
ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นเยี่ยโยวเหยาหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขเช่นนี้มาก่อน ทว่าคำว่า ‘ชอบ’ กลับทำให้นางรู้สึกถึงอารมณ์ที่แตกต่างออกไป ภายในใจซูจิ่นซีรู้สึกประหม่า ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
แม้จะอาลัยอาวรณ์ที่ต้องห่างกันนับพันลี้ ทว่าท้ายที่สุดก็ต้องจากลา
เยี่ยโยวเหยาปล่อยมือซูจิ่นซีอีกครั้ง และเตรียมหันหลังกระโดดขึ้นม้า ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ดึงมือเยี่ยโยวเหยาไว้ นางเขย่งเท้ายื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูเยี่ยโยวเหยา “ยังมีของขวัญอีกหนึ่งชิ้นเพคะ เป็นของขวัญที่หม่อมฉันเตรียมไว้นานแล้ว หม่อมฉันวางไว้ด้านหลังรถม้า ท่านอ๋องอย่าลืมเปิดนะเพคะ!”
ซูจิ่นซียังมีของขวัญอีกหนึ่งชิ้นให้เขา?
เป็นของขวัญประเภทใดหรือ?
ซูจิ่นซีมอบของขวัญให้ ทั้งยังบอกเขาด้วยท่าทีจริงจังเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยารู้สึกสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว
หากไม่ใช่เพราะเร่งรีบ และรถม้าด้านหลังมีไว้เพื่อแวะพักระหว่างทางเท่านั้น เขาคงขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันนั้นอย่างแน่นอน และตรวจสอบดูว่าของขวัญที่ซูจิ่นซีมอบให้คือสิ่งใด
ทว่าสุดท้าย เยี่ยโยวเหยายังกลั้นใจไว้
หลังจากออกไปส่งเยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซีก็กลับเข้ามาในตำหนัก
แม้นางจะรับปากเยี่ยโยวเหยาแล้วว่าจะพักรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง รอจนร่างกายฟื้นฟูดีแล้วค่อยกลับไปเมืองเย่หลิน ทว่าสถานการณ์ในเมืองเย่หลิน มีหลายเรื่องที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ ซูจิ่นซีไม่อาจอดทนรอแม้แต่วินาทีเดียว
ทันทีที่เยี่ยโยวเหยาออกไป ซูจิ่นซีก็เรียกเหล่า JX ทั้งหมดออกมา เพื่อเตรียมแผนการต่อไป
นอกจากนั้น เยี่ยโยวเหยายังให้แม่นมฮวากับลวี่หลีอยู่ปรนนิบัติซูจิ่นซี อย่างไรก็ตาม หากแม่นมฮวากับลวี่หลีอยู่ข้างกาย ซูจิ่นซีเกรงว่าจะไม่สะดวก ซูจิ่นซีจึงให้พวกนางรออยู่ที่คฤหาสน์ ไม่ต้องติดตามไปด้วย
เวลาพลบค่ำผ่านไป ดวงดาวเคลื่อนคล้อยJX1 JX2 JX3และ JX4 ทั้งสี่คนอยู่ในชุดทะมัดทะแมง พวกเขาออกจากคฤหาสน์พร้อมกับซูจิ่นซี และมุ่งหน้าเดินทางไปเมืองเย่หลิน
ขณะเดียวกัน หลังจากเยี่ยโยวเหยาเดินทางมาตลอดทั้งวัน เขากับพรรคพวกก็มาถึงชายแดนระหว่างแคว้นหนานหลีกับแคว้นจงหนิง คณะเดินทางกำลังพักผ่อนอยู่กลางป่าแห่งหนึ่ง
เยี่ยโยวเหยาลงจากม้าและมอบม้าให้องครักษ์ จากนั้นจึงเดินไปทางรถม้าที่อยู่ด้านหลัง
แม้จะเป็นการเดินทางร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่าเยี่ยโยวเหยามีสถานะพิเศษ ทั้งเขายังพิถีพิถันในเรื่องสำรับอาหารทั้งสามมื้อ ซึ่งทั้งหมดได้จัดเตรียมอย่างพร้อมสรรพไว้บนรถม้าแล้ว
สาเหตุที่เยี่ยโยวเหยาขี่ม้า เพื่อเร่งความเร็วในการเดินทางไปยังแคว้นซีอวิ๋น
ยามนี้ องครักษ์ที่รับผิดชอบดูแลสำรับอาหารของเยี่ยโยวเหยา ได้จัดเตรียมอาหารไว้บนรถม้าแล้ว
แม้เยี่ยโยวเหยาจะรู้สึกหิวมากหลังจากเร่งเดินทางมาทั้งวัน ทว่าเมื่อขึ้นมาบนรถม้า เขากลับไม่สนใจสำรับอาหารแม้แต่น้อย สายตาของเขาสอดส่ายมองหาห่อผ้าเป็นอันดับแรก
ทันทีที่นั่งลง เยี่ยโยวเหยาก็ยื่นมือออกไปหยิบห่อผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ห่อผ้าหนักมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เปิดดูในทันที ทำเพียงนั่งจ้องอยู่ครู่ใหญ่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใดแล้ว
แสงสว่างอันเงียบสงบจากด้านนอกลอดผ่านเข้ามาข้างใน และตกกระทบลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาคมสันที่ทั้งสงบนิ่งและสง่างาม กลายเป็นภาพอันงดงามดั่งเทพเจ้าบรรจงแกะสลักไว้อย่างวิจิตร
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยโยวเหยาแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปเปิดห่อผ้าที่วางอยู่เบื้องหน้า
ภายในห่อผ้ามีกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งวางอยู่ ตัวกระถางเป็นเครื่องลายครามสีขาวนม ขนาดเท่ากับถ้วยน้ำแกง ดูแล้วงดงามประณีต ภายในกระถางมีต้นไม้อยู่สามต้น ใบไม้สีเขียวหยกขนาดเล็กพอควร กล่าวได้ว่าเป็นต้นไม้เพาะชำชนิดหนึ่ง
เดิมทีเยี่ยโยวเหยาไม่เคยสนใจสิ่งของประเภทนี้ และไม่รู้ว่ามันคือต้นอันใด
ใต้กระถางต้นไม้มีจดหมายอยู่หนึ่งฉบับ เยี่ยโยวเหยาเปิดออกดู ด้านในเป็นข้อความที่ซูจิ่นซีเขียนให้เขา
‘เพาะต้นเหอฮวานให้ท่านอ๋อง อยู่ห่างไกลนับพันลี้ เยี่ยโยวเหยา วันใดที่ดอกเหอฮวานบานสะพรั่ง จะเป็นวันที่จิ่นซีกลับไปพบท่าน’
ที่แท้ ต้นไม้นี้มีชื่อว่าดอกเหอฮวาน
เยี่ยโยวเหยาหันไปมองต้นไม้นั้นอีกครั้ง ดวงตาดำขลับทอประกาย
เนื้อความหลังจากนั้น ซูจิ่นซีได้อธิบายเพิ่มเติมอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องใส่ใจดูแล รวมถึงความถี่ในการรดน้ำ จำนวนครั้งในการใส่ปุ๋ย และระยะเวลาในการรับแสงแดด เยี่ยโยวเหยาอ่านจบก็เก็บจดหมายกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
จากนั้นจึงหยิบพู่กันกับหมึกออกมา เขาเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้องครักษ์เงา กำชับให้เขานำไปมอบให้ซูจิ่นซี
เยี่ยโยวเหยาในวันนี้ ดูเหมือนจะพูดจาปราศรัยมากขึ้น ทั้งยังทำสิ่งต่างๆ โดยไม่รังเกียจความยุ่งยาก หลังจากได้รับของขวัญแล้ว ยังเขียนจดหมายตอบกลับซูจิ่นซีอีกหนึ่งฉบับ
เนื้อความในจดความเขียนว่าอย่างไร?
เวลานี้ เดิมทีซูจิ่นซีต้องพักฟื้นรักษาตัวอยู่ในคฤหาสน์ตามความต้องการของเยี่ยโยวเหยา ทว่านางกลับเดินทางไปยังเมืองเย่หลิน เช่นนั้น จดหมายฉบับนี้ นางจะได้รับหรือไม่?
ซูจิ่นซีกับพวก JX แต่งกายด้วยชุดที่เหมือนชาวบ้านธรรมดา พวกเขาเดินทางทั้งวันทั้งคืนจนมาถึงประตูทางเข้าเมืองเย่หลิน ทว่าขณะที่ทุกคนเดินทางมาถึงประตูเมือง กลับพบว่าเวลานี้ หน้าประตูเมืองที่ไม่ควรมีคนพลุกพล่าน กลับมีชาวบ้านยืนต่อแถวกันยาวเหยียด
ไม่ต้องสอบถามให้มากความ เนื่องจากด้านหน้าประตูเมืองมีภาพบุคคลติดอยู่เด่นหลา ทั้งยังมีการจัดเตรียมกำลังทหารจำนวนมาก เพื่อตรวจสอบชาวบ้านที่เดินเข้าเมืองทีละคน หลังจากเปรียบเทียบผู้คนที่เดินผ่านประตูเมืองกับบุคคลในภาพวาดแล้วจึงปล่อยให้เข้าไป สถานการณ์เช่นนี้สามารถบอกได้ในทันทีว่าเป็นการปิดประตูเมืองเพื่อตรวจสอบ ต้องมีคนถูกประกาศจับแน่นอน
ส่งกำลังทหารจำนวนมากออกมาในเวลาค่ำมืดดึกดื่นเช่นนี้ ดูเหมือนคนผู้นั้นจะมีค่าหัวมาก คนที่ถูกประกาศจับเป็นผู้ใดกัน?
ซูจิ่นซีและพวก JX พากันเดินอ้อมแถวที่ยาวเหยียด เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูเมืองและได้เห็นภาพวาดนั้น ซูจิ่นซีกับพรรคพวกก็ตกตะลึงอย่างมาก ภาพวาดนั้นเป็นนางจริงหรือ ทั้งภาพบุรุษที่อยู่ด้านข้างยังเป็นเยี่ยโยวเหยา
บัดซบ ผู้ใดเป็นคนวาด ฝีมือย่ำแย่ยิ่งนัก เหตุใดจึงวาดนางกับเยี่ยโยวเหยาออกมาได้อัปลักษณ์เช่นนี้?
แม้ภายในใจของซูจิ่นซีจะกร่นด่าว่าภาพที่ออกประกาศจับนั้นอัปลักษณ์มาก ทว่าเมื่อเห็นทหารที่ยืนเข้าแถวอยู่หน้าประตูเมือง ซูจิ่นซีก็เข้าใจได้ในทันที ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่นางควรใช้กำลัง เรื่องการเข้าเมืองต้องวางแผนให้รอบคอบ นางจึงรีบพาพวก JX เดินไปด้านหลังขบวน
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ทันใดนั้น ทางด้านหลังก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “หยุดอยู่ตรงนั้น! ”
ซูจิ่นซีหยุดชะงัก หัวใจของนางเต้นรัว
เสียงนี้… นางคุ้นเคยยิ่งนัก