สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 20 ตอนที่ 586 พูดถึงเหตุการณ์ที่เจียงหลิงอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะสางผมให้ท่าน! ”
ตอนอยู่ที่จวนโยวอ๋อง แม้ซูจิ่นซีจะเคยสางผมให้เยี่ยโยวเหยามาก่อน ทว่าตอนนั้น ซูจิ่นซีไม่มีทางเลือก นางโดนบังคับจึงจำเป็นต้องทำ
ทว่าครั้งนี้ต่างกัน!
เป็นซูจิ่นซีเองที่ต้องการสางผมให้เยี่ยโยวเหยา
แววตาของตาเยี่ยโยวเหยาทอประกายแตกต่างออกไป เขาปล่อยมือของซูจิ่นซีและหันหน้าเข้าหาเตียง หันหลังให้ซูจิ่นซี
ด้านหลัง…
มือของซูจิ่นซีที่จับหวีอยู่พลันหยุดชะงัก ไม่รู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด เมื่อมองแผ่นหลังของเยี่ยโยวเหยา ดวงตาของนางพลันร้อนผ่าว ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้สึกตัว
“ทำไมหรือ? ผมของข้าหวียากหรือ? ”
เยี่ยโยวเหยาเห็นซูจิ่นซีไม่พูดอันใดอยู่นาน จึงเอ่ยปากถาม
“ไม่… ไม่ใช่! ” ซูจิ่นซีถูกดึงสติกลับมาด้วยเสียงของเยี่ยโยวเหยา นางยกยิ้มมุมปากและรีบยกผมของเยี่ยโยวเหยาขึ้นมาสางทีละชุ่น
ไม่มีครั้งใดที่ซูจิ่นซีรู้สึกว่าตนเองเป็นพระชายาโยวอ๋อง เป็นสตรีของเยี่ยโยวเหยา เป็นคนที่เขาไว้ใจได้
เยี่ยโยวเหยาเป็นคนที่ถือดาบท่ามกลางทะเลเลือด ผ่านอันตรายมาอย่างหนักหน่วง เป็นคนที่ฝ่าฟันคมหอกคมดาบมานับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นคนที่คอยระมัดระวังการลอบสังหารและการลอบโจมตีตลอดเวลา
บุคคลเช่นนี้ไม่มีทางยอมหันหลังให้ผู้ใด แม้จะเป็นบุพการีของตนเองก็ตาม เพราะชินชากับการระแวดระวัง จึงไม่ยอมปล่อยให้ตนเองอ่อนแอ และไม่หันหลังให้ผู้ใดทั้งสิ้น
นี่เป็นสิ่งต้องห้าม
ทว่ายามนี้ เขากลับหันหลังให้นางโดยไม่ระแวดระวังแม้แต่น้อย
นิ้วเรียวของซูจิ่นซีลูบไล้ผมดำขลับเงางามของเยี่ยโยวเหยาและสางผมอย่างเชื่องช้า
ผมของเขาดำขลับงดงาม แม้ตอนผมเปียกจะดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทว่าสางเพียงแผ่วเบาไม่ต้องออกแรงมาก เส้นผมก็ดูเรียบลื่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอใกล้จะสางผมเสร็จ ดวงตาของซูจิ่นซีกลับร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม
นางกางแขนทั้งสองโอบรอบเอวเยี่ยโยวเหยาอย่างเชื่องช้า และค่อยๆ วางศีรษะแนบแผ่นหลังของเขา
ผมเปียกชื้นกับผ้าผืนบางที่กั้นอยู่ นางสามารถสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิ จังหวะการเต้นของหัวใจ รวมถึงเสียงลมหายใจของเขา
ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยาจะนึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะทำเช่นนี้ ร่างกายของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย ทว่าเขายังคว้ามือของซูจิ่นซีมาลูบไล้แผ่วเบาและแย้มยิ้ม
“เป็นอันใดไป? ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำและลึกล้ำนั้นเป็นดั่งมือที่อ่อนนุ่ม ไร้ซึ่งร่องรอย มันบีบหัวใจของซูจิ่นซีอย่างไร้เรี่ยวแรง บีบจนน้ำตาของนางไหลรินออกมา
ซูจิ่นซีพยายามกะพริบตาเพื่อไม่ให้น้ำตาที่ขอบตาไหลลงมา ทว่าสุดท้าย น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาและหยดลงบนแผ่นหลังของเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ระยะทางห่างไกลเช่นนี้ ได้พบกับท่าน ไม่รู้ว่าเป็นวาสนากี่พบกี่ชาติของหม่อมฉันกันแน่? ”
ใช่แล้ว!
ระยะทางสามพันปีช่างไกลแสนไกล!
ระยะทางห่างไกลเช่นนี้ การที่พวกเขาได้พบกัน ได้รักกัน ได้อยู่ด้วยกัน ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ร่างกายของเยี่ยโยวเหยาพลันแข็งทื่ออีกครั้ง หลังจากนิ่งเงียบเป็นเวลานาน เสียงทุ้มต่ำของเยี่ยโยวเหยาก็ดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสงัด “อย่าสนใจเรื่องในอดีต ข้าพูดถึงชาตินี้และชาติหน้า ซูจิ่นซี ตั้งแต่ข้าได้พบเจ้า เจ้าจะเป็นสตรีของข้าตลอดชีวิต อย่าได้คิดหนีไปจากข้า”
ซูจิ่นซีจำได้ทันทีว่า เมื่อองค์ชายเสวียนเยี่ยในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกปรากฏตัวในกำไลอาคมปี่อั้น เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“อย่างน้อย… คงเป็นโชคชะตาเมื่อพันปีก่อน”
ราชวงศ์โจวตะวันตก ห่างจากยุคปัจจุบันประมาณพันปี
ดวงตาดำขลับลึกล้ำของเยี่ยโยวเหยาทอประกายอบอุ่น เขาจับมือซูจิ่นซี ขณะเดียวกันก็หมุนตัวกลับมา และดึงร่างของซูจิ่นซีเข้ามาในอ้อมกอด
ซูจิ่นซีมองเห็นความปรารถนาที่ลุกโชนในดวงตาของเยี่ยโยวเหยา ทันใดนั้น นางก็ตื่นตกใจและคิดจะหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณ ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับรู้ทัน เขากดมือทั้งสองข้างของซูจิ่นซีไว้
มือข้างหนึ่งของเขาสัมผัสพวงแก้มขาวนวลดั่งเด็กทารกแรกเกิดของซูจิ่นซีอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาล้ำลึกและเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่
“ซีซี พิษของข้ากำเริบอีกแล้ว! ”
“หืม? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว
เยี่ยโยวเหยาได้รับพิษหรือ?
ทว่าระบบถอนพิษไม่ส่งสัญญาณใดๆ เลย!
ซูจิ่นซีรีบใช้ระบบถอนพิษตรวจสอบร่างกายของเยี่ยโยวเหยา ทว่าตรวจสอบอย่างละเอียดก็ไม่พบสารพิษใดๆ
เวลานี้ เยี่ยโยวเหยารีบอุ้มซูจิ่นซีไปบนเตียง พลางถอดผ้าไหมนุ่มลื่นเนื้อดีของนางออก และปลดผ้าม่านหน้าเตียงลง
กลางดึกสงัด นกและแมลงในคืนหน้าร้อนต่างส่งเสียงร้องกันระงม แสงไฟในห้องสั่นไหว ผ้าม่านขยับพลิ้ว ดั่งฤดูใบไม้ผลิอันแสนสุขสันต์
“ในร่างกายของข้ามีพิษที่ชื่อว่าซูจิ่นซี พิษนั้นซึมเข้าไปในไขกระดูก ไร้ซึ่งยารักษา มีเพียงหมอซีซีเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาให้ข้าได้”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านมันไร้ยางอาย! ”
“…”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านคือสัตว์ร้าย! ”
“…”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านพอได้แล้ว! ”
“ไม่พอ ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่พอ! ”
……
“ท่านอ๋อง ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านบอกว่าสถานการณ์ระหว่างราชสำนักแคว้นจงหนิงกับแคว้นซีอวิ๋นคับขันยิ่งนัก เรี่องนี้คลี่คลายได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ” ซูจิ่นซีถามเยี่ยโยวเหยา
แม้นางจะไม่คุ้นชินกับหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก ทว่ามีบางเรื่องที่นางพอจะเข้าใจ แน่นอนว่าเรื่องระหว่างสองแคว้นเป็นเรื่องสำคัญ เยี่ยโยวเหยาจากไปไม่ทันถึงครึ่งเดือน กอปรกับความล่าช้าระหว่างการเดินทาง จึงมีเวลาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองแคว้นไม่มากนัก ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ปัญหาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ตอบซูจิ่นซี ทำเพียงจ้องมองหน้าผากของนางครู่หนึ่ง
“หลายวันก่อน เจ้าพบเรื่องอันใดหรือ? ”
ซูจิ่นซีไม่มีทางนึกถึงเรื่องจิตสัมผัส ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดอันใดมาก และบอกเยี่ยโยวเหยาทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่ไปสำรวจดินแดนต้องห้ามของสกุลจง ถูกจงเนี่ยพ่อลูกกับมู่หรงเฟิงพบเข้า ถูกบีบให้เข้าไปในดินแดนต้องห้ามสกุลจง และเรื่องที่เข้าไปในใจกลางถ้ำของดินแดนต้องห้ามสกุลจง
แม้ซูจิ่นซีจะจงใจลดระดับความรุนแรงเมื่อพูดถึงช่วงเวลาอันตรายให้เยี่ยโยวเหยาฟัง และเยี่ยโยวเหยาก็ไม่ได้พูดอันใด อย่างไรก็ตาม ในแววตาของเขากลับมีความเจ็บปวดและความกังวลปรากฏอยู่ลึกๆ เขาจับมือซูจิ่นซีแน่นขึ้น
เมื่อฟังสิ่งที่ซูจิ่นซีเล่าจนจบ แววตาของเยี่ยโยวเหยาก็ทวีความเย็นชามากขึ้น “ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น? ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแน่น
“ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อีกอย่าง… เรื่องที่เผชิญในดินแดนต้องห้ามสกุลจงก็เป็นอุบัติเหตุ”
ซูจิ่นซีไม่ได้ไปเยือนดินแดนต้องห้ามสกุลจงเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้นางเคยไปกับเยี่ยโยวเหยาครั้งหนึ่ง ทว่าไม่พบเรื่องอันใด!
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบ ทำเพียงจ้องมองซูจิ่นซีด้วยดวงตาเย็นชาแข็งกร้าว
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากครู่หนึ่ง “เยี่ยโยวเหยา ท่านจำเจ้าหุบผาราชันพิษได้หรือไม่? หม่อมฉันรู้สึกว่าดินแดนต้องห้ามสกุลจงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเราเห็น”
เยี่ยโยวเหยานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้น “เจ้ายังจำเหตุการณ์ที่เมืองเจียงหลิงได้หรือไม่? ”
เรื่องที่เจียงหลิง ซูจิ่นซีจะลืมได้อย่างไร?
ทว่าเหตุใด เยี่ยโยวเหยาจึงเอ่ยถึงเรื่องที่เมืองเจียงหลิงในเวลานี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่า ความลับในดินแดนต้องห้ามจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เมืองเจียงหลิง?