สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 19 ตอนที่ 568 สามชาติสามภพ ท่านเคยรักข้าบ้างหรือไม่
หัวใจของเทพธิดาสั่นไหวอย่างรุนแรง ทันใดนั้น นางก็บีบจมูกด้วยความเจ็บปวด พลางเงยศีรษะขึ้น น้ำตาแทบไหลรินลงมา ครู่หนึ่งจึงปล่อยมือ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเศร้าหมองเล็กน้อย
“อย่างไรก็ตาม ศิษย์จำได้ว่าตอนที่ต่อสู้กับจอมมารที่ภูเขาฮวางซานแสนปี ศิษย์ไม่ทันระวังจึงทำเข็มเหมันต์เทวะตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งพันปี ตอนนั้นศิษย์คิดจะลงไปในทะเลสาบเพื่อควานหามัน ทว่าอาจารย์บอกว่า ใต้ทะเลสาบน้ำแข็งพันปีนั้นอันตรายอย่างมาก ลงไปไม่ได้ ต่อให้ลงไปใต้ทะเลสาบอันกว้างใหญ่ ก็ไม่อาจหาเข็มเพียงเล่มเดียวเจอ ทว่าตอนนี้ เหตุใดมันจึงกลับมาที่ตำหนักเซียนหลินเล่า? อาจารย์… ท่านไปตามหามันใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่? ”
ไม่รู้ว่านายน้อยกำลังครุ่นคิดสิ่งใด ร่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าไม่ได้ตอบคำถามของเทพธิดา
เทพธิดาหลับตาลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่ถามสิ่งใดอีก
“โฮก โฮก… ”
ทันใดนั้น สัตว์เทพกิเลนก็วิ่งออกมาจากตำหนัก มันไม่ได้อยู่ในร่างเดิม ทว่ามีขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น
มันเดินไปที่เท้าของนายน้อย ถูไถชายเสื้อของนายน้อย ทว่าไม่กล้ายุ่งกับเสื้อผ้าของเขา จากนั้นจึงเดินมายังข้างกายเทพธิดา
สัตว์เทพกิเลนไม่เกรงใจเทพธิดาแม้แต่น้อย มันวิ่งตรงมาที่อ้อมแขนของนาง และใช้ศีรษะถูไถหน้าอกของนางอย่างต่อเนื่อง
ท่าทางนั้นเหมือนมนุษย์อย่างมาก ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความคับข้องใจและดื้อรั้น
มีเสียง “จี๊ด จี๊ด…” ดังขึ้น จิ้งจอกน้อยน่ารักก็เดินออกมาจากตำหนักเช่นกัน
ทว่าเมื่อเทียบกับสัตว์เทพกิเลนแล้ว ท่าทางของจิ้งจอกน้อยดูน่ารักและสง่างามมากกว่า
มันกระดิกหางและค่อยๆ เดินไปที่เท้าของนายน้อย มันรู้ว่านายน้อยอารมณ์ไม่ดี จึงไม่ทำตัวเกเรมากนัก เพียงนอนที่เท้าของนายน้อยอย่างสงบ ก่อนจะส่งเสียงร้อง “จี๊ด จี๊ด… ” และหันไปมองสัตว์เทพกิเลนที่อยู่ในอ้อมแขนของเทพธิดาอย่างเย้ยหยัน
สัตว์เทพกิเลนไม่ได้สนใจจิ้งจอกน้อยน่ารัก มันยังคงฉวยโอกาสลวนลามโดยใช้ศีรษะถูไถหน้าอกของเทพธิดาอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุด เทพธิดาก็ไม่อาจควบคุมน้ำตาได้ หยาดน้ำไหลรินออกมาจากดวงตา
ตอนนั้น นางถูกจอมมารลอบวางยาพิษจนสูญเสียพลังวิเศษทั้งหมด อาจารย์พานางไปที่ป่าเก้าอาณาจักรเพื่อเสาะหายาสมุนไพรมาช่วยชีวิตนาง ยาสมุนไพรนั้นอยู่ที่หุบผาปีศาจซึ่งมีปีศาจเก้าเศียรคอยเฝ้าอยู่ อาจารย์ต่อสู้กับปีศาจเก้าเศียรนานเจ็ดวันเจ็ดคืน
แม้ต่อมาจะได้สมุนไพร ทว่าอาจารย์กลับสูญเสียพลังวิเศษและพลังยุทธ์ไปจนหมดสิ้น โชคดีที่ตอนนั้นได้พบพ่อแม่ของสัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกน้อย
เพื่อให้ลูกตนเองออกจากป่าเก้าอาณาจักร พวกมันได้อุทิศชีวิตของตนเพื่อช่วยอาจารย์ และขอให้อาจารย์ให้สัญญาว่าจะพาลูกของพวกมันออกจากป่าเก้าอาณาจักร
ดังนั้นจิ้งจอกน้อยและอาจารย์จึงได้ทำสัญญาสัตว์ภูต ส่วนสัตว์เทพกิเลนได้ทำสัญญาสัตว์ภูตกับนาง
แท้จริงแล้ว ในใจของเทพธิดา จิ้งจอกน้อยและสัตว์เทพกิเลนไม่ได้เป็นเพียงเจ้านายและสัตว์เลี้ยงธรรมดา ทว่ามันลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น มันคือสิ่งแทนความรู้สึกที่อาจารย์มีต่อนาง
หากในใจของอาจารย์ไม่มีนาง เหตุใดเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อหายาสมุนไพรมาช่วยชีวิตนาง?
ดังนั้นในใจของเทพธิดา จิ้งจอกน้อยและสัตว์เทพกิเลนจึงเป็นเหมือนพยานความรักของพวกเขา
แม้ความสัมพันธ์เช่นนี้จะดูไม่ดีในสายตาคนทั่วไป ทั้งไม่เป็นที่ยอมรับ และยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ขอเพียงคนที่อยู่เบื้องหน้ามีนางอยู่ในใจ นางก็ไม่สนใจสิ่งอื่น
ในที่สุด เทพธิดาก็รวบรวมความกล้าและเอ่ยปากถามอย่างยากลำบาก “จิ่วหรง ในใจของท่าน… เคยมีข้าบ้างหรือไม่? ท่านเคยชอบข้าบ้างหรือไม่? ”
ใช่ จิ่วหรง!
ไม่ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ก็ดี เป็นบุตรบุญธรรมของจิ่นอีโหวก็ดี หรือเป็นนายน้อยของตำหนักใต้ดินก็ช่าง ชื่อของเขายังตราตึงอยู่ในใจของนางเสมอ ไม่เคยแปรเปลี่ยนหรือจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับลึกซึ้งมากกว่าเดิม
จิ่วหรง!
ซูจิ่นซียืนอยู่ด้านข้างมาตลอด นางเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบงัน หัวใจของนางพลันเต้นแรง
ที่แท้คือจิ่วหรงจริงๆ เป็นเขาจริงๆ!
ความสงสัยมากมายยังคงเชื่อมโยงวนเวียนอยู่ในความคิดของนาง นางมีข้อสงสัยมากมายเกินกว่าจะถาม อย่างไรก็ตาม แม้นางจะเอ่ยปากถาม ทว่าจิ่วหรงและเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่อาจได้ยิน และไม่สามารถตอบคำถามของนางได้
เพราะนี่เป็นเพียงภาพมายา และนางเป็นเพียงผู้ชม
ทว่า นางเป็นเพียงผู้ชมจริงๆ หรือ?
หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดนางจึงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด การต่อสู้ ความขัดแย้ง และความขับข้องใจของเทพธิดา…
เหตุใดจึงชัดเจนราวกับอารมณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นกับตัวของนางเอง?
ผ่านไปครู่ใหญ่ จิ่วหรงยังคงไม่พูดตอบอันใด
แผ่นหลังสีขาวดั่งหิมะยังคงตั้งตรง ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดรอยฝุ่น
เทพธิดารอคำตอบจากเขาไม่ไหว จึงถามต่อว่า “หาก… หากฉ่ายเวยไม่ปรากฏตัว ในใจของท่านจะมีเพียงข้าใช่หรือไม่… ใช่หรือไม่? พวกเราจะอยู่ที่สำนักแพทย์เทียนอีไปชั่วชีวิต… ใช่หรือไม่? ”
นางรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของฉ่ายเวย อาจารย์ผู้สูงส่งสง่างามราวเทพเซียนคงไม่ยอมลดเกียรติไปเป็นบุตรบุญธรรมของจิ่นอีโหว และไม่ต้องไปเป็นผู้รับใช้ของผู้มีอำนาจ
จิ่วหรงเป็นผู้ใด?
หุบเขาเทียนอีเป็นสถานที่แห่งใด?
ไม่ว่าจะเป็นจิ่วหรงหรือสำนักแพทย์เทียนอี พวกเขาล้วนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของโลกภายนอก
จิ่วหรงยังคงไม่พูดสิ่งใด เดิมทีห้องโถงใหญ่ในตำหนักที่ไร้ผู้มาเยือนเป็นเวลานานก็เงียบสงบมากอยู่แล้ว เวลานั้น เนื่องจากความเงียบของจิ่วหรงและเทพธิดา จึงทำให้บรรยากาศทวีความตึงเครียดและน่ากลัวมากขึ้น จนได้ยินกระทั่งเสียงขนของจิ้งจอกน้อยตกกระทบพื้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ จิ่วหรงหันกลับมาอย่างเชื่องช้า ท่าทางของเขายังคงเย็นชา ใบหน้าไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ มีเพียงความสงบนิ่งตามปกติ
ทว่าเทพธิดากลับรู้สึกประหม่าจนแทบหายใจไม่ออก
นางไม่กล้าหายใจ ทันใดนั้น นางก็เกิดหวาดกลัวคำตอบของจิ่วหรง กลัวว่าคำตอบของเขาจะทำลายความหวังทั้งหมดของนางจนพังทลาย นางจะถูกเขาตัดสินประหาร ทำให้ความหวังและการรอคอยครั้งสุดท้ายมลายหายไปจนหมดสิ้น
เพราะรักจึงเข้าใจ
นางรู้ดีว่าในหัวใจของเขา ฉ่ายเวยมีความสำคัญมากเพียงใด
เพราะรักจึงสงสาร
สงสารตนเอง
เพราะรักจึงเจียมตัว
เมื่ออยู่ต่อหน้าความรักหรือไร้รัก ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด นี่คือเคราะห์กรรมที่ไม่อาจหลบเลี่ยง
จิ่วหรงไม่รักนาง ก็เป็นเคราะห์กรรมของนาง
ดังนั้น เมื่อจิ่วหรงเปิดปาก นางจึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ดีดพิณมานานมากแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปนำพิณเฟิ่งหวงมาบรรเลงให้ท่านฟังสักเพลง! ”
เทพธิดาพูดพลางรีบเดินไปที่โถงด้านในเพื่อนำพิณเฟิ่งหวงออกมา ท่าทางของนางราวกับกำลังวิ่งหนีอันใดบางอย่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เทพธิดาก็เดินกอดพิณเฟิ่งหวงออกมา
เมื่อเห็นพิณเฟิ่งหวง ซูจิ่นซีอดจับอาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือขวาของตนไม่ได้
ในตอนนั้น ตามคำแนะนำของซูจ้ง ซูจิ่นซีสามารถหยิบสิ่งของในหอโอสถสกุลซูได้สามชิ้น
ชิ้นแรกคือหยกกิเลนหยินหยาง ชิ้นต่อมาคือหยกอักษร“จง” และอีกชิ้นหนึ่งคือพิณเฟิ่งหวง
ตลอดมา ซูจิ่นซีไม่เคยรู้ว่าพิณเฟิ่งหวงมีไว้ทำอันใด นางคิดว่ามันเป็นเพียงของที่ระลึกของมารดา ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจหรือตรวจสอบมากนัก ทำเพียงเก็บไว้ในอาคมกำไลปี่อั้นและไม่เคยแตะต้องมันอีกเลย
ไม่คิดว่ามันจะมีที่มายิ่งใหญ่เช่นนี้ มันเป็นพิณของจิ่วหรง
ทว่าเหตุใด สิ่งของของจิ่วหรงจึงมาอยู่ในมรดกของมารดานาง?
ข้อสงสัยที่ไม่อาจตัดออกไปได้ เพิ่มขึ้นมาอีกข้อหนึ่งแล้ว
มารดาของนาง จงซีจือ จิ่วหรง และเทพธิดามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?