สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 19 ตอนที่ 555 ยอดฝีมือลึกลับที่ควบคุมอยู่เบื้องหลัง
ชั่วพริบตา ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่มีแสงไฟหลากสี ไม่มีตำหนักฝูอวิ๋น ไม่มีเรือนอวิ๋นไคในเรือนชิงโยว ไม่มีเยี่ยโยวเหยา แม่นมฮวาและลวี่หลี ภาพเบื้องหน้ากลับมาเป็นปากถ้ำในดินแดนต้องห้ามของสกุลจง
ใช่แล้ว ปากถ้ำดินแดนต้องห้ามของสกุลจง!
ภาพเบื้องหน้าคือภูเขาในดินแดนต้องห้าม ยามค่ำคืน บริเวณโดยรอบเงียบสงัด ลมหนาวพัดผ่าน ทำให้ยอดหญ้าพลิ้วไหวอย่างต่อเนื่อง สอดประสานกับเสียงของสายลมในป่าที่พัดหวีดหวิว
เชิงเขาที่อยู่ไกลออกไปมีแสงไฟสลัวภายในเรือนสกุลจง
ทุกอย่างกลับมาสู่จุดเดิมอีกครั้ง เดิมทีซูจิ่นซีควรดีใจ ทว่านางไม่ยินดีแม้แต่น้อย
พูดให้ถูกคือ นางไม่มีเวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ตรงหน้า
เลือดไหลรินออกจากปากของนางไม่หยุด ระบบถอนพิษส่งเสียงอย่างบ้าคลั่ง แจ้งเตือนว่านางได้รับพิษ นางพยายามควบคุมระบบถอนพิษเพื่อหาองค์ประกอบของสารพิษและวิธีการถอนพิษ ทว่าหลังจากที่นางวิเคราะห์หลายต่อหลายครั้ง กลับไร้ผล
ผู้ที่ได้รับพิษมิใช่ใครอื่น ทว่าเป็นซูจิ่นซีเอง
ในฐานะที่ซูจิ่นซีเป็นอัจฉริยะด้านพิษซึ่งมีระบบถอนพิษที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงจากโลกปัจจุบัน ท้ายที่สุดกลับถูกพิษเสียเอง!!!
นอกจากนั้น นางยังไม่สามารถวิเคราะห์ว่าตนเองถูกพิษชนิดใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถอนพิษ
ตั้งแต่ที่ซูจิ่นซีใช้งานระบบถอนพิษ นี่เป็นครั้งที่สองที่นางได้รับพิษ
ครั้งแรกคือตอนที่นางเพิ่งทะลุมิติมา ยามนั้น เจ้าของร่างเดิมได้รับยาปลุกกำหนัดอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมของนาง
ทว่าครั้งนี้…
สารพิษเข้าใกล้ตัวนางได้อย่างไร? เหตุใด กระทั่งระบบถอนพิษยังไม่สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้? ปกติแล้ว หากสารพิษเข้าใกล้ซูจิ่นซี ระบบถอนพิษจะแจ้งเตือนทันที นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้อื่นไม่อาจวางยาพิษซูจิ่นซีได้โดยง่าย ทว่าครั้งนี้ ระบบถอนพิษกลับไม่แจ้งเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย
เป็นผู้ใดกันที่วางยาพิษด้วยวิธีการสูงส่งและร้ายกาจเช่นนี้?
ซูจิ่นซีไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น นางครุ่นคิดอย่างฉับไว
อู๋จุนที่อยู่ด้านข้างก็มีใบหน้าซีดเผือดเช่นกัน เขาใช้เวลาครู่ใหญ่จึงมายืนข้างกายซูจิ่นซีอย่างยากลำบาก ท่าทางของเขาเป็นกังวลและเจ็บปวดใจ “แม่นางพิษน้อย เจ้า… เป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บที่ใด? บาดเจ็บได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปาก “ไม่เป็นไร เพียงแค่… ถูกพิษเท่านั้น”
“ถูกพิษหรือ? ” อู๋จุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาได้สติ “ผู้ใดวางยาพิษเจ้า? เจ้าเป็นถึงอัจฉริยะด้านพิษ! ”
ซูจิ่นซีค่อยๆ หยิบยาออกมาจากระบบถอนพิษสองเม็ด นางทานลงไปหนึ่งเม็ด และส่งอีกเม็ดหนึ่งให้อู๋จุน
“ข้าก็ไม่รู้! อู๋จุน ข้ารู้สึกว่ามีคนคอยจับตาดูพวกเราอยู่ และคนที่อยู่เบื้องหลังยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย”
แววตาอู๋จุนเปล่งประกาย ราวกับต้องการพูดสิ่งใดบางอย่าง ทว่าเขากลับนิ่งเงียบและเปลี่ยนประเด็นการสนทนา “ตรวจพบหรือไม่ว่าเป็นพิษชนิดใด ถอนพิษได้หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะพลางขมวดคิ้วมุ่น ครู่หนึ่งจึงถามอู๋จุนกลับไปว่า “เจ้ารู้อันใดหรือไม่? ”
ดวงตาของอู๋จุนเปล่งประกายอีกครั้ง
ซูจิ่นซีถามต่อ “แม้อาณาจักรเทียนเหอจะกว้างใหญ่ ทว่าเจ้าเองก็นับได้ว่าเป็นปรมาจารย์ด้านสมุนไพรอันดับต้นๆ ของอาณาจักรเทียนเหอ ยอดฝีมือในวงการพิษคงมีไม่มาก เจ้าคงได้ยินมาบ้าง”
อู๋จุนครุ่นคิด “แท้จริงแล้ว พี่จุนไม่ได้ตั้งใจปกปิดเจ้า เพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้น”
ซูจิ่นซีคาดเดาได้ถูกต้อง อู๋จุนล่วงรู้อันใดบางอย่างจริงๆ นางนิ่งเงียบไม่พูดอันใด รอให้อู๋จุนพูดต่อ
“ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ ผู้ที่รู้วิชาแพทย์มีไม่มาก ทว่าผู้ที่เล่นพิษมีเพียงแคว้นไหวเจียงเท่านั้น”
แคว้นไหวเจียง?
แคว้นไหวเจียงนับว่าเป็นยอดฝีมือด้านพิษ ซูจิ่นซีเคยเห็นกับตาตนเองแล้ว
แววตาของซูจิ่นซีปรากฎความเคร่งขรึม นางส่ายศีรษะเล็กน้อย “ได้ยินมาว่า กูสือซาน ราชครูแห่งแคว้นไหวเจียง และหลานอวี่ เจ้าสำนักห้าพิษเป็นยอดฝีมือในการเล่นพิษ ทั้งยังชำนาญด้านพิษที่สุดในแคว้นไหวเจียง ทว่า… ความสามารถของพวกเขาไม่ถึงขั้นนั้นแน่นอน เมื่อครู่นี้ คงไม่ใช่พวกเขาสองคน”
ซูจิ่นซีไม่ได้ทะนงตน ทว่านางมั่นใจในเทคโนโลยีขั้นสูงของยุคปัจจุบัน และเชื่อในระบบถอนพิษ
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าอู๋จุนจะพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่กูสือซานและหลานอวี่”
แววตาของซูจิ่นซีปรากฎความประหลาดใจ
ไม่ใช่กูสือซานและหลานอวี่หรือ?
หรือว่าในแคว้นไหวเจียงยังมียอดฝีมือด้านพิษคนอื่นอีก?
อู๋จุนเห็นแววตาแสดงคำถามของซูจิ่นซี เขาจึงกล่าวว่า “คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเขายังมีตัวตนหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพราะเหตุใด? เป็นผู้ใด? ”
“อาจารย์ของกูสือซาน ราชครูที่แท้จริงของแคว้นไหวเจียง”
เวลานี้ ซูจิ่นซียิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น
หลังจากอู๋จุนอธิบายอย่างละเอียด ซูจิ่นซีก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับของแคว้นไหวเจียง หลายปีก่อน หลังจากอู๋จุนแอบเข้าไปในแคว้นไหวเจียง เขาสืบพบเรื่องนี้โดยบังเอิญ ทว่าข้อมูลนั้นถูกต้องเพียงใด ยังต้องสืบค้นให้แน่ชัดอีกครั้ง
ราชครูแห่งแคว้นไหวเจียงคือกูสือซาน ในแคว้นไหวเจียงไม่ว่าจะเป็นสำนักห้าพิษหรือราชสำนัก ล้วนฟังคำสั่งของกูสือซาน เขาควบคุมอำนาจขุนนางในราชสำนัก ทว่าแท้จริงแล้ว กลยุทธ์การปกครองและการกระทำทั้งหมดของกูสือซาน กลับได้รับคำสั่งจากบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลัง
บุคคลลึกลับผู้นี้มีเพียงกูสือซาน หลานอวี่ และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้แห่งแคว้นไหวเจียงยังไม่เคยพบบุคคลลึกลับผู้นี้แม้แต่น้อย
บุคคลลึกลับผู้นี้ เป็นอาจารย์ของกูสือซาน
ขณะที่อู๋จุนกล่าวถึงบุคคลลึกลับ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือก
หากบุคคลลึกลับมีตัวตนจริง ทั้งยังจับตามองพวกเขาอยู่ เรื่องนี้คงอันตรายอย่างยิ่ง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงเรื่องที่เขาสามารถวางยาพิษซูจิ่นซีได้โดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบถอนพิษ มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือด้านพิษขั้นสุดยอด
หลังจากอู๋จุนพูดจบ ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดสิ่งใด ครู่หนึ่ง จึงรั้งแขนของซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย ตอนนี้พี่จุนมั่นใจมาก อาจารย์ของเจ้ากูสือซานมีตัวตนจริงๆ เฒ่าประหลาดเป็นพวกเลอะเลือน เจ้าต้องระมัดระวังให้มาก”
ให้ระวังตัวตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด นางถูกวางยาพิษแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังคงยกยิ้มมุมปาก พลางเอ่ยปลอบใจอู๋จุน “หากยามนี้พวกเราต้องเผชิญหน้ากับคนผู้นั้นจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว”
อู๋จุนมีท่าทีสงสัย
ซูจิ่นซีพูดขึ้นอีกครั้งว่า “หากเขาต้องการชีวิตเจ้ากับข้า เช่นนั้น วางยาพิษพวกเราให้ตายไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดต้องเล่นกับพวกเราตั้งนานเหมือนแมวไล่จับหนู”
ใช่ว่าเขาไม่สามารถวางยาพิษซูจิ่นซี
“ข้าคิดว่าเขาต้องมีจุดประสงค์อื่น และคิดใช้ประโยชน์จากพวกเรา หากเป้าหมายของเขายังไม่สำเร็จ เขาไม่มีทางฆ่าพวกเราอย่างแน่นอน”
อู๋จุนยกยิ้มมุมปากอย่างชื่นชม “แม่นางพิษน้อย เจ้าร้ายกาจยิ่งนัก คงเป็นดั่งเจ้าพูด เจ้านั่นคงไม่ลงมือกับพวกเราอย่างรวดเร็วเช่นนี้”
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น แววตาของซูจิ่นซีพลันปรากฏความเคร่งขรึม
แท้จริงแล้ว สิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ นางพูดออกมาไม่หมด ทั้งยังปกปิดข้อมูลบางอย่างไว้
เวลานี้ ยอดฝีมือที่ควบคุมอยู่เบื้องหลังพวกเขา ไม่มีทางลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้
ทว่าคนที่บุคคลลึกลับผู้นั้นต้องการใช้ประโยชน์และไว้ชีวิตชั่วคราวคือนาง ไม่ใช่อู๋จุน
ส่วนอู๋จุน…
คนผู้นั้นไม่จำเป็นต้องลงมือ ฤทธิ์ยากระตุ้นหัวใจคงอยู่ได้อีกไม่นาน รอจนยาหมดฤทธิ์ ชีวิตของเขาก็นับว่าเดินมาถึงปลายทางแล้ว