สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 20 ตอนที่ 598 ไปตามหาถังเสวี่ย
ไหวชิ่งกงจู่มองไปยังงูพิษบนพื้นที่โจมตีตงหลิงหวงดั่งห่าฝน พลันรู้สึกเสียใจที่ตนเองสาดผงพิษมากเกินไปเพราะความโมโห
หากตงหลิงหวงถูกพิษจนตายจะทำเช่นไร?
สมองเล็กๆ ของนางคงคาดไม่ถึงแน่นอน
เมื่อเทียบกับเรื่องใหญ่ระดับแคว้น สิ่งที่นางกังวลมากกว่าคือ หากตงหลิงหวงตายด้วยงูพิษพวกนี้ คงน่าเสียดายยิ่งนัก
“ตงหลิงหวง เจ้าโง่หรือ เจ้ายอมแพ้เถิด! ยอมแพ้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป! ”
“เจ้ารีบยอมแพ้เถิด! ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว! ”
“เจ้าอยากตายหรือ? ”
ไหวชิ่งกงจู่เป็นคนวางพิษเอง ทว่าหัวใจของนางกลับเต้นแรง ตึก ตึก ตึก ทั้งยังนึกเป็นห่วงคู่ต่อสู้ และเป็นกังวลจนแทบจะกระโดดเข้าไปห้ามอยู่แล้ว
ทว่าคู่แข่งอย่างตงหลิงหวงกลับตอบโต้อย่างใจเย็น นางจดจ่ออยู่กับการหลบหลีกงูพิษเหล่านั้น
หลายครั้งที่งูพิษพ่นพิษสีแดงและเกือบจะกัดเข้าที่ลำคอของนาง แต่นางก็หลบหนีได้อย่างหวุดหวิด
ขณะที่ไหวชิ่งกงจู่กังวลใจสุดขีด นางกำลังจะยื่นมือไปคว้างูพวกนั้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ อาวุธปลายแหลมวาดผ่านกลางอากาศ แสงสว่างสีขาวปรากฏขึ้น ราวกับหิมะที่เปล่งแสงเจิดจ้าไปทั่วห้อง
มีดเล่มเล็กขนาดเท่าหัวแม่มือพุ่งออกจากพัดหยกในมือของตงหลิงหวง
แม้มีดเล่มนั้นจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ทว่ากลับมีเหลี่ยมมุม ดูแวบแรกก็รู้ว่าทำขึ้นมาอย่างประณีตโดยช่างทำอาวุธที่มีชื่อเสียง
พัดที่ซุกซ่อนไว้ในใบมีดหมุนวนด้วยความเร็วสูง ตามการควบคุมด้วยท่าทางแปลกประหลาดของนาง พัดหมุนวนเพียงไม่กี่ครั้ง ผู้คนก็มองไม่ออกแล้วว่านางทำได้อย่างไร รู้เพียงแค่รวดเร็วเหมือนมีเงาปีศาจสีฟ้าวิ่งผ่านไปมา งูพิษที่โจมตีนางทั้งหมดถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และร่วงหล่นลงบนพื้น
แม้แต่กูสือซานและซูจิ่นซีที่มีวรยุทธ์ดีที่สุดในที่แห่งนี้ ยังมองเหตุการณ์ไม่ออก
ไม่ต้องพูดถึงไหวชิ่งกงจู่
ไหวชิ่งกงจู่อ้าปากค้างด้วยสีหน้าตกตะลึงเป็นเวลานาน ทันใดนั้นนางก็กระโดดขึ้น “ตงหลิงหวง เจ้าโง่เง่าเต่าตุ่น เจ้า… เจ้าฆ่ามันทั้งหมด ข้าเพาะเลี้ยงเจ้ามังกรดำน้อยอยู่หลายปี ข้า… ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
ตงหลิงหวงปรายตามองไหวชิ่งกงจู่เล็กน้อย ราวกับมองเด็กที่ไม่รู้ประสา จากนั้นจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบเลือดที่ปลายมีดบนพัด
“หากถอนหญ้าไม่ถอนราก ในฤดูใบไม้ผลิมันจะงอกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้านำสิ่งนี้ไปทำร้ายผู้คน ข้าจะกำจัดมันเอง นอกจากนั้น แม่นาง การเล่นของไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ไม่ดีนัก ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
มุมปากไหวชิ่งกงจู่กระตุกอย่างแรง นางชี้หน้าตงหลิงหวง “เจ้า… เจ้ามันไร้ยางอาย! เมื่อครู่เจ้าฆ่ามังกรดำน้อยของข้า เจ้ามีมนุษยธรรมมากนักหรือ? ข้าดูแล้วยังโหดร้ายยิ่งกว่าการที่ข้าใช้งูพิษหลายเท่านัก! ”
ว่ากันตามตรง หากครั้งนี้ ตงหลิงหวงไม่ลงมือก็ยังพอทำเนา แต่เมื่อลงมือแล้ว นางจะมีอุปนิสัยที่ไม่ทิ้งปัญหาให้ตามมาภายหลัง ซึ่งคล้ายกับซูจิ่นซีเล็กน้อย
ตงหลิงหวงนิ่งเงียบไม่พูดอันใด นางเช็ดเลือดออกจากคมมีดทีละนิดจนสะอาด จากนั้นก็โยนผ้าเช็ดคราบเลือดทิ้งเหมือนทิ้งเศษขยะ พลางสะบัดข้อมือ ใบมีดที่อยู่ตรงปลายพัดเก็บกลับเข้าไปเหมือนไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลายต่อหลายครั้งที่ซูจิ่นซีใช้โสตประสาทฟังเสียงการเคลื่อนที่ของกลไก เช่น ตอนที่นางอยู่ในหุบผาราชันพิษ เมื่อซูจิ่นซีมีเวลาว่าง นางจะศึกษาเกี่ยวกับวิชากลไก
แม้จะเป็นเพียงการอ่านผ่านๆ ไม่ได้ลึกซึ้ง ทว่านางฟังโครงสร้างที่อยู่ภายในพัดของตงหลิงหวงออก
อย่ามองว่ามันเป็นเพียงพัดธรรมดา โครงสร้างภายในนั้นสลับซับซ้อนอย่างมาก
โครงพัดดูเหมือนเป็นหยก ทว่าเป็นของปลอม แท้จริงแล้วมันทำมาจากเหล็ก และเคลือบผิวด้านบนเป็นชั้นๆ ซึ่งสีของมันดูไม่ต่างจากหยกมากนัก
โครงสร้างทั้งสิบสี่ก้านของพัด ภายในจะมีท่อเล็กๆ สี่เส้น และภายในท่อแต่ละส่วนยังมีอาวุธซ่อนอยู่ต่างกัน ใบมีดที่ทุกคนเห็นเมื่อครู่ เป็นเพียงอาวุธส่วนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในพัด
โครงสร้างทั้งสิบสี่ก้านมีท่อทั้งหมดห้าสิบหกช่อง จำนวนของอาวุธที่ซ่อนอยู่ภายในมีมากเท่าไรนั้น ซูจิ่นซีก็ไม่อาจทราบได้
พูดตามตรง พอเห็นพัดอันนี้ ซูจิ่นซีก็อดยอมรับไม่ได้ว่านางอิจฉาเล็กน้อย หากนำอาวุธที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นเข็มพิษคงดีไม่น้อยกระมัง?
หากนางมีอาวุธเช่นนี้ ย่อมมีประโยชน์ต่อการใช้งานมากทีเดียว
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีคิดจะทำอันใด ทันใดนั้น นางก็หันไปกระซิบกับหลินเฟิงที่อยู่ด้านข้าง “หากข้าจำไม่ผิด ถังเหมินอยู่ที่แคว้นตงเฉินใช่หรือไม่? ”
“พ่ะย่ะค่ะ พระชา… ขอรับ นายท่าน… ”
ซูจิ่นซีนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นถังเสวี่ย เด็กน้อยผู้นั้นหลายวันแล้ว และดูเหมือนว่าไม่กี่วันมานี้ อู๋จุนก็หายตัวไปเช่นกัน
“ส่งคนไปบอก JX4 ให้ไปตามตัวอู๋จุนกับถังเสวี่ยมา”
“รับทราบ! ”
หลินเฟิงรับคำ เขากำลังจะไปจัดการ ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็ราวกับนึกอันใดขึ้นมาได้ “ช่างเถิด ไปตามตัวถังเสวี่ยมาก็พอ”
ไหวชิ่งกงจู่กับตงหลิงหวงถกเถียงกันอยู่ครู่ใหญ่ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ผลลัพธ์อันใด ทำได้เพียงประนีประนอมและแข่งพิษกันต่อ
การแข่งขันถัดไป ตงหลิงหวงเป็นผู้วางยาพิษ ไหวชิ่งกงจู่ทำหน้าที่ถอนพิษ
ทว่าตงหลิงหวงรู้วิชาพิษหรือ?
หากมีความรู้ด้านพิษ เมื่อครู่ตอนที่สู้กับงูพิษพวกนั้น เหตุใดนางถึงไม่ใช้วิธีถอนพิษ?
หากใช้วิธีถอนพิษจะแก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่าการลงมือสังหารงูพิษพวกนั้นมากโข
เมื่อมองพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด ก็รู้สึกคลื่นไส้เสียจริง
ไหวชิ่งกงจู่สั่งให้บ่าวรับใช้ของตนทำความสะอาดลานประลอง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มแข่งขันกันอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าตงหลิงหวงกำลังคิดอันใดอยู่ นางเดินไปรอบๆ โรงน้ำชา จากนั้นก็สั่งเสี่ยวเอ้อ “ไปชงชาดำชั้นดีมาหนึ่งกา! ”
เสี่ยวเอ้อตัวสั่นเทา เขารีบปีนขึ้นมาจากใต้โต๊ะและเดินโซเซไปชงชา
เมื่อยกกาน้ำชามา น้ำชาก็หกลงบนถาดเสียครึ่งหนึ่ง
ทว่าตงหลิงหวงไม่ได้พูดอันใด นางนั่งลงข้างโต๊ะแล้วดื่มชาอย่างเชื่องช้า
ไหวชิ่งกงจู่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่ออยู่นาน ทว่าตงหลิงหวงกลับเอาแต่ดื่มชา ทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกหลอก
นางรู้สึกว่า ก่อนหน้านี้ ที่นางเป็นห่วงตงหลิงหวงนั้นช่างเปล่าประโยชน์ ไหวชิ่งกงจู่จ้องหน้าตงหลิงหวงอย่างดุดัน และเดินไปตบโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้านาง
“ตงหลิงหวง เจ้าเล่นพิษไม่ได้ก็รีบบอก อย่าทำให้ข้าเสียเวลา เราสองคนไม่ได้เดิมพันอันใดกัน ไม่มีผู้ใดต้องสูญเสีย ให้เรื่องทั้งหมดจบลงตรงนี้ก็ได้”
ตงหลิงหวงเพิ่งจิบชาไปได้หนึ่งคำ เมื่อได้ยินคำพูดของไหวชิ่งกงจู่ ดวงตากลมโตของนางพลันสว่างขึ้น
“ไหวชิ่งกงจู่ หากไม่เตือน ข้าก็คงลืมไปเสียสนิท เราสองคนยังไม่ได้วางเดิมพัน ทว่า… วางเดิมพันตอนนี้คงไม่ทันแล้ว”
ไหวชิ่งกงจู่ชะงัก ก่อนจะโบกไม้โบกมือ “เจ้าใช้พิษไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่ได้เอาพิษติดตัวมาด้วยใช่หรือไม่? เช่นนั้นจะมาแข่งขันกับข้าได้อย่างไร? ช่างเถิด ข้าไม่รังแกเจ้าแล้ว วันนี้ให้เรื่องจบเพียงเท่านี้ดีกว่า”
ตงหลิงหวงวางมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะ มืออีกข้างโบกพัดไปมาแผ่วเบา ท่าทางเช่นนั้นดูงดงามสูงศักดิ์อย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังหล่อเหลาคมสันมากกว่าบุรุษหลายเท่านัก
“ผู้ใดบอกว่าข้าเล่นพิษไม่ได้ ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าพูดเช่นนี้ เพราะเริ่มกลัวและไม่กล้าแข่งขันใช่หรือไม่? ”
ไหวชิ่งกงจู่เลิกคิ้วด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “น่าขัน ข้ากลัวเจ้าหรือ? หากเจ้าเล่นพิษได้ก็วางพิษเสีย! ให้ข้าได้เห็นความเก่งกาจของเจ้า”