สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน - เล่มที่ 23 ตอนที่ 677 วิญญาณของเผ่าอวิ๋นหุน
อวิ๋นจิ่นถอยหลังสองก้าว จำกัดเขตความปลอดภัยของซูจิ่นซีให้เล็กลง ดวงตาอ่อนโยนคอยเฝ้าระวัง
“นั่นคือสิ่งใด” ซูจิ่นซีถาม
“นั่นคือเผ่าอวิ๋นหุน! ”
“เผ่าอวิ๋นหุนหรือ? ”
แม้ซูจิ่นซีจะเข้าใจสถานการณ์ของอาณาจักรเทียนเหอ ทว่านางไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์อันลึกซึ้งของสามโลกเจ็ดดินแดน สำหรับเผ่าอวิ๋นหุนนั้น นางไม่เคยได้ยินมาก่อน
ดูเหมือนอวิ๋นจิ่นจะรับรู้ได้ถึงความสงสัยของซูจิ่นซี จึงอธิบายว่า “เผ่าอวิ๋นหุนเป็นสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเขาเมฆาไม่หวนคืน ในเวลาปกติ มันจะมีร่างกายเหมือนมนุษย์ แต่เมื่อเจอกับอันตรายหรือสิ่งผิดปกติ มันจะกลายร่างเป็นควันสีเขียว สีของหมอกหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น สามารถบ่งบอกระดับขั้นของคนเผ่าอวิ๋นหุนได้”
อวิ๋นจิ่นรอให้ซูจิ่นซีวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่คุ้นเคยครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายต่อว่า “หลังจากเผ่าอวิ๋นหุนกลายเป็นหมอกควันจะมีสีดังนี้ แดง เหลือง น้ำเงิน ดำ และขาว เรียกว่าวิญญาณอวิ๋น สีแดงมีระดับการฝึกตนต่ำสุด และสีขาวมีระดับการฝึกตนสูงที่สุด จากสีแดงเป็นสีเหลือง สีน้ำเงิน สีดำ และสีขาวตามลำดับ”
ซูจิ่นซีอดขมวดคิ้วไม่ได้ “หมอกขาวเป็นสีเดียวกับหมอกทั่วไปที่อยู่บนเขาเมฆามิใช่หรือ? หากเผ่าอวิ๋นหุนที่ฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดแฝงตัวอยู่ในหมอกของเขาเมฆา พวกเราคงไม่อาจแยกแยะได้ เช่นนั้นไม่อันตรายสำหรับพวกเราหรือ”
อวิ๋นจิ่นพยักหน้าเห็นด้วย เขาหันศีรษะไปมองซูจิ่นซี ดวงตาทอประกายอย่างลึกซึ้ง “ดังนั้น พระชายา พระองค์ต้องเดินตามกระหม่อมอย่างใกล้ชิด”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางต้องการดึงมือออกด้วยความอึดอัด ทว่าอวิ๋นจิ่นกลับบีบมือของนางแน่นขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วมองซูจิ่นซี “พระชายา จากที่กระหม่อมเห็น รอบตัวพวกเรามีคนของเผ่าอวิ๋นหุนอย่างน้อยสิบคนที่เป็นวิญญาณสีขาว เวลานี้ กระหม่อมคิดว่า พระองค์และกระหม่อมควรร่วมมือกันต่อสู้ พระองค์ทรงคิดเห็นอย่างไร? ”
ซูจิ่นซีไม่เชื่อ อาศัยความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ จะแยกกันต่อสู้ไม่ได้เชียวหรือ?
ยิ่งคิด ซูจิ่นซีก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกอวิ๋นจิ่นเอาเปรียบ
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจิ่นพูดด้วยท่าทีจริงจัง การแสดงออกของเขา ทำให้คนตกตะลึงจนไม่อาจแยกแยะใดๆ
ในที่สุด ซูจิ่นซีก็เลือกที่จะเงียบ
เลือกความชั่วร้ายที่น้อยกว่า ซูจิ่นซีเข้าใจหลักการนี้ดี ดังนั้นนางไม่อาจโต้แย้งอวิ๋นจิ่นในเวลานี้ได้
ทว่าซูจิ่นซีไม่มีทางคาดคิดได้เลย ตอนที่นางไม่ทันสังเกต อวิ๋นจิ่นกลับยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมีวิญญาณสีดำสองดวงและวิญญาณสีฟ้าสามดวง เปล่งประกายอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไป ยิ่งปรากฏวิญญาณเมฆาสีแดง เหลือง น้ำเงิน และดำมากขึ้นเรื่อยๆ วิญญาณเหล่านั้นขวางอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น ทำให้พวกเขาไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีก
ดวงตาของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยไอสังหารเข้มข้น นางค่อยๆ หยิบกระบี่เฟิ่งอวี่จากมาอาคมกำไลปี่อั้น อวิ๋นจิ่นก็เตรียมพร้อมเต็มที่ เขารวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือทั้งสอง
ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็เคลื่อนไหว ‘ขวับ ขวับ ขวับ’ กวัดแกว่งกระบี่เฟิ่งอวี่ ท่ามกลางวิญญาณเมฆาที่หนาแน่น ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของชายหญิง จากนั้น เหล่าวิญญาณเมฆาก็กลายร่างเป็นมนุษย์และล้มลงบนพื้น
ขณะที่ซูจิ่นซีลงมือ อวิ๋นจิ่นก็ลงมือเช่นกัน วิญญาณเมฆาจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์และล้มลงบนพื้น
เมื่อเห็นสหายได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังได้เห็นวรยุทธ์ของซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น พวกเขาทั้งหมดจึงล่าถอยด้วยความหวาดกลัว
เหล่าวิญญาณเมฆาถอยห่างออกไป จากนั้น กลุ่มหมอกหนาทึบก็สลายหายไป
ซูจิ่นซีก้าวไปข้างหน้า นางยกกระบี่เฟิ่งอวี่ชี้ไปที่หน้าอกของสตรีนางหนึ่ง “บอกมา พวกเจ้ามีกันกี่คน? ”
สตรีผู้นั้นดูหวาดกลัวเล็กน้อย นางขยับตัวถอยห่าง ทว่าดวงตากลับเปล่งประกายเฉียบคม และมองซูจิ่นซีด้วยความระแวดระวัง
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางขยับกระบี่เฟิ่งอวี่ไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล ทำให้ลำคอของสตรีนางนั้นเกิดบาดแผล และมีเลือดไหลซึมออกมา
สตรีนางนั้นร่างกายสั่นเทา นางหยุดเคลื่อนไหว และส่งเสียงอ้อนวอน “อย่า อย่าฆ่าข้าเลย! ”
“พูด พวกเจ้ามีกันกี่คน”
สตรีนางนั้นเม้มริมฝีปาก ใบหน้าปรากฏความลังเล นางเหลือบมองไปยังส่วนลึกของป่าทึบ ขณะที่กำลังจะพูด วิญญาณของบุรุษผู้หนึ่งที่ถูกซูจิ่นซีทำร้ายก็วิ่งเข้ามาจับกระบี่ของนาง
“แม่นาง ได้โปรดปล่อยพวกเราไป! พวกเรา… พวกเราไม่ได้ตั้งใจทำร้ายท่าน ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าแม่นางและคุณชายผู้นี้เป็นคนของโลกเขตแดน จึงลงมือ ด้วยวรยุทธ์ของแม่นางและคุณชาย พวกเรารู้แล้วว่าตนเองเข้าใจผิด แม่นาง ปล่อยเราไปเถิด! ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้น สตรีอีกนางหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พูดว่า “อาจู อาอวี่ อย่าไปขอร้องพวกเขาเลย ต่อให้ไม่ใช่คนของโลกเขตแดน ทว่าพวกเขาอาจเข้ามาในเขาเมฆาเพราะจุดประสงค์ชั่วร้าย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจมาเพื่อทำลายเผ่าอวิ๋นหุนของเรา พวกเจ้าอย่าขอร้องพวกเขา พวกเรามาร่วมมือกันฆ่าพวกมันเถิด! ”
“ใช่ ดูจากวิญญาณของพวกเขาแล้ว แม้ไม่ใช่ชาวเผ่าสวรรค์ ทว่าสถานะของเขาในโลกมนุษย์คงไม่ต่ำต้อยแน่นอน คนเช่นนี้จะเข้ามาในเขาเมฆาของเราด้วยจุดประสงค์ที่บริสุทธิ์ได้อย่างไร? สังหารพวกเขา! ”
“ใช่ ฆ่าพวกมัน! ”
“ฆ่าพวกเขา! ”
คนเผ่าอวิ๋นหุนที่เหลือล้วนมีใบหน้าน่ารังเกียจ พวกเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“ทว่า… ”
บุรุษที่ชื่ออาอวี่พูดอย่างลังเล ก่อนจะไม่พูดอันใดอีก และเหลือบมองไปยังส่วนลึกของป่าด้วยใบหน้ากังวล
หมอกปกคลุมจนมองไม่เห็นสิ่งใด ทว่าสายตาของเขาราวกับสามารถมองทะลุผ่านชั้นหมอก และมองเห็นไกลเข้าไปในป่าลึก
คนของเผ่าอวิ๋นหุนที่เหลืออีกหลายคน ต่างถืออาวุธครบมือ และค่อยๆ เดินเข้ามาหาซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่น
ซูจิ่นซีและอวิ๋นจิ่นต่างเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว พวกเขาถืออาวุธของตนแน่น
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน ทันใดนั้น บุรุษที่ชื่ออาอวี่ก็กระโดดเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าคนของเผ่าอวิ๋นหุน “หยุด อย่าลงมือ! ”
“อาอวี่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ”
“อาอวี่ เจ้ากำลังทำอันใด? ปกป้องศัตรูหรือ? ”
อาอวี่หันกลับมาด้วยใบหน้าจริงจัง “เป็นมิตรหรือศัตรูนั้นยังไม่แน่ชัด เวลานี้ เผ่าอวิ๋นหุนของเราไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูเพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้น จากวรยุทธ์ของพวกเขาทั้งสอง เจ้ามั่นใจหรือว่าสามารถเอาชนะพวกเขาได้? ”
เมื่อครู่ คนของเผ่าอวิ๋นหุนยังจ้องเขม็งและคิดจู่โจม ทว่าเวลานี้กลับรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ที่ไม่กลัวฟ้าเกรงสวรรค์ และไม่กลัวตาย!
“สู้ไม่ได้แล้วอย่างไร? ยังดีกว่าเป็นคนขี้ขลาด! ”
“ใช่! พวกเขาบุกเข้ามาในเขาเมฆาก่อน เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเราทำเกินไป! แค่ตายไม่ใช่เรื่องใหญ่! ”
ท่าทางของอาอวี่ยิ่งจริงจังมากขึ้น “ตายแล้วจะเกิดอันใดขึ้น? ”
บุรุษที่เพิ่งพูดว่า ‘แค่ตายไม่ใช่เรื่องใหญ่’ พลันตะโกนว่า “พวกเราตาย หาได้สำคัญอันใด ไม่ใช่ว่ายังมีคนของเผ่าอวิ๋นหุนอีกหลายพันคนหรือ พวกเขาจะฆ่าพวกเราทั้งหมดได้หรือ”
“หากพวกเขาสังหารพวกเราทั้งหมดจริงๆ เล่า? ” อาอวี่ถามกลับ “ในฐานะที่เป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งของเผ่าอวิ๋นหุน เจ้าควรปกป้องเผ่าของพวกเรา หรือเจ้าต้องการพาคนของเผ่าเราไปตาย? ”
บุรุษผู้นั้นก้มศีรษะด้วยความละอายใจ และไม่พูดสิ่งใดอีก
ทันใดนั้น บุรุษอีกคนก็พูดว่า “อาอวี่ เจ้ากลัวหรือ? เจ้าเป็นบุรุษที่กล้าหาญที่สุดในเผ่าอวิ๋นหุน ก่อนหน้านี้ เจ้าไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด! ต่อให้พวกเราไม่ตายในมือของพวกเขาทั้งสอง ก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเผ่าสวรรค์และชาวโลกเขตแดนมิใช่หรือ? ”
อาอวี่ราวกับได้ยินเพียงครึ่งประโยคแรก เขาตอบกลับไปว่า “ไม่ องค์ชายจึงจะเป็นวีรบุรุษที่กล้าหาญที่สุดของเผ่าอวิ๋นหุน”