สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 21 ตอนที่ 611 จะถอดหรือไม่ถอด
หัวหน้าสำนักโอสถรีบกล่าวอธิบาย “หากว่ากันตามหลักเหตุผล แผนการรักษาของคุณชายเทียนโย่วดีกว่าท่านอ๋องน้อยเย่จริงๆ ทว่าการแข่งขันในวันนี้ กฎของการแข่งขันคือ ผู้ที่มีแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเป็นผู้ชนะ”
หัวหน้าสำนักแพทย์ทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า “สิ่งใดคือประสิทธิภาพ? ประสิทธิภาพที่พวกเราต้องการ ไม่เพียงแต่ผลการรักษาเท่านั้น ทว่ายังทำให้การรักษาผู้ป่วยดีขึ้น และรวดเร็วขึ้นอีกด้วย โดยจะได้ผลก็ต่อเมื่อเห็นผลของการรักษาในทันที จึงจะนับได้ว่ามีประสิทธิภาพ”
“ถูกต้อง แม้วิธีของคุณชายเทียนโย่วจะเป็นแผนการรักษาดี ทว่าในสนามแข่งขันนี้ จะให้ข้ารอเจ้าหาอุปกรณ์ที่กล่าวถึงนั้นมาจากที่ใด? อีกทั้ง คุณชายเทียนโย่ว ข้าขอพูดตามตรงด้วยความเคารพ แผนการรักษาของท่าน ใช่ว่ารักษาเพียงครั้งสองครั้งแล้วจะเห็นผลกระมัง? ”
“สิ่งที่หัวหน้าสำนักแพทย์พูดนั้นถูกต้อง วิธีการรักษาของข้านั้นเห็นผลช้าจริงๆ จำเป็นต้องรักษาสี่หรือห้าครั้งจึงจะเห็นผล”
หัวหน้าสำนักแพทย์ลูบเคราแผ่วเบา โดยไม่พูดสิ่งใดอีก
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ยังต้องรักษาได้ทันที… ”
“หากเป็นเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมกับคุณชายเทียนโย่วมิใช่หรือ? ”
“แท้จริงแล้ว หาได้ไม่ยุติธรรม อย่างไรเสีย วิธีของเขายังไม่มีผู้ใดเคยทดลอง ใครจะรู้ว่าได้ผลหรือไม่? ”
“ก็ใช่… ”
ทุกคนต่างกระซิบแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีกลับเข้าใจอย่างชัดเจน
วิธีการรักษาของจงเทียนโย่วไม่เพียงมีประสิทธิภาพ ทั้งยังให้ผลการรักษาที่ดีมาก
แท้จริงแล้ว วิธีที่เขากล่าวถึงคือวิธีการรักษาที่ใช้กันทั่วไป เป็นการอบเหงื่อซึ่งเป็นแผนการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน
เพียงไม่คิดว่า จงเทียนโย่วจะสามารถคิดวิธีการรักษาที่ก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้
สำหรับในยุคสมัยนี้ คงเป็นการคิดค้นเรื่องเล็กน้อยกระมัง? นับเป็นคุณูปการอย่างมากต่อวงการแพทย์แล้ว
เดิมทีเขาสามารถเอาชนะเป่ยถางเย่ได้ ทว่าเป็นอย่างที่ผู้นำทั้งสองกล่าวมา วิธีการนี้ไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการของการแข่งขันได้
จงเทียนโย่วยกยิ้มเล็กน้อย เขาหันไปคำนับกรรมการและทุกคนในสนามแข่งขัน สุดท้ายก็มองไปที่เป่ยถางเย่ “ยินดีกับท่านอ๋องน้อยเย่! ”
เขาแย้มยิ้มอย่างจริงใจ ไม่มีความเสแสร้งหรือการแสดงออกที่มากเกินไปแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเป่ยถางเย่กำลังครุ่นคิดสิ่งใด หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงแสดงความเคารพอย่างสูงต่อจงเทียนโย่ว
การแสดงความเคารพนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฐานะสูงต่ำ ทว่าเป็นธรรมเนียมแสดงความยกย่องของผู้มีความสามารถและมีคุณธรรม
ใช่ ผู้ที่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์แห่งแคว้นเป่ยอี้อันสง่างาม ได้แสดงความเคารพต่อสามัญชนแคว้นจงหนิง ทั้งยังคำนับเด็กที่มีอายุเพียงแปดเก้าปีเท่านั้น
บางครั้งชื่อเสียง ฐานะ และการจัดอันดับ สิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงออกภายนอก เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนมองเห็นและตระหนักได้อย่างรวดเร็ว ทว่าไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น… การแข่งขันการจัดอันดับทางการแพทย์ระหว่างเป่ยถางเย่และจงเทียนโย่วในวันนี้
แม้อันดับทางการแพทย์ของจงเทียนโย่วในตอนนี้จะอยู่ที่ระดับหมอเทวดา และมีความเป็นไปได้ที่เป่ยถางเย่อาจมีโอกาสเลื่อนอันดับขึ้นไปสูงกว่านี้
ทว่าในใจของผู้ที่พบเห็นต่างรู้ดีว่า เด็กที่ไร้ชื่อเสียงและอำนาจผู้หนึ่ง เด็กที่มีอายุเพียงแปดเก้าปี ทว่าความรู้ด้านการแพทย์ของเขาสามารถเอาชนะผู้คนมากมาย และในอนาคตอันใกล้นี้ เขาต้องมีอนาคตไกลกว่านี้อย่างแน่นอน…
จงเทียนโย่วหันหลังกลับ แขนเสื้อแกว่งไปมา ร่างเล็กค่อยๆ ก้าวลงจากเวที สายตาของทุกคนเลื่อนตามร่างของเขาอย่างเชื่องช้าจนลับสายตา ราวกับมองแสงระยิบระยับ ดวงตาของทุกคนต่างทอประกายสดใส
……
ลำดับถัดไปเป็นการแข่งขันระหว่างไหวชิ่งกงจู่และซูอวี้
ทั้งสองก้าวขึ้นไปบนเวที และยืนในพื้นที่พักเพื่อรอการแข่งขัน ทันใดนั้น เสียงของถังเสวี่ยก็ดังขึ้น “ไหวชิ่งกงจู่ การเดิมพันระหว่างเจ้ากับข้า ผู้ใดชนะผู้ใดแพ้กันแน่? ผู้ป่วยเมื่อครู่ได้รับพิษอันใด? ”
น้ำเสียงของถังเสวี่ยเต็มไปด้วยการยั่วยุและหยิ่งทะนง
สีหน้าของไหวชิ่งกงจู่พลันนิ่งขรึม แววตาปรากฏความเคร่งเครียด นางกระชากเสียงเย็นชาและไม่พูดอันใด
เสียงของถังเสวี่ยยิ่งดังมากขึ้น “ดูแล้ว ไหวชิ่งกงจู่คงไม่รู้! น่าเสียดาย ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เรื่องนี้คงต้องถามท่านอ๋องน้อยแห่งแคว้นเป่ยอี้เสียแล้ว”
นางพูดพลางเหลือบไปมองเป่ยถางเย่ และตะโกนว่า “ท่านอ๋องน้อยเย่ ผู้ป่วยที่พระองค์และคุณชายเทียนโย่วรักษาเมื่อครู่นั้น ได้รับพิษหรือไม่? หม่อมฉันได้เดิมพันไว้กับไหวชิ่งกงจู่ หากเขาได้รับพิษ อีกสักครู่ พวกท่านจะได้เห็นการแสดงฉากเด็ด”
เป่ยถางเย่หันไปมองไหวชิ่งกงจู่ น้ำเสียงของเขาไม่แสดงถึงอารมณ์อันใด ทั้งไม่เข้าข้างผู้ใด “เมื่อครู่ คุณชายเทียนโย่วได้อธิบายแล้ว ผู้ป่วยรับประทานสิ่งผิดปกติคือพืชที่มีชื่อว่าเฉียนเฉินจื่อ เดิมทีพืชชนิดนี้ไม่มีพิษ ทว่าที่พักอาศัยของผู้ป่วยมีสภาพแห้งแล้ง กอปรกับที่เขาขาดธาตุไฟอย่างรุนแรง รวมกับสาเหตุภายนอกและภายในบางอย่าง จึงนำไปสู่โรคชนิดนี้”
“ความหมายของพระองค์คือ เหตุผลในการเกิดโรคของเขานั้นมีหลายสาเหตุหรือ? ” ถังเสวี่ยไม่ลืมจับประเด็นสำคัญ
“อาจพูดได้ว่าเป็นเช่นนั้น! ”
“เช่นนั้น เขาไม่ได้ถูกพิษใช่หรือไม่? ”
“เดิมทีพืชอย่างเฉียนเฉินจื่อไม่มีพิษ ทั้งไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของอาการป่วยของเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่! ”
“ขอบพระทัยเพคะ! ”
ถังเสวี่ยคำนับเป่ยถางเย่อย่างร่าเริง จากนั้นจึงหันไปมองไหวชิ่งกงจู่
“ไหวชิ่งกงจู่ เจ้าแพ้แล้ว! การแข่งขันระหว่างพวกเราตกลงกันว่าอย่างไร”
ถังเสวี่ยพูดพลางครุ่นคิด “เหมือนจะตกลงกันว่า หากเจ้าแพ้ เจ้าจะทำตามเดิมพันของเจ้ากับตงหลิงหวง รัชทายาทแคว้นตงเฉิน ระหว่างพวกท่านเดิมพันอันใดกัน พระองค์พูดมาเถิด หม่อมฉันเกรงว่าความจำของไหวชิ่งกงจู่จะไม่ค่อยดี นางคงลืมไปหมดแล้ว”
ตงหลิงหวงใช้พัดปิดปาก และกระแอมไอสองครั้ง “ไม่ต้องพูดซ้ำกระมัง? รัชทายาทอย่างข้าเชื่อมั่นในความจำของไหวชิ่งกงจู่ เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้จะลืมได้อย่างไร? ”
ทันใดนั้น สีหน้าของไหวชิ่งกงจู่ก็ยิ่งบึ้งตึงมากขึ้น มือที่อยู่ข้างกายกำหมัดแน่น
“ไหวชิ่งกงจู่ ในเมื่อรัชทายาทแคว้นตงเฉินไม่เต็มใจพูด เช่นนั้นข้าจะช่วยพระองค์พูด การเดิมพันระหว่างพวกเจ้า ได้เดิมพันกันว่า หากเจ้าแพ้ เจ้าจะถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้! ”
ถังเสวี่ยพูดพลางขมวดคิ้วแน่น “โอ้ ไหวชิ่งกงจู่ การแข่งขันเริ่มต้นมานานถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดเจ้ายังสวมเสื้อผ้าอยู่อีก? ทว่าตอนนี้ยังถอดทัน เจ้าต้องถอดเองกระมัง? หรือจะให้ข้าถอดให้เจ้า? ”
ไหวชิ่งกงจู่เม้มปากแน่น จนแทบจะกัดริมฝีปากตนเอง
“เจ้าคนแซ่ถัง อย่ามากเกินไปนัก”
ถังเสวี่ยทำหน้าราวกับไม่ได้ทำสิ่งใดผิด “ข้าทำเกินไปที่ใดกัน! ไหวชิ่งกงจู่ หากวันนี้ข้าเป็นฝ่ายแพ้ บางทีเจ้าอาจจะทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ! ข้าเพียงให้เจ้าจ่ายในสิ่งที่เดิมพันกันไว้ เหตุใดจึงกลายเป็นการทำเกินไปได้เล่า? ทุกคนบอกสิว่า ข้าทำเกินไปหรือไม่? ”
ชื่อเสียงของชาวไหวเจียงเป็นที่เกลียดชังทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ ผู้ใดบ้างที่ไม่โกรธเกลียดชาวไหวเจียง?
ทุกคนต่างเห็นด้วยในทันที “ไม่เกินไปเลย! ”
“ใช่ ไม่เกินไปแม้แต่น้อย เพียงให้ไหวชิ่งกงจู่ชดใช้สิ่งที่เดิมพันกันไว้เท่านั้น”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไหวชิ่งกงจู่กับคุณหนูถังเดิมพันกัน พวกเราต่างได้ยินอย่างชัดเจน! ลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น แม้ไหวชิ่งกงจู่จะไม่ใช่บุรุษ ทว่าพูดสิ่งใดไว้ต้องรักษาคำพูด! ”
คำพูดนี้เกรงว่าจะมีสองความหมาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะยกใหญ่
“ใช่ ก่อนหน้านี้ที่โรงน้ำชา ไหวชิ่งกงจู่และรัชทายาทแคว้นตงเฉินเดิมพันกัน ข้าก็อยู่ในเหตุการณ์! ” ซูจิ่นซีพูดขึ้น
ไหวชิ่งกงจู่หันไปมองซูจิ่นซี จึงทราบว่าซูจิ่นซีคือผู้ที่นั่งอยู่บนชั้นสองอย่างเงียบงันในวันนั้น
ทุกคนต่างเร่งรัด แม้จะอยู่ในการแข่งขัน ทว่าทั้งผู้จัดงานและผู้ดำเนินการไม่ได้ออกมาห้ามปรามพวกเขา
ในเวลานั้น ไหวชิ่งกงจู่ไม่มีหนทางให้ถอยแล้ว
หากไม่ทำตามคำพูดที่เดิมพันไว้ นางคงไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ทว่าหากทำตามที่เดิมพัน…
ตกลงนางจะถอดหรือไม่ถอด?