สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 19 ตอนที่ 552 ศิลาสามชาติ พรหมลิขิตที่ยากกำหนด
อู๋จุนหมดสติอีกครั้ง ทั้งยังมีไข้ ร่างกายของเขาร้อนผ่าวราวกับแผ่นเหล็กที่นาบบนความร้อน ทว่าแขนขากลับเย็นเฉียบผิดปกติ ใบหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ ริมฝีปากไร้สีเลือด
ซูจิ่นซีรีบเดินไปที่ปากถ้ำและมองไปรอบๆ ค่ำคืนที่เงียบสงัด นอกจากทุ่งหญ้าที่ถูกลมพัดจนปลิวไสวแล้ว ก็เป็นภูเขาหินที่มีรูปร่างประหลาด ไร้เงาผู้ใด
แม้นางจะเปิดอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด เพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ทว่ายังคงไร้เงาของอวิ๋นจิ่น
ตอนนี้อาคมกำไลปี่อั้นพัฒนาจนถึงระดับที่สี่แล้ว ทั้งยังมีความสามารถสองด้าน นอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการฟังให้ซูจิ่นซีแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพของประสาทสัมผัสทั้งห้าอีกด้วย
ต่อให้อวิ๋นจิ่นจะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว หรือซูจิ่นซีไม่สามารถใช้เสียงวิเคราะห์ว่าอวิ๋นจิ่นอยู่บริเวณนี้หรือไม่ ทว่านางสามารถใช้กลิ่นวิเคราะห์ตำแหน่งของอวิ๋นจิ่นได้ ทว่าความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นกลับตรวจไม่พบกลิ่นของอวิ๋นจิ่นที่บริเวณโดยรอบแม้แต่น้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อวิ๋นจิ่นอาจอยู่ห่างไกลจากพวกเขา ด้วยระยะห่างเช่นนี้แล้ว ต่อให้อวิ๋นจิ่นจะหายาสมุนไพรพบ เกรงว่าอู๋จุนคงรอไม่ไหวและเสียชีวิตไปก่อนที่สมุนไพรจะมาถึง
นอกจากนั้น อวิ๋นจิ่นก็ไม่รู้อาการของอู๋จุนในตอนนี้ และเขาจะกลับมาเมื่อใดก็ไม่มีผู้ใดรู้
ซูจิ่นซีไม่กล้าเอาชีวิตของอู๋จุนมาเดิมพันกับเรื่องที่ไม่อาจคาดเดา นางไม่อาจเดิมพันได้
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีก็หันหลังกลับทันที นางเดินเข้าไปในถ้ำ และประคองอู๋จุนที่นั่งอยู่ข้างกองไฟขึ้นมา ก่อนจะเริ่มตรวจชีพจรให้เขาอีกครั้ง
จากนั้นซูจิ่นซีก็นั่งลงบนพื้น พลางหลับตารวบรวมสมาธิ นางค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมาที่หน้าอก ทันใดนั้น หลอดเข็มฉีดยา ยาแผนปัจจุบัน ยาน้ำ ขวดยากระปุกเล็ก และขวดน้ำเกลือ ก็ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ
ผงยานั้นคือโดพามีนซึ่งเป็นยากระตุ้นหัวใจชนิดหนึ่ง ซูจิ่นซีผสมโดพามีน น้ำเกลือ และยาน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วฉีดเข้าไปในร่างของอู๋จุน
ยาเข็มนี้เป็นการกระตุ้นหัวใจที่ใช้กันในยุคสมัยปัจจุบัน มีผลในการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและการบีบรัดของหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปที่ไต หัวใจ และสมอง
เนื่องจากมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก จึงไม่ใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยทั่วไป เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย อีกทั้งปริมาณสำรองที่เตรียมไว้ในระบบถอนพิษก็มีไม่มาก หากไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ เมื่อใช้หมดแล้ว ก็จะไม่มีให้ใช้อีก ดังนั้นซูจิ่นซีจึงใช้ยาสมุนไพรเหล่านี้อย่างระมัดระวัง นับตั้งแต่ข้ามมิติมา นางเพิ่งได้ใช้เป็นครั้งแรก เนื่องจากตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมดหนทางแล้ว นางจึงนำออกมา
เมื่อฉีดยากระตุ้นหัวใจเสร็จเรียบร้อย ซูจิ่นซีจึงใช้เข็มเงินฝังไปที่จุดฝังเข็มเพื่อลดไข้ให้อู๋จุน ทั้งนางยังใช้เข็มเหมันต์เทวะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอีกด้วย
หลังจากฝังเข็มเสร็จ ซูจิ่นซีก็นำเข็มเหมันต์เทวะออกจากร่างของอู๋จุนทีละเล่มและใส่ลงไปในกล่อง ขณะนั้น อู๋จุนก็ลืมตาขึ้นมาพอดี
กล่าวได้ว่า ยาแผนปัจจุบันได้ผลดีมาก
อู๋จุนที่เมื่อครู่พยายามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด บัดนี้ดวงตาของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ แม้แต่ประกายในดวงตา นอกจากใบหน้าซีดขาว และริมฝีปากไร้สีเลือด เขาไม่หลงเหลือร่องรอยความเจ็บป่วย และดูไม่เหมือนคนป่วยแม้แต่น้อย
ทว่าในใจของซูจิ่นซีรู้ดีว่า นี่เป็นท่าทางที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว คงอยู่ได้ไม่นาน
มันเป็นดั่งปฏิกิริยาโต้กลับของคนที่กำลังจะเสียชีวิต หากท่าทางที่ดูเหมือนจะดีขึ้นนี้หายวับไป ชีวิตของอู๋จุนก็จะเหี่ยวเฉาดั่งดอกไม้ที่ร่วงโรย ไม่มีวันหวนคืนอีกแล้ว
ดังนั้น นางต้องรีบหาหนทางช่วยชีวิตอู๋จุน จะต้องหาให้พบโดยเร็ว ในขณะที่ยากระตุ้นหัวใจยังออกฤทธิ์อยู่
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้าใช้วิธีใดรักษาพี่จุนหรือ? พี่จุนรู้สึกเหมือนจะหายดีแล้ว! ”
อู๋จุนมองซูจิ่นซีด้วยแววตาสดใส เขาพยายามลุกขึ้น ทั้งยังสามารถลุกได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก
การกระทำเช่นนี้ ตอนที่อู๋จุนยังไม่ได้ฉีดยากระตุ้นหัวใจ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างยากลำบาก
ซูจิ่นซีรีบเข้าไปประคองอู๋จุน
รอยยิ้มที่มุมปากของอู๋จุนทั้งงดงามและทรงเสน่ห์ “แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย มีสิ่งใดให้ทานหรือไม่? พี่จุนหิวแล้ว! ”
ซูจิ่นซีไม่ต้องการหลอกลวงอู๋จุน
“อู๋จุน เจ้าฟังข้า เมื่อครู่ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้า ข้าเพียงใช้ยาที่คล้ายกับยากระตุ้นหัวใจ ทว่าประสิทธิภาพดีกว่ายากระตุ้นหัวใจมาก”
ดังนั้น อู๋จุนจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าอันตรายยังคงอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับซูจิ่นซี ต่อให้ยากลำบากเพียงใด ใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มงดงาม “แม่นางพิษน้อย ไม่เป็นไร ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต ยิ่งไปกว่านั้น พี่จุนดวงแข็งอยู่แล้ว! จะตายง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
ร่างกายไม่ใช่เหล็กกล้า เขาไม่ใช่จิ้งจอกเก้าชีวิตที่ตายไปแล้วยังฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ เขาจะไม่มีวันตายได้อย่างไร?
ซูจิ่นซีอยากทุบอู๋จุนสักหมัด หรือหยิกเขาแรงๆ สักที ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของอู๋จุนแล้ว นางก็ไม่อาจทำได้
นางประคองอู๋จุนขึ้นมา “เจ้ารีบลุกขึ้นก่อน ตอนนี้พวกเราจะลงจากเขาไปหาท่านย่าของข้า สกุลจงและสำนักแพทย์เทียนอีมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พวกเขาต้องมีวิธีตามหาจิ่วหรง ได้ยินว่าจิ่วหรงสามารถชุบชีวิตคนได้ เขาต้องรักษาเจ้าได้อย่างแน่นอน”
ร่างของอู๋จุนหนักมาก ทว่าซูจิ่นซีกลับพยุงเขาขึ้นมาได้ นางประคองอู๋จุนออกจากถ้ำ แต่กลับถูกอู๋จุนรั้งมือไว้ “แม่นางพิษน้อย อย่าลำบากเลย สำนักแพทย์เทียนอีคือที่แห่งใด? จิ่วหรงคือผู้ใด? จะหาเจอง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
ดวงตาของซูจิ่นซีแดงก่ำ
เขายกยิ้มมุมปากราวกับดอกไม้ที่สดใสและทรงเสน่ห์
“อย่าพยายามอีกเลย พี่จุนไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่จุนจะอยู่ที่นี่ ให้พี่จุนได้เห็นเจ้าชัดๆ อีกครั้ง! ”
เมื่อชีวิตใกล้จะถึงจุดจบ และเขากำลังจะจากโลกนี้ไป การได้มองแม่นางพิษน้อยเช่นนี้ก็นับว่ามีความสุขมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีจะยอมให้อู๋จุนทำตามอำเภอใจ และทำในสิ่งที่ต้องการเช่นนั้นหรือ?
ซูจิ่นซียังคงประคองอู๋จุนให้เดินต่อไปโดยไม่พูดสิ่งใด
อู๋จุนมองซูจิ่นซีที่กำลังดื้อรั้นด้วยแววตาเจ็บปวด เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไปช่วยซูจิ่นซีทัดผมที่เปียกชุ่มไว้ที่หลังใบหู
ซูจิ่นซีหยุดชะงักไปชั่วขณะ ทว่าไม่ได้เงยหน้ามองอู๋จุน
“แม่นางพิษน้อย อย่าทำเช่นนี้ เชื่อฟังข้า พี่จุนเหนื่อยมากแล้ว! ”
ซูจิ่นซียังยืนนิ่งไม่ขยับ และไม่พูดอันใด
อู๋จุนมองซูจิ่นซีด้วยท่าทางผ่อนคลาย มือที่ยื่นออกไปไม่กล้าล้ำเส้น สุดท้ายก็สัมผัสเพียงเส้นผมของซูจิ่นซีเท่านั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะให้ตนเองสัมผัสแก้มและผิวหนังของซูจิ่นซี
เขาทอดสายตายาวออกไป สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าของซูจิ่นซี
“หากชาติหน้ามีจริง พี่จุนจะไปรอเจ้าก่อน ในชาติหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ศิลาสามชาติ และสลักชะตาชีวิตพรหมลิขิตของพวกเราด้วยมือตนเอง ชาติหน้า… ต้องได้พบเจ้าเป็นคนแรก”
น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและอ่อนโยน ทั้งยังทอดยาว อาลัยผูกพัน และเต็มไปด้วยความโศกเศร้าสิ้นหวังอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ตั้งแต่ซูจิ่นซีรู้จักอู๋จุน นางไม่เคยได้ยินเขาพูดด้วยความโศกเศร้าสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่รู้ว่าชะตาชีวิตนั้น ใช่ว่าสลักไว้ที่ศิลาสามชาติแล้วจะได้พบกันอีก
ศิลาสามชาติสามารถกำหนดพรหมลิขิตในใต้หล้า ทว่าไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของทุกคนในใต้หล้า
อย่างเช่น…