สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 22 ตอนที่ 639 วิญญาณสามชาติสามภพ ด่านเคราะห์ร้อยปี
แม้ฉ่ายเวยจะฟื้นแล้ว ทว่าแววตาของนางกลับสับสน ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ทั้งขณะที่นางนั่งลง การเคลื่อนไหวของนางยังแข็งทื่ออย่างมาก
ทันใดนั้น เสวียนเยี่ยก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบวิ่งไปยังข้างกายของฉ่ายเวย และดึงขากางเกงของนางขึ้น
เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เสวียนเยี่ยพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นรากบัว…
เขาหันไปถามจิ่วหรงทันที “หุ่นเชิดรากบัวหรือ? เหตุใดเจ้าจึงประดิษฐ์หุ่นเชิดรากบัวที่มีหน้าตาเหมือนกับซีเอ๋อร์? เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกเรื่องทั้งหมดนี้กับซีเอ๋อร์? ”
จิ่วหรงนิ่งเงียบ เขายังคงนอนคุดคู้อยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ทันใดนั้น เสวียนเยี่ยก็ผุดความคิดบางอย่าง เขาประสานสองนิ้วเข้าหากัน และเคลื่อนนิ้วผ่านดวงตาของตนอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเขาพลันสว่างขึ้นในพริบตา เขาเงยหน้าขึ้น มองบนศีรษะ และเห็นแสงสว่างสามดวงค่อยๆ ลอยขึ้นสู่สวรรค์ชั้นเก้า
เป็นดั่งที่คิดไว้จริงๆ ดวงวิญญาณของซีเอ๋อร์ไม่ได้แตกสลาย แต่แบ่งออกเป็นสามส่วน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ยังสามารถช่วยซีเอ๋อร์ได้ ยังมีวิธีช่วยนางได้อย่างแน่นอน
เสวียนเยี่ยแทบไม่คิดสิ่งใด เขารีบดึงดาบยาวในมือออกมาอย่างรวดเร็ว และชี้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นฟ้า
“ท่านเทพฝูซีจักรพรรดิแห่งแดนสวรรค์ ลูกหลานสกุลเสวียน ในนามโอรสสวรรค์ ขอรวบรวมวิญญาณสวรรค์ชั้นเก้าไว้ในกระบี่เสวียนหยวน ยินยอมตกสู่ยมโลก เป็นตายไม่นึกเสียใจ… ”
หลังสิ้นเสียงพูด ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ ฟ้าร้องคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น กระบี่ยาวที่อยู่ในมือของเขาคือกระบี่วิเศษเสวียนหยวน กระบี่วิเศษเสวียนหยวนทอแสงเปล่งประกายท่ามกลางเมฆดำ แสงนั้นดูราวกับกำลังส่งพลังอันแข็งแกร่งออกมา เพื่อดูดซับวิญญาณของเทพธิดาให้ค่อยๆ ไหลเข้าสู่กระบี่วิเศษเสวียนหยวน
เมื่อเห็นดังนั้น เสวียนเยี่ยดีใจเป็นยิ่งนัก ในขณะเดียวกัน วิญญาณของเขาก็ค่อยๆ สลายไป ร่างกายของเขาอ่อนแอลงอย่างเชื่องช้า
จิ่วหรงที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้นพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาคิดจะเข้าไปห้ามเสวียนเยี่ย ทว่ารอบกายของเสวียนเยี่ยมีพลังที่แข็งแกร่งล้อมตัวเขาไว้ เป็นพลังของโอรสสวรรค์ซึ่งผู้อื่นไม่อาจเข้าใกล้ได้
“เสวียนเยี่ย เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้าเป็นโอรสสวรรค์ จุติลงมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการกอบกู้โลก นับเป็นภาระที่ใหญ่หลวงนัก ทว่าเหตุใดเจ้าจึงใช้วิญญาณของตนเพื่อสังเวยเช่นนี้? เจ้าอาจได้พบกับการลงโทษจากเผ่าสวรรค์! ”
เสวียนเยี่ยยกยิ้มมุมปากโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวแม้แต่น้อย “เพียงซีเอ๋อร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง อย่าว่าแต่การลงโทษจากเผ่าสวรรค์เลย ต่อให้ต้องตกนรกสิบแปดขุม ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดตลอดไป ก็ช่างปะไร? ”
จิ่วหรงขมวดคิ้วแน่น พลางกร่นด่าแผ่วเบา “เจ้าทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อันใด? ชีวิตของนาง เจ้าจะใช้ชีวิตของตนเพื่อแลกชีวิตนางได้อย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่านางคือผู้ใด… ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จิ่วหรงพลันยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย
“จิ่วหรง สัญญากับรัชทายาทอย่างข้า เจ้าต้องช่วยชีวิตซีเอ๋อร์ให้ได้ ต้องช่วยชีวิตนาง ไม่ว่าจะแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม”
เสวียนเยี่ยพูดพลางเงยหน้ายกยิ้มแผ่วเบา และมองวิญญาณในกระบี่เสวียนหยวนที่ค่อยๆ รวมตัวกัน ราวกับเห็นใบหน้าแย้มยิ้มของเทพธิดา “ขอเพียงนางยังมีชีวิตอยู่ ข้า เสวียนเยี่ยก็ยังมีชีวิตอยู่”
ทันใดนั้น…
ลำแสงของกระบี่เสวียนหยวนพลันเกิดความผิดปกติเล็กน้อย ด้ามกระบี่สั่นไหวอย่างรุนแรง แสงที่เปล่งประกายรอบกระบี่เสวียนหยวนทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทว่ากลับสูญเสียพลังดึงดูดดวงวิญญาณของเทพธิดา
ยามนี้ กระบี่เสวียนหยวนดูดซับดวงวิญญาณของเทพธิดาได้เพียงหนึ่งดวง ทว่าอีกสองดวงกลับลอยขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเก้าอย่างเชื่องช้า
ท่ามกลางความตกตะลึง เสวียนเยี่ยได้รวบรวมพลังเกือบทั้งหมดเพื่อควบคุมกระบี่เสวียนหยวน โดยไม่สนใจการสลายวิญญาณของตนเองแม้แต่น้อย เขาควบคุมกระบี่เสวียนหยวนเพื่อดึงดวงวิญญาณอีกสองดวงกลับมา ทว่า… ไร้ประโยชน์
จิ่วหรงต้องการเข้าไปช่วยเสวียนเยี่ย ทว่าพลังของเขาไม่อาจเข้าใกล้เสวียนเยี่ยและกระบี่เสวียนหยวนได้
ทั้งสองทำได้เพียงมองดูดวงวิญญาณอีกสองดวงของเทพธิดาลอยขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเก้า และหายไปจากโลกมนุษย์
ดวงวิญญาณของเสวียนเยี่ยพลันแตกสลาย ในที่สุดก็ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้ ร่างกายล้มลงกับพื้นอย่างแรง
ดวงตาของเขามองตรงไปยังเมฆบนสวรรค์ชั้นเก้า แววตามีทั้งความยินดีและความสิ้นหวัง
ความยินดีคือ กระบี่เสวียนหยวนได้ดูดซับดวงวิญญาณของเทพธิดาได้หนึ่งดวง สิ้นหวังเพราะ ดวงวิญญาณอีกสองดวงยังลอยขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเก้า ต่อไปคงทำได้เพียงเร่ร่อนไปในโลกมนุษย์
เสวียนเยี่ยลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำของเขามองไปที่จิ่วหรงด้วยความอ้อนวอน “จิ่วหรง สัญญากับข้า เจ้าต้องชุบชีวิตซีเอ๋อร์อีกครั้งให้ได้ ไม่เช่นนั้น ต่อให้รัชทายาทอย่างข้าต้องกลายเป็นผี ก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป! ”
เขาพูดพลางยื่นกระบี่เสวียนหยวนในมือให้จิ่วหรง
จิ่วหรงเดินเข้าไปและโน้มตัวรับกระบี่เสวียนหยวนไว้
“ตกลง ข้าสัญญากับเจ้า! ”
เสวียนเยี่ยแย้มยิ้มอย่างวางใจ ก่อนจะมองดูเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแสดงออกราวกับเห็นเทพธิดากำลังแย้มยิ้มอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
“ซีเอ๋อร์ ชาติภพหน้า… หากเสวียนเยี่ยพบเจ้าก่อนคงจะดีกระมัง? ”
เสวียนเยี่ยและเทพธิดาได้เสียชีวิตไปแล้ว
แม้ตอนนั้น จิ่นอีโหวจะขับไล่กองทหารของฮ่องเต้ได้ ทว่าสุดท้ายแล้ว ฮ่องเต้แห่งซีโจวก็ไม่ปล่อยจิ่นอีโหวไป สามวันหลังจากนั้น จิ่นอีโหวถูกนักฆ่าที่ฮ่องเต้ส่งมาลอบสังหารในห้องอาบน้ำ
จิ่วหรงในฐานะนายน้อย เป็นเจ้าภาพพิธีศพของจิ่นอีโหว เจ็ดวันต่อมา จิ่นอีโหวถูกฝังไว้ในสุสานที่สร้างขึ้นก่อนหน้านั้น
วันที่ฝังจิ่นอีโหว จิ่วหรงนำฉ่ายเวยฝังไว้ในสุสานของจิ่นอีโหวในนามพระชายาโหว
วันที่ฝังศพนั้น จิ่วหรงใช้พลังเวทย์ผนึกให้ฉ่ายเวยเข้าสู่สภาวะหลับใหล เขาจ้องมองใบหน้าของฉ่ายเวยเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม แววตานั้นกลับไม่เหมือนกำลังมองฉ่ายเวย แต่ราวกับกำลังมองผู้อื่น
แน่นอนว่าจิ่วหรงเป็นเจ้าสำนักแพทย์เทียนอี ทว่าเขากลับยอมลดสถานะของตนเองด้วยความเต็มใจ และกลายมาเป็นนายน้อยตำหนักใต้ดินของจิ่นอีโหว
เห็นได้ชัดว่าเขาชื่นชอบเทพธิดา ทว่ากลับปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชา ทั้งยัง ‘หลงใหล’ หุ่นรากบัวที่มีหน้าตาเหมือนนาง
จิ่วหรงมีเหตุผลอันใดจึงทำเช่นนั้น?
เหตุใดเขาจึงสร้างหุ่นรากบัวฉ่ายเวยขึ้นมา?
และเหตุใดจึงนำนางไปฝังไว้ในสุสานของจิ่นอีโหว?
คำตอบทุกอย่างต้องรอหลังจากนี้อีกหนึ่งพันปี เมื่อสุสานของจิ่นอีโหวเปิดขึ้นอีกครั้ง
……
ตั้งแต่นั้นมา จิ่วหรงได้นำดวงวิญญาณที่ปิดผนึกอยู่ในกระบี่เสวียนหยวน ออกตามหาดวงวิญญาณอีกสองดวงของเทพธิดาในโลกมนุษย์ เขาตามเสาะหาตลอดเวลาแปดร้อยปี
หลังจากแปดร้อยปี ในที่สุด จิ่วหรงก็สัมผัสได้ว่า ดวงวิญญาณดวงหนึ่งของเทพธิดาปรากฏขึ้นในวังหลวงของจักรวรรดิต้าฉิน
ดังนั้น จิ่วหรงจึงใช้โอกาสที่ฮ่องเต้ต้าฉินคัดเลือกราชครูให้รัชทายาทเพื่อเข้าไปในวังหลวง และตามหาสิ่งที่มากับวิญญาณของเทพธิดา เขาพบว่าวิญญาณอีกดวงหนึ่งของเทพธิดา อยู่ในพระวรกายของรัชทายาทหมิงเต๋อที่กำลังประชวร
และรัชทายาทหมิงเต๋อองค์นี้ คือเสวียนเยี่ยที่วนเวียนกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง
……
หากต้องการนำดวงวิญญาณของเทพธิดาออกมา จำเป็นต้องสังหารร่างของผู้ที่มีวิญญาณสถิตอยู่ และขณะที่ดวงวิญญาณล่องลอยขึ้นไปอีกครั้ง ต้องเก็บรวบรวมในทันที
ทว่ารัชทายาทหมิงเต๋อผู้นี้ เป็นเหมือนกับรัชทายาทเสวียนเยี่ยในตอนนั้น มันเป็นโชคชะตาของรัชทายาท รัชทายาทต้องแบกรับความรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชนมากมาย ไม่สามารถสิ้นพระชนม์ไปอย่างง่ายดายแน่นอน
ควรทำอย่างไร?
นอกจากนั้น แม้ตอนนี้รัชทายาทหมิงเต๋อจะเป็นรัชทายาทเสวียนเยี่ยที่กลับชาติมาเกิด ทว่าเขาลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีตชาติไปนานแล้ว
……
ขณะที่ซูจิ่นซีต้องการรู้ว่าจิ่วหรงจะทำอย่างไรต่อไป ทันใดนั้น มิติโลกเสมือนจริงก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เรื่องราวที่อยู่ด้านในค่อยๆ เลือนหายไป สุดท้าย ภาพเสมือนจริงก็จางหายไปพร้อมกับเสียงดัง ‘ครืน’
สีหน้าของท่านอ๋องน้อยเย่ซีดขาวเล็กน้อย “พระชายาโยวอ๋อง ความสามารถของข้ามีขีดจำกัด รับมือไม่ไหวแล้ว หากยังฝืนต่อไป ชีวิตของท่านอ๋องน้อยอย่างข้าคงจบสิ้นเป็นแน่! ”
แววตาของซูจิ่นซีเผยความประหลาดใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่พูดอันใด
เป็นเวลาครู่ใหญ่ที่นางมีท่าทีสับสน “รบกวนท่านอ๋องน้อยเย่แล้ว ไม่ทราบว่าเมื่อใดที่ร่างกายของท่านอ๋องน้อยจะฟื้นตัว ข้าต้องการให้ท่านอ๋องน้อยช่วยเปิดมิติเสมือนจริงอีกครั้ง ไม่ว่าท่านอ๋องน้อยจะเสนอเงื่อนไขอันใด ข้าพร้อมตอบรับทั้งหมด”