สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 20 ตอนที่ 596 สตรีที่หล่อที่สุดในโลก
ผู้คนในแคว้นหนานหลีเคยเห็นเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ที่ใดกัน
“ปีศาจ… ปีศาจ… ”
เสี่ยวเอ้อของโรงน้ำชาตกใจจนวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก และหายตัวไปในพริบตา
เจ้าของโรงน้ำชาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาเห็นลิ้นของตนเองยื่นยาวออกมาเรื่อยๆ อย่างน่าหวาดกลัว กระทั่งจะร้องขอความช่วยเหลือ หรือส่งเสียงอุทานก็ยังไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
เขานอนสั่นเทาอยู่บนพื้น
กูสือซานเห็นแล้ว แววตาพลันทอประกาย ทั้งยังยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ปีศาจเงาพิษได้เลื่อนระดับถึงขั้นที่แปดเรียบร้อยแล้ว”
ไหวชิ่งกงจู่มีท่าทีไม่พอใจ ดวงตาของนางมองผ่านกูสือซาน พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“แม้ปีศาจเงาพิษของข้าจะเลื่อนระดับถึงขั้นที่แปดได้สำเร็จ ทว่าเมื่อเทียบความสามารถของราชครูแล้ว กลยุทธ์ของข้าก็เทียบไม่ได้แม้แต่น้อย”
กูสือซานแย้มยิ้มโดยไม่พูดอันใด
ไหวชิ่งกงจู่นึกสนุก นางหยิบมีดสั้นออกมาจากข้างเอว และเดินไปทางเถ้าแก่โรงน้ำชา ในดวงตาปรากฏความชั่วร้าย
แววตาหวาดกลัวของเถ้าแก่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน ทั้งยังขอร้องให้ไหวชิ่งกงจู่เมตตาช่วยถอนพิษให้เขา
เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก หากรู้แต่แรกว่าองค์หญิงผู้นี้ชั่วร้าย เขาจะไม่พูดพล่ามไร้สาระเช่นนี้
ไหวชิ่งกงจู่เดินไปรอบๆ เถ้าแก่ มีดสั้นในมือสะท้อนแสงแวววาว
“จะบอกอะไรให้ พิษนี้ของข้าไม่มียาถอนพิษ มีหนทางเดียวคือต้องตัดลิ้นเจ้าออกเท่านั้น”
ตัดลิ้น???
เถ้าแก่รู้สึกสิ้นหวัง ดวงตาแดงก่ำทั้งสองเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ราวกับมองเห็นปีศาจชั่วร้าย
อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าไหวชิ่งกงจู่จะพูดขึ้นอีกครั้ง “ทว่า… นี่เป็นวิธีรักษาที่ปลายเหตุ แม้เจ้าจะตัดลิ้นส่วนเกินออกไปแล้ว ทว่านานวันไป ลิ้นนั้นจะยาวออกมาอีก ดังนั้นในอนาคต ลิ้นส่วนเกินที่งอกออกมาใหม่ก็จะเหมือนกับหนวดที่ต้องตัดออกบ่อยครั้ง”
นั่นไม่ใช่การฆ่าคนหรือ?
ความเจ็บปวดที่ต้องทนทรมานทุกครั้ง ผู้ใดจะทนไหวกัน?
ครั้งนี้ เถ้าแก่ไม่เพียงสิ้นหวัง ทว่าเขาหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ ปิดลงอย่างสิ้นหวัง
ไหวชิ่งกงจู่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะด้วยความสะใจ
ตอนนี้ ซูจิ่นซีและซูอวี้เดินมาถึงบันไดแล้ว ทั้งยังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า
ซูอวี้ต้องการลงมือหลายครั้ง ทว่าถูกซูจิ่นซีห้ามไว้
เนื่องจากระบบถอนพิษไม่ได้แสดงวิธีถอนพิษ
แม้ระบบถอนพิษจะมีการเพิ่มระดับอยู่เสมอ ทว่าพิษรูปแบบใหม่ที่มีระดับสูงก็ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง หากระบบถอนพิษไม่เพิ่มระดับขั้น คงต้องโยนทิ้งแล้ว
ไหวชิ่งกงจู่หัวเราะเสร็จก็นั่งลง และเคลื่อนมีดสั้นไปใกล้ลิ้นของเถ้าแก่อย่างเชื่องช้า
เถ้าแก่ตกใจกลัวจนตัวสั่นเทา และหดตัวหนีอย่างควบคุมไม่ได้
ทว่าระบบถอนพิษของซูจิ่นซียังไม่แสดงรูปแบบการถอนพิษ
เมื่อเห็นมีดสั้นในมือไหวชิ่งกงจู่กำลังจะตัดลิ้นของเถ้าแก่ ซูจิ่นซีก็เลิกคิ้วขึ้น “ไปช่วยคนก่อนค่อยว่ากัน! ”
หลังจากสิ้นเสียงของซูจิ่นซี หลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็กระโดดออกไปช่วยชีวิตคน
อย่างไรก็ตาม ในที่เกิดเหตุยังมียอดฝีมืออันดับหนึ่งที่รวดเร็วกว่าหลินเฟิง องครักษ์ข้างกายเยี่ยโยวเหยา
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เงาสีดำของหลินเฟิงกระโดดออกมา เงาสีไพลินก็พุ่งมาจากด้านนอกประตูราวกับปีศาจ
ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร และไม่มีผู้ใดเห็นชัดเจนว่าเขาทำอย่างไร ทุกคนได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของไหวชิ่งกงจู่ ร่างของนางถูกยกขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงมาบนพื้น
“องค์หญิง! องค์หญิง! ” ผู้ติดตามรีบเข้าไปช่วยไหวชิ่งกงจู่อย่างรวดเร็ว
แขนข้างที่ถือมีดสั้นของไหวชิ่งกงจู่ได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าข้อมือของนางมีแผลลึกน่าสยดสยองจนมองเห็นกระดูกตั้งแต่เมื่อไร
นางจับแขนของตนเองและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พยายามข่มกลั้นความโกรธแค้น คนผู้นั้นก็ยืนตัวตรงอยู่กลางห้องโถงอย่างสงบ ทั้งยังหันหลังให้ผู้คน เขาสวมชุดสีฟ้าอ่อนไร้รอยยับย่น
ไม่รู้เพราะเหตุใด แววตาขององค์หญิงยามมองไปที่เขาจึงปรากฏความหวาดกลัว
“เจ้า… เจ้าคือผู้ใด? ถึง… ถึงได้บังอาจทำร้ายข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด? ”
“ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าเรียกคำว่าองค์หญิง ซ้ายที ขวาที ไปเกือบทุกตรอกซอกซอย คงไม่มีผู้ใดไม่รู้สถานะของเจ้ากระมัง? หรือ… เจ้าหน้าไม่อาย? เป็นถึงองค์หญิงผู้สง่างามของแคว้น วิชาพิษรวมถึงวรยุทธ์ก็ไม่ด้อยกระมัง? กระทั่งอ้างสิทธิ์การเป็นเชื้อพระวงศ์รังแกชาวบ้านไปทั่ว ข้าดูแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นองค์หญิงก็ได้”
คนผู้นั้นพูดจบก็หันหน้ามาอย่างเชื่องช้า
เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ซูจิ่นซีพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง
ใบหน้างดงามแปลกตา ความนุ่มนวลสามส่วน ความสง่างามเจ็ดส่วน คิ้วเรียวเข้ม ดวงตาสุกสกาว เส้นผมยาวถูกรวบขึ้นสูงด้วยปิ่นสีทอง ด้านข้างมีไหมพรมถักเปียสองเส้นห้อยลงมา
บุรุษจะไม่ทำทรงผมเช่นนี้ ทว่าก็มีสตรีน้อยคนที่จะทำ
พูดตามตรง คนผู้นี้เป็นสตรี แม้การแต่งกายและเสื้อผ้าที่สวมใส่จะใกล้เคียงบุรุษ ทว่านางไม่ได้ปกปิดความเป็นสตรีของตนเองแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเล็กๆ เช่นทรวดทรงของนาง ยังคงเผยออกมาให้เห็น
ซูจิ่นซีไม่เคยเห็นสตรีที่หล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกลับมาได้สติอีกครั้ง สายตาของนางจับจ้องไปที่หยกซึ่งห้อยอยู่ที่เอวและรองเท้าที่ไม่ธรรมดาของคนผู้นั้น
รองเท้าและสิ่งที่สวมใส่บนร่างกายสามารถเปิดเผยตัวตนของคนผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย
หากซูจิ่นซีเดาไม่ผิด คนผู้นี้จะต้องเป็น…
แววตาของไหวชิ่งกงจู่ปรากฏความอำมหิต “ข้าจะเป็นองค์หญิงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจ้าหรือ? เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? ”
คนผู้นั้นถือพัดหยกขาว นิ้วเรียวงามของนางขาวยิ่งกว่าหยกบนพัดถึงสามส่วน นางโบกพัดไปมาเล็กน้อยด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผย ก่อนจะเดินไปหาไหวชิ่งกงจู่โดยไม่ตอบคำถาม ทว่าถามกลับว่า
“เจ้าและข้าเป็นแขกจากแดนไกล การแข่งขันซิ่งหลินของสกุลจงยังไม่เริ่ม! ไหวชิ่งกงจู่ชิงลงมือเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง? ข้าขอเตือนองค์หญิงสักประโยค รีบถอนพิษให้เถ้าแก่ท่านนี้เสีย
หากเรื่องไปถึงหูฉีอ๋องหรือมหาอุปราช เกรงว่า… ภาพลักษณ์ของแคว้นไหวเจียงจะดูไม่ดีเอาได้”
ไหวชิ่งกงจู่กระชากเสียงเย็นชา “หึ แคว้นไหวเจียงของข้า กลัวแคว้นเล็กๆ อย่างแคว้นหนานหลีหรือ? ”
แม้แคว้นหนานหลีจะมีอำนาจ ทว่าแคว้นทั้งหกในอาณาจักรเทียนเหอกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
หากกล่าวว่ามีเพียงหนึ่งในหกแคว้นที่กล้าต่อกรกับแคว้นหนานหลี นอกจากแคว้นเป่ยอี้ที่ลึกลับและคาดเดาได้ยากแล้ว ก็ยังมีแคว้นไหวเจียง อย่างไรก็ตาม แคว้นไหวเจียงมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยด้านความชำนาญพิษ
แววตาของคนผู้นั้นปรากฏความดูถูกเหยียดหยาม “แคว้นไหวเจียงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแคว้นหนานหลี ทว่าข้าและเจ้าย่อมรู้ดีว่าแคว้นหนานหลีไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไหวเจียง หากเจ้าทำให้แคว้นหนานหลีขุ่นเคือง ก็ใช่ว่าแคว้นไหวเจียงจะรับมือไหว”
แม้แคว้นหนานหลีจะมีขนาดเล็ก ทว่ากลับควบคุมเส้นทางการค้าสายหลักอย่าง เกลือ ผ้าไหม เครื่องลายคราม ชา น้ำมัน หากคิดจะทำอันใดกับเสบียงของแคว้นหนานหลี ผลลัพธ์ที่ตามมาคงร้ายแรงยิ่งกว่าการเล่นพิษของแคว้นไหวเจียงเสียอีก
ทันใดนั้น แววตาของไหวชิ่งกงจู่ก็ทอประกาย ดูเหมือนนางจะตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว หากจะให้นางหยุด องค์หญิงแห่งแคว้นไหวเจียงอย่างนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
คงต้องหาวิธีจัดการสถานการณ์น่าอับอายเช่นนี้
“จะให้ปล่อยคนผู้นี้ไปก็ย่อมได้ ทว่าเจ้าต้องประลองกับข้า ไม่เช่นนั้น องค์หญิงอย่างข้าไม่ยอม”