สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 21 ตอนที่ 610 แผ่รัศมีอำนาจยิ่งใหญ่ ผู้ใดกล้าก่อปัญหา?
“เมื่อครู่ทุกคนต่างเห็นแล้วว่า ผิวหนังชั้นนอกและผิวหนังชั้นในของผู้ป่วยถูกแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการรักษาขั้นแรกคือ ทำให้ผิวหนังทั้งสองชั้นเชื่อมติดกันอีกครั้ง โดยใช้ยากระตุ้นให้มันงอกขึ้นมาใหม่และเชื่อมเข้าด้วยกัน
นอกจากนั้น สาเหตุที่ผู้ป่วยมีอาการเช่นนี้เกิดจากการกินพืชที่เรียกว่าเฉียนเฉินจื่อ กอปรกับสภาพที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยค่อนข้างแห้งแล้ง
วิธีที่ข้าใช้คือ การรักษาทั้งภายในและภายนอกร่วมกัน ใช้อุปกรณ์อย่างหวดไม้ไผ่สำหรับนึ่ง วางไว้บนร่างของผู้ป่วยด้านล่างใช้หม้อขนาดใหญ่ต้มยาสมุนไพร ให้ยาค่อยๆ ซึมเข้าไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของผิวหนัง
นอกจากนั้น ยังใช้การฝังเข็มเพื่อเปิดชีพจรให้เลือดไหลเวียนได้ดี
สุดท้ายจึงรับประทานยาเพื่อรักษาจากภายใน ทั้งสามส่วนล้วนมีความสำคัญ ไม่อาจขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้”
จงเทียนโย่วพูดพลางวาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการนึ่งยาสมุนไพร เมื่อพูดถึงขั้นตอนนึ่งยาสมุนไพร เขายังตั้งใจวาดภาพเป็นพิเศษเพื่อให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน
เพียงแต่…
อุปกรณ์ที่เขากล่าวมานั้นค่อนข้างเป็นนามธรรม และวิธีนี้ยังเสี่ยงเกินไป
“คุณชายเทียนโย่ว วิธีการเช่นนี้ อุณหภูมิในการต้มยาจะต้องมีความสำคัญมากใช่หรือไม่? ”
หากอุณหภูมิต่ำเกินไป ผลการดูดซึมส่วนผสมยาของผู้ป่วยก็จะลดลงอย่างมาก แต่ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป ผู้ป่วยอาจได้รับบาดเจ็บจากความร้อนขณะที่นึ่งยา
“ถูกต้อง! จะต้องควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป”
“คุณชายเทียนโย่ว เหตุใดท่านจึงไม่ทายาลงบนร่างของผู้ป่วยโดยตรงเล่า? หากกลัวว่ายาจะตกค้างและแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังอันบอบบางของผู้ป่วย ก็สามารถบดยาเป็นผงได้! ”
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดี และง่ายกว่าวิธีที่ยุ่งยากซับซ้อนของจงเทียนโย่ว
“วิธีนี้ก็ใช้ได้เช่นกัน ทว่าทำให้ผู้ป่วยดูดซึมตัวยาได้ยาก ทั้งการทายาก็ทำได้ยาก หากไม่ระวังอาจทำให้ผิวหนังของผู้ป่วยฉีกขาด และเมื่อผิวหนังชั้นนอกติดสนิทกับผิวหนังชั้นในอย่างกะทันหัน ผู้ป่วยจะเจ็บปวดทรมานอย่างมาก นอกจากนั้น การป้องกันในระยะยาวก็จะยากมากยิ่งขึ้น หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ร่างกายของผู้ป่วยจะติดเชื้อ เช่นนั้นแล้ว ผลที่ตามมาคงไม่อาจจินตนาการได้”
ในสนามการแข่งขัน ความรู้วิชาแพทย์ของทุกคนล้วนใกล้เคียงกัน สรุปได้ว่า วิธีของจงเทียนโย่วเป็นวิธีที่มีประโยชน์และปลอดภัย ไม่เพียงสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย ทว่ายังบรรเทาความเจ็บปวดทรมานของผู้ป่วยได้
แม้หลายคนจะไม่เคยได้รับความเจ็บปวดจากการถูกน้ำร้อนลวกด้วยตนเอง ทว่าทุกคนต่างรู้ว่า หลังจากถูกน้ำร้อนลวกแล้ว จะต้องเจาะตุ่มพองเพื่อรักษาบาดแผล
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจาะตุ่มพองแล้ว ผิวหนังที่เสียหายจะเกาะติดกับผิวหนังชั้นในทำให้เจ็บปวดมาก กระทั่งบาดแผลเพียงเล็กน้อยก็อาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่ยากจะทนไหว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าได้รับบาดเจ็บทั้งร่าง
เมื่อได้ฟังวิธีการของจงเทียนโย่ว และเข้าใจถึงเจตนารมณ์นั้น ทุกคนต่างชื่นชมกันไม่หยุดปาก
จงจิงเฉินกำลังจะให้เป่ยถางเย่อธิบายแผนการรักษาของเขา ทว่าเป่ยถางเย่กลับหันไปคำนับกรรมการและจงเทียนโย่ว“คุณชายเทียนโย่วเป็นหมอที่มีจิตใจเมตตา อ๋องน้อยอย่างข้าเลื่อมใสยิ่งนัก การแข่งขันครั้งนี้คุณชายเทียนโย่วเป็นผู้ชนะ ท่านอ๋องน้อยยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ”
วิธีการของเป่ยถางเย่คล้ายกับวิธีของจงเทียนโย่ว แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาไม่ได้คิดมากเหมือนจงเทียนโย่ว วิธีของเขาคือใช้เข็มแทงไปที่ผิวหนังของผู้ป่วย และเอาน้ำที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา จากนั้นค่อยนำยาสมุนไพรกระตุ้นการเจริญเติบโตมาบดเป็นผงแล้วทาไปบนผิวหนัง ซึ่งเป็นยาชั้นดีของแคว้นเป่ยอี้ของเขา ทั้งยังให้ผลการรักษาที่ดี
สำหรับขั้นตอนต่อไป มีวิธีการคล้ายกับจงเทียนโย่ว แตกต่างเพียงการใช้เข็มและยาที่ใช้รักษาภายใน
“ด้วยวิธีนี้ คุณชายเทียนโย่วชนะแล้วใช่หรือไม่? ”
“ใช่ วิชาแพทย์ของแคว้นเป่ยอี้เป็นที่เลื่องลือ ทว่าท่านอ๋องน้อยเย่กลับพ่ายแพ้ต่อคุณชายเทียนโย่ว”
“คุณชายเทียนโย่วเป็นผู้ใดกัน? ได้ยินว่ามาจากสกุลจง”
“สกุลจง? ไม่มีทาง? สกุลจงส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันกี่คนกันแน่? ผู้เข้าแข่งขันครั้งนี้มีแต่คนสกุลจงที่เข้าร่วม สกุลจง พวกเจ้าคงไม่ได้แอบดูเนื้อหาการแข่งขันก่อนกระมัง? ”
“ใช่! ”
แม้สกุลจงจะมีชื่อเสียงมาก ทว่าอาณาจักรเทียนเหอยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ยอมจำนนต่อสกุลจง
“พวกเจ้าพูดอันใด? ” ศิษย์ของสกุลจงก้าวไปด้านหน้า และเผชิญหน้ากับพวกที่วิพากษ์วิจารณ์
ความขัดแย้งเช่นนี้ไม่อาจปล่อยให้ขยายวงกว้างออกไปได้ ทหารที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในการแข่งขันรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
จงจิงเฉินกล่าวว่า “ผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ ผู้ใดเป็นฝ่ายแพ้ ยังขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของผู้ตัดสิน การพิจารณาของผู้ตัดสินเป็นไปตามหลักของวิชาชีพ”
ท่ามกลางฝูงชนมีคนกล่าวสนับสนุนว่า “ใช่ ผู้ตัดสินหลายท่านยังนิ่งเงียบไม่พูดอันใด ฟังคำตัดสินของพวกเขาก่อนเถิด! ”
ทันใดนั้น ทุกคนก็หันไปให้ความสนใจผู้ตัดสินที่นั่งอยู่ เพื่อรอผลการแข่งขันขั้นสุดท้าย
หัวหน้าสำนักแพทย์และหัวหน้าสำนักโอสถนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ตัดสิน เจ้าสำนักโอสถนำแผนการรักษาของจงเทียนโย่วและเป่ยถางเย่ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อประกาศผลการแข่งขันขั้นสุดท้ายพร้อมกัน
“ทุกท่าน… การแข่งขันรอบที่ห้า เป็นการแข่งขันระหว่างเป่ยถางเย่แห่งแคว้นเป่ยอี้ กับจงเทียนโย่วแห่งแคว้นหนานหลี ผลการแข่งขันคือ… ”
เจ้าสำนักโอสถตั้งใจหยุดชั่วครู่ เพื่อดึงอารมณ์ของทุกคนขึ้นอีกครั้ง ราวกับมีบางอย่างดึงศีรษะของพวกเขาให้เงยหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ขณะที่ทุกคนเฝ้ารอคอยด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะหายใจไม่ทั่วท้องอยู่นั้น หัวหน้าสำนักแพทย์ก็กล่าวต่อจากหัวหน้าสำนักโอสถว่า “เป่ยถางเย่แห่งแคว้นเป่ยอี้เป็นผู้ชนะ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึง ทันใดนั้น ทั้งสนามการแข่งขันก็เริ่มมีเสียงดังขึ้น
“ท่านอ๋องน้อยเย่ชนะแล้ว! ”
“ท่านอ๋องน้อยเย่ชนะหรือ? ”
“ใช่หรือ? มีสิทธิ์อันใด? แม้แผนการรักษาของพวกเขาทั้งสองจะมีความคล้ายคลึงกัน ทว่าคุณชายเทียนโย่วเป็นหมอที่เมตตาและมีความใส่ใจผู้ป่วย ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ทั้งยังสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้อีกด้วย! ”
“ใช่ ท่านอ๋องน้อยเย่ชนะได้อย่างไร! ”
แม้ในสนามการแข่งขันจะมีคนจำนวนมากที่ชื่นชมเป่ยถางเย่ ทว่าความคิดของคนส่วนใหญ่ต่างชัดเจน และสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแผนการรักษาของผู้ใดดีกว่ากัน
ผู้ตัดสินพิจารณาให้ท่านอ๋องน้อยเย่เป็นผู้ชนะ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
หรือว่า… แม้แต่สำนักแพทย์เทียนอียังเกรงกลัวแคว้นเป่ยอี้?
แน่นอนว่า เมื่อมีผู้ที่คิดเช่นนั้น ย่อมมีผู้ที่พูดสิ่งนั้นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ทั้งสองท่าน หรือว่าพวกท่านจะเกรงกลัวแคว้นเป่ยอี้จริงๆ ? ”
“หากเกรงกลัวแคว้นเป่ยอี้ก็ไม่ควรมานั่งเป็นผู้ตัดสินอยู่ที่นี่ พวกเราต้องการความยุติธรรม หาใช่ความเกรงกลัวและปกป้องพวกพ้องเดียวกันของพวกท่าน”
“ใช่ แม้แต่คนของสำนักแพทย์เทียนอียังเป็นเช่นนี้ ข้าเห็นว่าไม่จำเป็นต้องจัดการแข่งขันซิ่งหลินนี้แล้ว”
“ใช่ การแข่งขันที่ไร้ความยุติธรรม ย่อมไร้ความหมาย”
การแข่งขันในรอบที่ห้าเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ทั้งยังมีอีกสองกลุ่มที่ยังไม่ได้เริ่มแข่งขัน! ความคิดเห็นและเสียงวิจารณ์ของผู้คนทวีความแข็งกร้าวมากขึ้น สีหน้าของผู้ตัดสินหลายท่านแสดงออกถึงความอึดอัดใจ
โดยเฉพาะผู้นำทั้งสองท่านของสำนักแพทย์เทียนอี
คุณชายจิ่ว เจ้าสำนักของพวกเขายังนั่งอยู่ด้านข้าง!
หากแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ต้องเป็นหัวหน้าแล้ว
ผู้นำทั้งสองท่านแอบชำเลืองมองจิ่วหรง
พวกเขาเห็นจิ่วหรงที่ราวกับเทพเซียน นั่งอย่างผ่อนคลายบนเก้าอี้ มือทั้งสองวางอยู่บนที่วางแขน ทั้งยังหลุบสายตาลงต่ำ ไม่รู้ว่าหลับหรือทำสิ่งใดอยู่ เนื่องจากเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ทั้งสองต่างปาดเหงื่อที่ไหลออกมา สันหลังรู้สึกเย็นวาบ และไม่กล้าละเลยเสียงประท้วงของหลายคนที่อยู่ในสนามแข่งขัน
พวกเขารีบอธิบายว่า “ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ อย่าใจร้อน การตัดสินของพวกเรายุติธรรมอย่างแน่นอน หาได้เข้าข้างผู้ใด และไม่ได้เกรงกลัวอำนาจเบื้องหลังของผู้ใด”
“ใช่ แม้การแข่งขันซิ่งหลินในวันนี้จะมีสกุลจงเป็นเจ้าภาพ ทว่ามันมีความสำคัญอย่างมากและส่งผลกระทบต่ออาณาจักรเทียนเหอ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือการพิจารณาของผู้ตัดสิน ล้วนยืนอยู่บนความยุติธรรม ในสนามการแข่งขัน ทุกคนล้วนเป็นผู้เข้าแข่งขัน ไม่แบ่งแยกสูงต่ำ ในจุดนี้ ทุกคนโปรดเชื่อในการพิจารณาของผู้ตัดสินอย่างพวกเรา”
หากจิ่วหรงไม่มาที่สนามการแข่งขันซิ่งหลิน ผู้นำทั้งสองของสำนักแพทย์เทียนอีย่อมมีสถานะสูงสุด ทั้งยังได้รับความเคารพจากทุกคน
บางที พวกเขายังใช้โอกาสนี้แสดงอำนาจได้บ้าง
ทว่ายามนี้จิ่วหรงมาแล้ว ทั้งยังนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดราวกับเจดีย์วิเศษ และแผ่รัศมีอำนาจให้ทุกคนหวาดกลัว เช่นนั้นผู้ใดจะกล้าสร้างปัญหา?