สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 21 ตอนที่ 612 หาผู้ใดชดใช้เดิมพันแทน?
“ฮ่า ฮ่า ไหวชิ่งกงจู่ ที่แท้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นระหว่างเจ้ากับรัชทายาทแคว้นตงเฉินหรือ! ดูเหมือนความสนุกในวันนี้ ไม่ได้มีเพียงเรื่องทางการแพทย์เท่านั้น! ”
“ใช่ ไหวชิ่งกงจู่ ในเมื่อเดิมพันแล้ว ท่านก็ต้องทำตามสิ่งที่เดิมพันไว้ พวกท่านทุกคนล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียง มีหน้าตาทั้งสิ้น”
“ใช่! ไหวชิ่งกงจู่ เมื่อเดิมพันแพ้ ท่านก็ชดใช้ผลการเดิมพันเสียเถิด! ”
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ ไม่ใช่คำพูดของกงจู่จากแคว้นอื่น การแข่งขันซิ่งหลิน นอกจากจะมีผู้สูงศักดิ์ที่มาจากแต่ละแว่นแคว้นแล้ว บางส่วนยังเป็นผู้กล้าในยุทธภพ
พวกเขาไม่สนใจว่าคำพูดของตนเองจะล่วงเกินกงจู่หรือท่านอ๋องจากแคว้นใด ยิ่งไม่สนใจว่าการพูดเช่นนี้จะทำให้ผู้ใดเสียหน้า
พวกเขา… รู้สึกว่ามันเป็นเพียงเรื่องสนุก
ไหวชิ่งกงจู่กำหมัดแน่น นางโกรธจนแทบจะมอบยาพิษให้พวกเขาเป็นรางวัล และทำให้พวกเขาได้รับพิษจนเป็นใบ้กันทั้งหมดทุกคน
“ทุกท่าน… วันนี้เป็นการแข่งขันซิ่งหลิน ในสนามแข่งขันยังมีผู้คนมากมายรอชมการแข่งขันอยู่! เรื่องบุญคุณความแค้น พวกเราพูดคุยเป็นการส่วนตัวเป็นเช่นไร? การแข่งขันเป็นเรื่องสำคัญ การแข่งขันเป็นเรื่องสำคัญ! ” จงจิงเฉินกล่าวเสียงดัง
ไหวชิ่งกงจู่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ราวกับเห็นความหวัง ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็ทอประกายไปด้วยแสงแห่งความโชคดี
ทว่าแสงแห่งความโชคดีนั้นเปล่งประกายอยู่ได้ไม่นาน ก็ถูกทุกคนเหยียบย่ำ
“คุณชายจิงเฉิน การแข่งขันดำเนินมาเป็นเวลานานมากแล้ว ให้พวกเราได้ผ่อนคลายบ้างเถิด ถือว่าเป็นการแสดงคั่นระหว่างการแข่งขัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน! ”
“ใช่แล้ว ในการแข่งขันทั่วไป ต้องมีการแสดงระหว่างการแข่งขันมิใช่หรือ! ดูเหมือนการแข่งขันของพวกเราในวันนี้ จะไม่ได้จัดเตรียมการแสดงไว้! ไม่ต้องฝึกซ้อมสิ่งใดล่วงหน้า พวกเรามาชมการแสดงสดกันเถิด! ”
เมื่อพูดเช่นนั้น มีบางคนจงใจผิวปากให้ไหวชิ่งกงจู่ที่อยู่บนเวที
“ไหวชิ่งกงจู่ สู้ๆ พวกเราจะดูท่านให้เต็มตา! ”
เยวี่ยไหวชิ่งแทบจะร้องไห้ออกมา นางมองกูสือซานด้วยสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ทว่าน่าเสียดายที่ความสนใจของเขาตกอยู่ที่ตงหลิงหวงตลอดเวลา
“เป็นพวกเดียวกันแท้ๆ แต่กลับมีใจให้ฝ่ายตรงข้าม! ”
ไหวชิ่งกงจู่โกรธอย่างมาก นางกัดฟันแน่น และบีบข้อมือทั้งสองดังแกร๊กๆ
ถังเสวี่ยมองไหวชิ่งกงจู่อย่างภาคภูมิใจ และไม่ได้บีบบังคับนาง เพียงมองและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ในที่สุด ไหวชิ่งกงจู่ก็ทนไม่ไหว นางรีบเดินมาข้างหน้า
“ตงหลิงหวง เรื่องวันนั้นเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรจับผิดเจ้า ไม่ควรทำให้เจ้าลำบากใจ และไม่ควร… ไม่ควรเดิมพันกับเจ้าทั้งที่เกินกำลังของตนเอง เป็นข้าที่เป็นฝ่ายด้อยกว่า ข้าขอโทษเจ้า เจ้า… จิตใจกว้างขวาง… ปล่อยข้าไปได้หรือไม่? ”
ตงหลิงหวงนั่งอยู่อย่างสง่างาม พลางโบกพัดที่อยู่ในมืออย่างเป็นจังหวะ
แท้จริงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ปฏิสัมพันธ์กับไหวชิ่งกงจู่ เด็กน้อยผู้นี้ นอกจากดื้อรั้นเย่อหยิ่ง และไม่สุภาพไปบ้าง ทว่านางไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายที่ยากจะให้อภัย
นอกจากนั้น อายุของนางน้อยกว่าตนเองไม่กี่ปี ในฐานะที่นางเป็นองค์หญิงของแคว้นไหวเจียง หากต้องถอดเสื้อผ้าท่ามกลางผู้คนมากมายจริงๆ ไม่เพียงแต่นางที่เสียเกียรติเท่านั้น ทว่าแคว้นไหวเจียงย่อมเสียเกียรติไปด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้น นับว่าแคว้นตงเฉินอาจไปล่วงเกินแคว้นไหวเจียงเข้า
ใช่ว่าตงหลิงหวงเกรงกลัวแคว้นไหวเจียง เพียงในเวลานี้… นางไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับแคว้นไหวเจียงด้วยเหตุผลเพียงเล็กน้อย
อีกอย่าง มันเป็นเพียงเรื่องตลกของตงหลิงหวงในวันนั้น นางไม่คิดจะให้ไหวชิ่งกงจู่ทำเช่นนั้นจริงๆ ดังนั้นจึงคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้สถานเบาก็พอ
ไหวชิ่งกงจู่เห็นตงหลิงหวงไม่พูดสิ่งใดมาครู่หนึ่ง จึงเกิดความกังวลใจ
“รัชทายาทตงหลิง เจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร? แม้ระหว่างพวกเราจะมีการเดิมพันกันจริง และข้ายังเป็นผู้แพ้เดิมพัน ทว่าเจ้าจะให้ข้าซึ่งเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ถอดเสื้อผ้าให้ผู้คนจำนวนมากจากแคว้นต่างๆ ดู เจ้ารู้สึกว่าเหมาะสมหรือ? ”
ไหวชิ่งกงจู่เอ่ย ไม่รู้ว่านางโศกเศร้าจริงหรือเป็นเพียงการแสดงบทเศร้าโศก นึกไม่ถึงว่านางจะหลั่งน้ำตาออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ถังเสวี่ยก็กอดอกและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “น่าเบื่อ! ”
ตงหลิงหวงกล่าว “ไหวชิ่งกงจู่ การเดิมพันนั้นเป็นการเดิมพันต่อเนื่อง ข้าไม่อาจพูดเพียงฝ่ายเดียวได้ ให้คุณหนูถังตอบตกลงก่อนจึงจะได้”
ไหวชิ่งกงจู่กำมือทั้งสองแน่น นางมองถังเสวี่ยในสภาพน้ำตาคลอเบ้า
ถังเสวี่ยไม่ใช่เด็กที่โตมากับการร้องไห้ นางกลัวที่สุดเมื่อมีผู้อื่นมาร้องไห้ต่อหน้านาง ตั้งแต่เด็ก เพียงมีเด็กที่อื่นมาร้องไห้ต่อหน้านาง นางจะรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ทว่าการแสดงฉากเศร้าโศกนี้ เป็นสิ่งที่น่ารำคาญที่สุด นางไม่ชอบชาวไหวเจียง ดังนั้นจึงไม่ปล่อยไหวชิ่งกงจู่ไปง่ายๆ
“จะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร เจ้าคิดว่าเพียงบีบน้ำตาสองหยด จะสามารถตัดเรื่องเดิมพันออกไปได้อย่างนั้นหรือ? ข้าขอบอกเจ้า อย่าแม้แต่จะคิด”
“เจ้า… ” ไหวชิ่งกงจู่หยุดชะงักลง น้ำตายิ่งไหลพราก
ถังเสวี่ยเห็นนางร้องไห้จริงๆ ทว่าคำพูด เมื่อพูดออกไปแล้วไม่อาจคืนคำได้ ไม่เช่นนั้น ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเอง!
นางเบือนหน้าหนี ไม่มองไหวชิ่งกงจู่ “อย่าร้องไห้ สิ่งที่เดิมพันไว้ก็ควรปฏิบัติตาม หากวันนี้ข้าเป็นฝ่ายแพ้ ใครจะรู้ว่าเจ้าจะทำอย่างไรกับข้า คาดว่าต่อให้ข้าร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดก็ไร้ประโยชน์”
นางพูดพลางใช้มือปิดหูตนเอง
คนอื่นอาจมองไม่ออก ทว่าอู๋จุนที่นอนอยู่บนราวบันไดที่ไกลออกมา กลับเห็นถังเสวี่ยอย่างชัดเจน
เด็กน้อยผู้นี้จิตใจอ่อนไหวเกินไปแล้ว
แม้ปากจะบอกว่าไม่ยอมปล่อย ทว่ากลับถูกผู้อื่นจับทางได้
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่! ต่อไป หากเจอเรื่องใหญ่เข้าคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
คนหนึ่งไม่ยอมทำตามสิ่งที่เดิมพันไว้ คนหนึ่งก็ไม่ยอมปล่อย หากไม่จัดการเรื่องนี้และปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป การแข่งขันก็ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้
แท้จริงแล้ว ตงหลิงหวงมองความคิดของถังเสวี่ยออก
“คุณหนูถัง เจ้าเห็นว่าพวกเราทำเช่นนี้ดีหรือไม่? ที่พวกเราสองคนเดิมพันกัน แท้จริงแล้วเป็นเพียงเรื่องที่ล้อเล่นกันสนุกสนานเท่านั้น ที่ไหวชิ่งกงจู่พูดมาก็ไม่ผิด นางเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเหมือนท่านกับข้า หากถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากคงไม่เหมาะสมนัก มิสู้ให้นางหาตัวแทนมาปฏิบัติตามการเดิมพันที่วางไว้ และปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเถิด! ”
ถังเสวี่ยกังวลว่าตนเองจะไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้!
“ทำตามที่พระองค์ตรัสเถิด!พระองค์ตัดสินพระทัยได้เลย! ”
น้ำตาของไหวชิ่งกงจู่หยุดไหลอย่างกะทันหัน การแสดงออกดูเกินจริงไปเล็กน้อย
หลังตกตะลึงครู่หนึ่ง นางจึงพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ตงหลิงหวง เจ้าช่างน่าสนใจจริงๆ ข้าจะจดจำเจ้าไว้! ”
ข้าจะจำเจ้าไว้!
นี่เป็นครั้งที่สองที่ไหวชิ่งกงจู่พูดคำนี้กับตงหลิงหวง ทว่านางจะจดจำสิ่งใดของตงหลิงหวง เกรงว่าคงมีเพียงนางที่รู้
ตงหลิงหวงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทว่านิ่งเงียบไม่พูดอันใด
ไหวชิ่งกงจู่กวาดสายตามองผู้คนเหล่านั้น ผู้ที่สัมผัสได้ถึงสายตาของนางต่างพากันก้มศีรษะ กลัวว่าตนเองจะถูกเยวี่ยไหวชิ่งเลือก
ทว่ามีเพียงกูสือซานผู้เดียวที่ไม่แยแสสิ่งใด เขาจ้องมองตงหลิงหวงดั่งร่างที่ไร้วิญญาณ
ไหวชิ่งกงจู่กวาดสายตามองถึงสองรอบ สุดท้ายสายตาของนางก็หยุดอยู่ที่ร่างของกูสือซาน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ต้องรบกวนท่านราชครูกูแล้ว! ”
“…”
กูสือซานไม่ได้ยินเลยจริงๆ
ทั้งสนามแข่งขันพลันเงียบลง ทุกสายตาต่างมองไปที่กูสือซาน
“ราชครูกู ต้องการให้ข้าไปเชิญเจ้าด้วยตนเองหรือไม่? ” ไหวชิ่งกงจู่กัดฟันแน่น
กูสือซานได้สติ และรีบลุกขึ้นยืน “องค์หญิงมีสิ่งใดรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”
“ราชครูกู รัชทายาทแห่งแคว้นตงเฉินได้ตกลงกับข้าว่า ให้หาผู้แทนมาปฏิบัติตามเงื่อนไขการเดิมพัน ข้าคิดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่ง มีเพียงท่านที่สามารถทำแทนข้าได้ ให้ท่านเป็นตัวแทนข้า ทำตามข้อตกลงที่เดิมพันไว้ก็แล้วกัน! ”
“เดิมพัน? เดิมพันอันใด? ” ก่อนหน้านั้น กูสือซานไม่ได้ตั้งใจฟังคำพูดของไหวชิ่งกงจู่ที่พูดกับผู้อื่น เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งจึงเกิดความสับสนเล็กน้อย ทว่าเพิ่งสิ้นเสียงพูด เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นการเดิมพันอันใด ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป “องค์หญิง… ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เหมาะสมกระมัง? ”