สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 22 ตอนที่ 659 กอเอี๊ยะหนังสุนัข
“หากพวกเจ้าสามารถหาสิ่งล้ำค่ามาทดแทนศิลาปี้ลั่วได้จริง ข้าก็ตกลงรักษาแม่นางทั้งสองท่านนี้! ”
“ตกลง! ”
อวิ๋นจิ่นเดินไปยังข้างกายซูจิ่นซี และหยิบสมุนไพรชิ้นหนึ่งวางไว้บนปากของนาง
“แม่นางผู้นี้ไร้ลมหายใจแล้ว ทว่าเสี้ยวดวงวิญญาณของนางยังคงอยู่ หญ้าเฟิงฝูสามารถรักษาร่างกายของนางไม่ให้เน่าเปื่อยภายในเจ็ดวัน ภายในเจ็ดวันนี้ ข้าทั้งสามคนจะต้องนำไข่มุกทะเลใต้พิภพมาใช้แทนศิลาปี้ลั่วของผาเก็บดาว หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าหุบเขาจะไม่ผิดคำสัญญา”
ไข่มุกทะเลใต้พิภพหรือ?
นั่นคือศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพีหนี่ว์วา ซึ่งเขาตามหามานานหลายปี แต่ยังหาไม่พบ ไม่คิดว่าสิ่งล้ำค่าที่พวกเขาหามาแทนศิลาปี้ลั่วจะเป็นไข่มุกทะเลใต้พิภพ
เจ้าหุบเขาดีใจอย่างมาก “พวกเจ้าจะไปตามหาไข่มุกทะเลใต้พิภพที่ใด? ”
“เรื่องนี้ เจ้าหุบเขาอย่าได้กังวล ภายในเจ็ดวัน ข้าทั้งสามต้องนำไข่มุกทะเลใต้พิภพกลับมาเป็นแน่ ภายในเจ็ดวันนี้ หวังว่าเจ้าหุบเขาจะดูแลสหายทั้งสองของข้าเป็นอย่างดี! ” อวิ๋นจิ่นกล่าว
หากสามารถหาไข่มุกทะเลใต้พิภพมาได้ เจ้าหุบเขาย่อมดีใจอย่างมาก เขาจึงตอบตกลงด้วยความยินดี
แม้เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการแยกจากซูจิ่นซี ทว่าเป็นการจากกันเพียงชั่วคราว เขาให้ลวี่หลีและตงหลิงจวิ้นรับหน้าที่ดูแลซูจิ่นซีและตงหลิงหวง ทั้งยังให้จิ้นหนานเฟิงคุ้มครองอยู่ริมหน้าผา ไม่ให้ ‘สิ่งมีชีวิต’ ใดๆ เข้ามาใกล้
แม้จะรู้ดีว่าตำแหน่งที่ตั้งของผาเก็บดาวนั้นปลอดภัยและ ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ สาเหตุที่ซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้เพราะการใช้มนตร์ดำพ่อมด ซึ่งเขายังไม่วางใจ
หลังออกมาจากผาเก็บดาว มู่หรงฉีก็ถามอวิ๋นจิ่นว่า “หมอหลวงอวิ๋น พวกเราจะไปตามหาไข่มุกทะเลใต้พิภพที่ใด? ”
เยี่ยโยวเหยาก็มีคำถามเช่นเดียวกัน
ท่าทางของอวิ๋นจิ่นนั้นจริงจังมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับซูจิ่นซี อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของเขาจางหายไปนานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น รอยยิ้มของเขามีไว้เพื่อซูจิ่นซี เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น เขามักแสดงท่าทีเคร่งขรึมเสมอ
“ไปสำนักถังเหมิน! ”
“สำนักถังเหมินหรือ? ”
สำนักถังเหมินมีไข่มุกทะเลใต้พิภพหรือ?
แม้มู่หรงฉีจะไม่รู้ว่าไข่มุกทะเลใต้พิภพมีรูปร่างเป็นอย่างไร ทว่าหากสามารถใช้แทนศิลาปี้ลั่วได้ มันต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สำนักถังเหมินเป็นเพียงสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่งในอาณาจักรเทียนเหอ ซึ่งศึกษาด้านพิษและการสร้างอาวุธลับ พวกเขาจะมีไข่มุกทะเลใต้พิภพซ่อนอยู่ได้อย่างไร?
รายละเอียดและเหตุผลที่แท้จริง อวิ๋นจิ่นไม่อาจอธิบายให้มู่หรงฉีฟังได้ในขณะนี้
“ฉีอ๋อง ท่านอ๋อง ไข่มุกทะเลใต้พิภพอยู่ที่สำนักถังเหมินจริง พวกเราต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด หากล่าช้าอาจเกิดความผิดพลาดในการช่วยชีวิตพระชายาและรัชทายาทแคว้นตงเฉินได้”
พูดจบ อวิ๋นจิ่นก็ก้าวไปข้างหน้า
เยี่ยโยวเหยามองอวิ๋นจิ่นด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย ทว่าไม่พูดอันใดมาก ทั้งสามคนเดินทางมาถึงสำนักถังเหมินอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้เป็นยามกลางคืนพอดี พวกเขาจึงแอบเข้าไปในสกุลถังเพื่อไม่ให้ผู้ใดพบเห็น
ทันทีที่ทั้งสามเหาะลงบนหลังคาเรือนหลักของสกุลถัง ด้านนอกประตูก็มีเสียงของเจ้าสำนักถังเหมินและฮูหยินเตี๋ยเมิ่งดังขึ้น
เดิมที ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งคือภรรยาของถังอ้าวเทียน ทั้งยังเป็นนายหญิงของสกุลถัง แต่เพราะมีปัญหากับถังอ้าวเทียน นางจึงไปอยู่ที่หุบเขาร้อยบุปผา
“ฮูหยิน เจ้าใจเย็นลงหน่อยเถิด เมื่อกลับไป สามีจะสั่งสอนเด็กคนนั้นให้ดี! ” ถังอ้าวเทียนยืนอยู่ข้างหลังฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง และพูดอย่างเอาใจใส่
“หึ เจ้าจะสั่งสอนเขาหรือ? เขาเชื่อฟังเจ้าหรือ? หากเขาเชื่อฟังเจ้า ฮูหยินอย่างข้าคงไม่ต้องโมโหจนกลายเป็นเช่นนี้! ”
สีหน้าของถังอ้าวเทียนหมองคล้ำ ถังเป่าอวี้เป็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายในใจของถังอ้าวเทียน แม้เขาจะเป็นบุตรแท้ๆ ของตน ทว่าระหว่างพวกเขามีช่องว่างความสัมพันธ์พ่อลูก หลายปีมานี้ ถังเป่าอวี้ไม่เคยมองว่าตนเองเป็นคนของสกุลถัง เขาไม่เคยกลับมาเยือนสำนักถังเหมิน ยิ่งไม่เคยเรียกถังอ้าวเทียนว่าพ่อแม้แต่คำเดียว
กระทั่งชื่อตนเอง เขายังเปลี่ยนเป็นอู๋จุน
อู๋จุน ไม่มีครอบครัว ไม่มีบรรพบุรุษ…
“เจ้าลูกอกตัญญู! ” ถังอ้าวเทียนดุด่าอย่างรุนแรง
“ข้าไม่สนใจเขา เขาไม่ใช่บุตรของข้า ถังอ้าวเทียนไม่มีบุตรเช่นนี้! ” ถังอ้าวเทียนโกรธจนเครากระตุก
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งชักสีหน้าและเดินต่อไป “เขาก็ไม่เห็นท่านเป็นบิดาเช่นกัน! ”
ถังอ้าวเทียนตกตะลึงอีกครั้ง ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นเอาอกเอาใจ ก่อนจะเดินตามติดฮูหยินเตี๋ยเมิ่งอยู่ข้างหลังอย่างกระตือรือร้น “ฮูหยิน เจ้าดูสิ เจ้าไม่ได้กลับมาที่สำนักถังเหมินนานมากแล้ว วันนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เจ้ากับข้าไม่ได้เจอกันนานเช่นนี้ ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก เจ้าว่าคืนนี้… ”
“พรุ่งนี้เป็นวันไว้อาลัยของฮูหยินเฒ่า ข้ากลับมาจุดธูปให้ฮูหยินเฒ่า ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้า ถังอ้าวเทียน เจ้าดูแลบุตรของเจ้าให้ดีเถิด เขาอยู่กับถังเสวี่ยของข้าทั้งวัน จะให้คนนอกมองว่าอย่างไร? ”
ถังอ้าวเทียนเลิกคิ้ว “เหตุใดจึงพูดว่าถังเสวี่ยของเจ้า ฮูหยิน คำพูดของเจ้าไม่เกินไปหน่อยหรือ ถังเสวี่ยแซ่ถัง เป็นเลือดเนื้อของข้า ถังอ้าวเทียนด้วย”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งชักสีหน้าอีกครั้ง “หึ เดิมทีถังเสวี่ยก็ไม่ใช่บุตรสาวของเจ้า! ”
ใบหน้าของถังอ้าวเทียนพลันเขียวคล้ำ
แท้จริงแล้ว ไม่ได้มีเพียงใบหน้าของเขาที่เขียวคล้ำ กระทั่งหมวกก็เป็นสีเขียวเช่นกัน ทั้งยังเป็นสีเขียวมานานหลายปีแล้ว
ถังเสวี่ยไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของถังอ้าวเทียน แต่เป็นบุตรของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกับชายคนรักเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งหลายปีมานี้ ถังอ้าวเทียนไม่เพียงไม่โกรธเกลียดฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูแลถังเสวี่ยราวกับบุตรสาวแท้ๆ ของตน
กลับกัน เป็นฮูหยินเตี๋ยเมิ่งที่คอยหลบหน้าไม่ยอมพบถังอ้าวเทียน และอาศัยอยู่ที่หุบเขาร้อยบุปผาตลอดมา
ช่างเป็นคู่สามีภรรยาที่แปลกประหลาดที่สุดในรอบหมื่นปี
ถังอ้าวเทียนถูกฮูหยินเตี๋ยเมิ่งขัดจังหวะ ใบหน้าเขียวคล้ำกลายเป็นสีดำไปแล้ว ท่าทางเอาอกเอาใจก็หายไป “หึ ไม่ใช่บุตรสาวของข้าก็ไม่ใช่บุตรสาวของข้า แต่ข้ายังมีบุตรชายที่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของข้า! ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยกยิ้มอย่างเย็นชา “หึ ผู้ใดจะรู้ว่าเป็นบุตรแท้ๆ ของเจ้าหรือไม่ ไม่แน่ว่าตอนนั้น สาวใช้ผู้นั้นอาจมีความสัมพันธ์กับชายอื่น และมาพบเจ้าพอดีก็เป็นได้”
อู๋จุนเป็นบุตรที่เกิดจากสาวใช้ซึ่งอาศัยอยู่ในสำนักถังเหมิน เป็นบุตรที่เกิดจากถังอ้าวเทียนกับสาวใช้ผู้หนึ่ง แท้จริงแล้ว นี่คือสาเหตุที่อู๋จุนไม่ยอมกลับสำนักถังเหมินมาหลายปี
“เตี๋ยเมิ่ง เจ้าหยุดพูดจาไร้สาระ! ”
“ข้าไร้สาระหรือ? เขาเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเจ้าหรือไม่ เพียงเจ้าพาเขาไปทดสอบกับหินทดสอบชาติกำเนิด! เมื่อผลลัพธ์ออกมาก็จะรู้ความจริงทั้งหมด! ”
เดิมที เด็กทุกคนที่เกิดในสำนักถังเหมินต้องไปตรวจสายเลือดที่หินทดสอบชาติกำเนิด ถังอ้าวเทียนไม่พอใจหินทดสอบชาติกำเนิด เนื่องจากตอนนั้น เขาตรวจสอบพบว่าถังเสวี่ยไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตน ซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่อย่างมาก
ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ ในตอนนั้น เขารู้ชัดเจนว่าถังเสวี่ยไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตน แต่กลับดูแลถังเสวี่ยราวกับบุตรแท้ๆ การกระทำเช่นนั้นต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงใด
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเห็นสีหน้าของถังอ้าวเทียนหมองคล้ำ ก็รู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ เพียงถังอ้าวเทียนไม่มีความสุข นางก็ยินดีเป็นพิเศษ
ทั้งนางยังพูดกับถังอ้าวเทียนอย่างเย็นชาว่า “ถังอ้าวเทียน บุตรชายเจ้ายังลากบุตรสาวของข้าไปกราบไหว้ฟ้าดิน หึ เพียงเริ่มต้นก็ผิดเสียแล้ว เช่นนั้นจะมีความถูกต้องได้อย่างไร! ”
หลายปีมานี้ แม้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งจะอาศัยอยู่ที่หุบเขาร้อยบุปผามาโดยตลอด บางครั้งจึงจะกลับมา ทว่าถังอ้าวเทียนไม่เคยมีหญิงอื่น ในใจของเขามีเพียงฮูหยินเตี๋ยเมิ่งผู้เดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คำพูดของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งดูถูกกันเกินไป ในฐานะที่เป็นบุรุษผู้หนึ่ง ถังอ้าวเทียนควรมีความอดทนต่อสิ่งที่ควรอดทน ทว่าบางสิ่งก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป
เขาชักสีหน้าเคร่งขรึม “เตี๋ยเมิ่ง เป็นบุตรสาวของเจ้าที่รังควานบุตรชายของข้า หรือบุตรชายของข้ารังควานบุตรสาวของเจ้ากันแน่? หึ มีมารดาเช่นไรก็มีบุตรสาวเช่นนั้น เรื่องที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ต่อไปจะทำให้ถูกต้องได้อย่างไร”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเดือดดาลในทันที “ถังอ้าวเทียน เจ้าพูดอันใด? เจ้าลองพูดอีกครั้งสิ! ”
การเผชิญหน้ากับฮูหยินเตี๋ยเมิ่งที่กำลังเดือดดาล ถังอ้าวเทียนมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย ทว่าเขายังคงพูดอีกครั้งอย่างมั่นใจ “เรื่องที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ต่อไปจะทำให้ถูกต้องได้อย่างไร คราแรก หากไม่ใช่เพราะเจ้าเข้ามาพัวพันข้าอย่างไร้ยางอาย มีหรือที่ข้าจะหันมามองเจ้า? ”
ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งระเบิดอารมณ์โกรธ นางยืนอยู่บนขั้นบันไดสูง พลางยกสองมือเท้าสะเอว และจ้องเขม็งไปที่ถังอ้าวเทียน “ถังอ้าวเทียน แรกเริ่มเป็นเจ้าที่หน้าด้านไล่ตามจีบข้า หรือข้าตามจีบเจ้ากันแน่? เจ้าพูดออกมาให้ชัดเจน หากไม่ใช่เพราะเจ้าทำตัวเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัข (กระทำเพื่อหลอกลวงผู้อื่น) มาหลอกลวงข้า ข้าจะหันไปมองเจ้าหรือ? ”